การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 120
ตอนที่ 120
ความหมายที่แฝงอยู่ในคําพูดของคิมแดโฮฟังดูกํากวมไม่ชัดเจน แต่ซูฮยอนเข้าใจความหมายที่คิมแดโฮกําลังสื่อ
อีกฝ่ายมีความประสงค์ต้องการ [ส่งคืน] อาดามันเทียม ซึ่งหมายความว่าช่างฝีมือชายชราจะใช้หินแร่ก้อนนั้น ที่ซูฮยอนมอบให้เป็นของขวัญสร้างดาบเล่มใหม่
“ผมให้ของสิ่งนั้นกับลุงเป็นของขวัญ แต่ลุงต้องการส่งคืนให้ผม มันเหมือนกับว่าผมกําลังร้องขอให้ลุงตีดาบเล่มใหม่ให้ผมซะงั้น ผมคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะครับ”ซูฮยอนโบกมือปฏิเสธและตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ
เดิมที่ซูฮยอนไม่ได้ต้องการให้คิมแดโฮสร้างดาบจากอาดามันเทียมให้เขา สิ่งที่ซูฮยอนต้องการคืออยากเติมเต็มความฝันของคิมแดโฮให้เป็นจริง
นมอบหินแร่หายากให้กับคิมแดโฮ เพราะความหวังดีที่คิมแดโฮมให้แก่เขาล้วนๆ
เขาไม่ได้ปรารถนาอยากเสริมแกร่งให้อาวุธของตัวเองเลยสักนิดเดียว
แต่น่าเสียดายที่ชายชราหัวรั้นมากกว่าที่ซูฮยอนคิดไว้
“ของขวัญที่เธอให้มามันยอดเยี่ยมจริงๆ แต่มันจะยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกหากอยู่ในมือของฉัน เพราะงั้น เธอหยุดพูดเป็นต่อยหอยแล้วส่งดาบเล่มนั้นมาให้ฉันได้แล้ว”
“แต่ว่า….”
“ถ้าเธอไม่ยอมทําตามคําขอของฉัน ฉันคงยอมรับของขวัญชิ้นนี้ไม่ได้ เธอเอาของสิ่งนี้กลับบ้านไปด้วยก็แล้วกัน”
คิมแดโฮรีบยัดอาดามันเทียมเก็บเข้ากล่องเหมือนเดิมและปิดฝากล่อง จากนั้นเขาก็ผลักกล่องไปทางซูฮยอน สังเกตจากอากัปกิริยาดูเหมือนว่าคิมแดโฮตั้งใจจะคืนของขวัญจริงๆ
สถานการณ์ตรงหน้าอึดอัดสุดขีด ท้ายที่สุดซูฮยอนก็รู้สึกที่ว่าชายชราตรงหน้าหัวรั้นแค่ไหน…
“อืม…”ซูฮยอนขบคิดปัญหาและพยายามหาทางแก้ไข เมื่อได้ข้อสรุป เขาจึงหยิบฝักดาบออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“ผมจะจ่ายค่าเหนื่อยให้ลุงภายหลังนะครับ”
“ไม่ต้อง”
“ลุงยอมรับข้อเสนอของผมเถอะ ลุงอาจไม่รู้ ผมก็เป็นคนหัวรั้นเหมือนกันนะ”
คําพูดหนักแน่นสมเป็นลูกผู้ชายของซูฮยอน เป็นเหตุให้คิมแดโฮมองสลับไปมาระหว่างดาบที่วางอยู่บนโต๊ะและดวงตาเป็นมั่นเหมาะของชายหนุ่ม สุดท้ายคิมแดโฮก็เอื้อมมือออกไปหยิบดาบขึ้นมา
“ก็ได้ ทําตามที่เธอสบายใจเถอะ”
ชิ้ง!!
คิมแดโฮดึงดาบออกมาจากฝักเพื่อตรวจสอบความคม เขาพินิจมองดาบพลิกหน้าพลิกหลังเพื่อหาร่องรอยสึกหรอของอาวุธ
“อืม…เหมือนใบดาบจะมีรอยบินเล็กน้อยนะ”
ขณะกําลังประเมินความเสียหาย สายตาของคิมแดโฮมองไล่ตั้งแต่ล่างขึ้นบน
เหตุการณ์ธรรม ดาไม่มีทางทําให้ใบดาบ แกรม เกิดความเสียหายแน่นอน นอกจากรอยบินตามพื้นผิวใบดาบยัง มีรอยขีดข่วนเล็กๆเต็มไปหมด
“สงสัยคงเป็นเพราะมอนสเตอร์ตัวล่าสุดนะครับ ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะโค่นมันได้ เลือดตาแทบกระเด็นเลยครับ” ซูฮยอนตอบ
“มอนสเตอร์แข็งแกร่งมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ครับแข็งแกร่งสุดๆ ถ้าผมไม่มีดาบ แกรม ไว้ในมือ ผมคงโค่นมันไม่ได้”
ตั้งแต่ซูฮยอนกลับชาติมาเกิดใหม่ มอนสเตอร์ทั้งหมดที่ซูฮยอนเคยเผชิญหน้า ไม่ว่าจะเป็นกวามแข็งของเกล็ดหรือขนาดตัว อูโรโบรอส ถือได้ว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด กว่าเขาจะสังหารมันลงได้ ยากลําบากแสนเข็ญ
สมมุติตอนนั้นซูฮยอนถือดาบธรรมดา การฝาดฟันครั้งแรก ดาบต้องแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างแน่แท้
แต่การต่อสู้ในครั้งนั้นซูฮยอนถือดาบแกรม ซึ่งตีขึ้นมาจากคิมแดโฮ เขาจึงสามารถกระเทาะเกล็ดที่แข็งแกร่งทนทานของมอนสเตอร์และสร้างความเจ็บปวดแก่มันได้
“อืม..”
เมื่อคิมแดโฮได้ยินคําชมเชยจากซูฮยอนเกี่ยวกับดาบแกรม การแสดงออกของคิมแดโฮดูขวยเขินเล็กน้อย
เขาทําการตรวจสอบดาบต่อและเอื้อนเอ่ยขึ้น “จะเป็นอะไรไหม หากฉันอยากเก็บดาบเล่มนี้ไว้นานหน่อย เพื่อซ่อมแซมมันให้ดียิ่งขึ้น”
“ใช้เวลาซ่อมแซมน้อยสุด ครึ่งปี นานสุด หนึ่งปี ใช่ไหมครับ”
คําตอบของซูฮยอนค่อนข้างถูกและตรงประเด็น คิมแดโฮช้อนตามองเด็กหนุ่มตรงหน้าและพูด “เธอรู้ได้ไง?”
“ผมก็แค่เดานะครับ”
ซูฮยอนคิดพิเคราะห์ในหัวเงียบๆ เหตุใดคิมแดโฮถึงใช้เวลานานขนาดนั้น
ช่วงเวลาที่สร้างดาบแกรมขึ้นมา คิมแดโยใช้เวลาสร้างแค่ครึ่งปีเท่านั้น แม้ทักษะการตีอาวุธในปัจจุบันของคิมแดโฮจะพัฒนาขึ้น หากต้องการซ่อมแซมดาบแกรมให้สมบูรณ์และเสริมแกร่งด้วยอาดามันเทียมต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม
ช่างฝีมือคิมแดโฮผงกหัวให้กับการคาดเดาของซูฮยอนที่ค่อนข้างตรงเผงและเก็บดาบเข้าฝัก
“การคาดเดาของเธอถูกต้อง เวลาที่ฉันคํานวณไว้ก็ประมาณนั้นเหมือนกัน หากอาดามันเทียมแข็งแกร่งเหมือนในข่าวลือ การหลอมละลายให้มันกลายเป็นของเหลว อาจต้องใช้เวลานานหน่อย แต่สําหรับฉันมันคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่”
คิมแดโฮหยิบกล่องบรรจุอาดามันเทียมขึ้นมาและยิ้มมุมปาก “ดาบที่สร้างมาจากหินอิเธอร์ระดับสูงสุด ผนวกเข้ากับอาดามันเทียม ฉันเอาหัวเป็นประกัน ด้วยวัตถุดิบทั้ง 2 อย่าง เมื่อนํามาผสมผสานกัน ต้องได้ดาบที่ทรงพลังยิ่งใหญ่เหนือกว่าใครๆแน่นอน”
“ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอมันครับ”
มาดสุภาพอ่อนโยนของซูฮยอนปลิวหายไปหมดสิ้น คําพูดของคิมแดโฮกระตุ้นความคาดหวังของซูฮยอนให้ตื่นตัว
ความคาดหวังที่ซูฮยอนตั้งไว้มากกว่าช่างฝีมือคิมแดโฮเสียอีก เพราะในอดีตเขาเคยใช้อาวุธที่สร้างมาจากวัตถุดิบพวกนี้มาก่อน
<<หินอีเธอร์ระดับสูงสุด อาดามันเทียม และที่ขาดไปไม่ได้ คิมแดโฮ>>
การรวมตัวขององค์ประกอบทั้ง 3 อย่าง จะก่อเป็น…
<<บัลมุงก์>>
ดาบที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาดาบที่ซูฮยอนเคยถือเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้
มันเป็นผลงานชิ้นโบแดงของช่างฝีมือคิมแดโฮและไอเทมชิ้นนั้นถูกกวะแกว่งโดย ฮีโร่คิมซองอิน
คาดไม่ถึงว่าซูฮยอนกําลังจะได้สัมผัสกับ บัลมุงก์ อีกครั้ง
ซูฮยอนรู้อยู่แก่ใจไม่ช้าก็เร็ว เขาคงได้ถือดาบเล่มนั้นอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้ทราบว่ารออีกประมาณหนึ่งปี ดาบเล่มนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ ก็ทําให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำระสายไม่เป็นจังหวะ
เคร้ง! เคร้ง!!
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้คิมแดโฮยังบ่นรําพึงรําพันเกี่ยวกับอาการปวดหลัง แต่ทันทีที่ได้อาดามันเทียมและดาบจากซูฮยอน คิมแดโฮรีบลุกออกจากบ้านพักและลุยงานที่ตัวเองรักต่อทันที
แน่นอนว่าคิมแดโฮไม่ลืมให้ซูฮยอนยืม “ดาบที่ดีที่สุดในสถานที่ทํางาน” เอาไปใช้แก้ขัด
เสียงค้อนลงน้ำหนักบนของแข็งดังออกมาเป็นจังหวะ ซูฮยอนใส่รองเท้าแล้วเตรียมตัวออกจากสถานที่ทํางานของคิมแดโฮ
<<ลุง ทั้งคุณและผมมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนกันเลย…>>
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังออกมาจากปากซูฮยอน สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นผลดีกับซูฮยอน
แต่ส่วนลึกของจิตใจ กลับรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจ
อาดามันเทียม….
สําหรับช่างตีเหล็กอาดามันเทียมไม่ใช่หินแร่ธรรมดา แต่มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์มากกว่า
“เธอเคยได้ยินเรื่องราวของฮิฟิสตัสหรือปาว?” เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ซูฮยอนนําดาบมาซ่อมแซม จู่ๆคิมแดโฮก็โพล่งตั้งคําถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ผมเคยได้ยินมาบ้าง รู้สึกเขาจะเป็นเทพเจ้าแห่งช่างตีเหล็กสินะครับ”
“แล้วเธอรู้ไหมว่าค้อนที่หมอนั่นใช้ มีส่วนประกอบอะไรบ้าง?”
แม้ฮิฟิสตัสจะเป็นเพียงตํานาน แต่ในตํานานเขาก็เป็นถึงเทพเจ้า ทว่าคิมแดโฮกลับเรียกสรรพนานของเทพเจ้า ว่า “ หมอนั่น” แบบห้วนๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เหมาะกับบุคลิกห่ามๆของคิมแดโฮดี
“ผมไม่รู้ครับ”ซูฮยอนตอบ
“ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องไม่รู้ งั้น…เธอรู้ไหมว่าอาดามันเทียมคืออะไร?”
“รู้สิครับ มันเป็นหินแร่ชนิดใหม่ที่พึ่งถูกค้นพบในดันเจี้ยนระดับสีเขียวเมื่อ 8 ปีก่อน”
“สําหรับคนทําอาชีพสายเดียวกับฉัน อาดามันเทียม ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจ ไม่ใช่สิ มันเป็นเหมือนของในตํานาน เธอรู้ไหมค้อมที่ธอร์ใช้กวัดแกว่งก็ทํามาจากอาดามันเทียมด้วยเช่นกัน”คิมแดโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ในบันทึกกล่าวไว้ว่าค้อนของฮิฟิสตัสมีขนาดใหญ่โตมาก ใหญ่ถึงขั้นที่ว่า อาดามันเทียม ที่มีอยู่ในอดีตกาล ไม่สามารถหลอมค้อนแบบเดียวกับฮิฟิสตัสอันที่สองออกมาได้ แล้วยังมีเรื่องเล่าลืออีกว่า ต่อให้ช่างตีเหล็กคนนั้นจะไร้ฝีไม้ลายมือ แต่หากเขาใช้ค้อนของฮิฟิสตัสสร้างอุปกรณ์ อุปกรณ์ชิ้นนั้นจะกลายเป็นอุปกรณ์ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์”
“แต่มันก็เป็นแค่ตํานานไม่ใช่เหรอลุง?”
“ใช่มันก็เป็นแค่ตํานาน แต่เพราะมันเป็นตํานาน มันถึงได้มีความน่าค้นหาแฝงอยู่ไง แถมยังเสริมสร้างจินตนาการผู้ฟังได้ดีด้วย”
คิมแดโฮก้มหน้ามองค้อนของตัวเอง แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังอะไรบางอย่าง
ซูฮยอนไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องราวต่อจากนั้น แต่เขาก็ทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของช่างฝีมือคิมแดโฮ
คิมแดโฮอยากสร้างค้อนอาดามันเทียมเลียนแบบขึ้น และ ใช้ค้อนนั้นรังสรรค์อุปกรณ์ใหม่ๆออกมา
นั่นจึงเป็นเหตุผล ทําไมซูฮยอนถึงกลุ้มใจ
“ฉันคงต้องหาทาง ทําอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนเขา”
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตก่อนหน้าหรือชีวิตปัจจุบัน คิมแดโฮก็ดันทุรังเลือกที่จะสร้างดาบให้ซูฮยอนแทนที่จะเอาของสิ่งนั้นทําความฝันของตัวเองให้เป็นจริง
ซูฮยอนพยายามชดใช้หนี้น้ำใจของคิมแดโฮให้หมด ไหงทําไปทํามาห นี้น้ำใจกลับพอกพูนขึ้นอย่างช้าๆซะงั้น
ขณะซูฮยอนกําลังผลักประตูออกจากสถานที่ทํางานของคิมแดโฮ จู่ๆเขาก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา
“อ่า…ฉันลืมเรื่องนั้นไปได้ยังไงเนี่ย”
เคร้ง!! เคร้ง!
ซูฮยอนนึกถึงธุระอีกอย่างหนึ่งออก เหตุผลที่เขามาที่นี่นอกจากเอาของขวัญมามอบให้คิมแดโฮแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง
“หอกปราบมังกร…”
เขายืนนิ่งอยู่กับที่และตริตรองสักพัก ก่อนตัดสินใจเดินออกจากสถานที่ทํางานไป
เมื่อเห็นภาพคิมแดโฮกําลังง่วนอยู่กับการตีดาบ ซูฮยอนทําใจบอกความจริงไม่ลง ว่าหอกปราบมังกรถูกใช้งานไปจนหมดแล้ว
สุดท้ายซูฮยอนจึงควักคะแนนความสําเร็จ ที่พึงได้รับมาจากการเคลียร์ชั้นที่ 30 ซื้อหอกปราบมังกรเก็บสํารองไว้
จํานวนคะแนนความสําเร็จที่เขาได้รับจากชั้นที่ 30 มีมากพอในการซื้อหอกปราบมังกร โดยที่ขนหน้าแข้งไม่ร่วง
<<แม้จะสิ้นเปลืองไปบ้าง แต่ถือซะว่าเป็นการซื้อความสะดวกสบายก็แล้วกัน>>
ความจริงที่ซูฮยอนยอมควักคะแนนความสําเร็จซื้อหอกปราบมังกร เพราะต้องการให้มันเป็นอาวุธสํารอง เพื่อใช้ยามคับขันและรอให้บัลมุงก์สร้างเสร็จสมบูรณ์
นอกจากนี้ซูฮยอนไม่มีเหตุเร่งด่วนอะไรรีบใช้คะแนนความสําเร็จอยู่แล้ว หลังจากเคลียร์ชั้นที่ 30 เรียบร้อย แผนแรกที่ซูฮยอนวางไว้คือจะใช้คะแนนความสําเร็จซื้อตัวเร่งปฏิกิริยาระดับสูงสุด แต่แผนนั้นก็ถูกปัดตกไป เพราะเขาได้ดูดซับพลังงานของอูโรโบรอส
หอกปราบมังกรที่ซูฮยอนซื้อมาเก็บสํารองไว้ มีด้วยกันทั้งหมด 5 เล่ม
<<ไม่รู้ว่ามรุเป็นอะไรหรือป่าว เขาไม่ยอมออกมาข้างนอก 2-3 วันแล้วด้วยสิ>>
นับตั้งแต่ต่อสู้กับอูโรโบรอสจนหมดเรี่ยวแรง มังกรน้อยของเขาไม่ยอมออกมาข้างนอกอีกเลย
ซูฮยอนอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงเร่งโทรไปหาซงฮยองกิเพื่อขอคําแนะนํา เสียงปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“นายไม่ต้องกังวล สิ่งที่เกิดขึ้นกับมิรุ หมายความว่าเขากําลังเติบโตขึ้น”
“เติบโตขึ้น? กะทันหันจัง?”
“สําหรับนายมิรุค่อนข้างเติบโตเร็วใช่ไหม แต่สําหรับฉัน มิรุเติบโตได้ช้ามาก เมื่อนําไปเทียบไปมังกรตัวอื่น”
“รู้ไหม มิรุเติบโตช้ากว่ายงน้อยของฉันอีก…”
“ฉันเองก็อธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ของมิรุมากไม่ได้ เพราะการเติบโตของเด็กคนนั้นแตกต่างจากยงน้อยของฉันมาก แต่สิ่งที่กําลังเกิดขึ้นกับมิรุไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ฉะนั้นนายไม่ต้องกังวล [ช่วงเวลาจําศีล] สําหรับมังกร ในอีกแง่หนึ่งหมายความว่าพวกเขากําลังเติบโตขึ้น”
ช่วงเวลาจําศีล
คือคําอธิบายของซงฮย็องกิเกี่ยวกับการหลับใหลของมิรุ จะว่าไปหนังสือที่มัลคอล์มให้ยืมอ่านก็เน้นย้ำถึงความสําคัญการจําศีลของมังกรด้วยเช่นกัน
<<มิรุกําลังเติบโตขึ้นงั้นเหรอ?>>
หากนับตั้งแต่มิรฟักออกมาจากไข่ ก็ผ่านมาแล้วครึ่งปี
อีกไม่นานจะกําหนดหนึ่งปี แต่ขนาดตัวของมิรุเล็กมากๆเมื่อเทียบกับมังกรตัวอื่น
ทําให้ซูฮยอนกังวลมาตลอด หลังจากได้ยินคําอธิบายของซงฮย็องกิว่ามิรุกําลังเติบโต เขาทั้งดีใจและคาดหวังในเวลาเดียวกัน
<<ฉันหวังว่ามิรุจะไม่นอนเพลินจนลืมวันตื่นหรอกนะ>>
การใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของซูฮยอนอยู่อย่างสันโดษ ดังนั้นมิรุจึงเปรียบเสมือนลูกชา ยตัวน้อยๆของเขาทั้งน่ารักและน่าเอ็นดู ตัวตนของมิรสร้างสีสันชีวิตให้แก่ซูฮยอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตลกหรือเรื่องปวดหัว พอไม่มีมิรุแสนน่ารักคอยปวนประสาท ซูฮยอนรู้สึกบางอย่างในชีวิตขาดหายไปและเหงาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ซูฮยอนพับความคิดเกี่ยวกับมิรุเก็บไว้ในใจและมุ่งหน้าเข้าสู่หอคอยแห่งการทดสอบ
[การทดสอบชั้นที่ 31 กําลังเริ่ม]
ทันทีที่การทดสอบเริ่มขึ้น ทัศนียภาพตรงหน้าค่อยๆบิดเบี้ยว และโลกใบใหม่ก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาซูฮยอน
โลกใบใหม่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย ซูฮยอนพบว่าตอนนี้ตัวเองกําลังยืนอยู่กลางสนามประลอง ลักษณะคล้ายกับโคลอสเซียม และตามมุมต่างๆของสนามประลอง มีมอนสเตอร์ถูกขังไว้อยู่ในกรง สายตาของมันตรึงไว้ที่เขา
ซูฮยอนมองสํารวจสภาพแวดล้อมคร่าวๆ การทดสอบครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกับการทดสอบรอบแรก แต่มีรายละเอียดบางส่วนแตกต่างกัน
“เฮ้! เฮ้!! เฮ้!!”
“ฆ่ามัน!!! ฆ่ามัน!!!”
ภายในโคลอสเซียมมีผู้คนหลายหมื่นคนจับจองที่นั่งจนเต็ม สายตาบ้าระห่ำและเสียงเอ็ดตะโรแสบแก้วหูพุ่งตรงไปหาซูฮยอน การแสดงออกของพวกเขาเหมือนถูกอะไรบางอย่างสิงสถิต
โทุกๆ 3 ปี จักรวรรดิโมลีน จะมีการจัดงานเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ขึ้น นักรบต่างแดนที่ถูกจับตัวเป็นเชลยศึก จะถูกคัดเลือกให้กลายมาเป็นอาหารแก่มอนสเตอร์ที่ทางจักรวรรดิทรงเลี้ยงเอาไว้ และคุณเป็นลูกแกะตัวแรกของพิธีเปิดงานเทศกาล]
[โปรดเลือกเป้าหมายของคุณ]
[ตัวเลือกที่ 1. ถล่มโคลอสเซียม]
[ตัวเลือกที่ 2. หลบหนีออกจากโคลอสเซียม]
[ตัวเลือกที่ 3. มีชีวิตรอดให้พ้นวันนี้]
[ตัวเลือกทั้ง 3 ความยากเรียงลําดับจากบนสุดไปล่างสุด อัตราความสําเร็จขึ้นอยู่กับระดับความยากที่เลือก]
แม้การทดสอบจะมีกลิ่นอายคล้ายกับการทดสอบรอบแรก แต่ที่แตกต่างออกไปคงเป็นมอนสเตอร์ที่มีความแข็งแกร่งขึ้น ไม่เพียงแค่นั้นตัวเลือกของซูฮยอน ยังมีให้เลือกอีกหลายข้อ
สมมุติเขาเลือกตัวเลือกที่ 3 สิ่งที่ซูฮยอนต้องทําคือต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่หลั่งไหลออกมา
อย่างไรก็ตาม หากเขาเลือกตัวเลือกที่ 1 หรือตัวเลือกที่ 2 ซูฮยอน อาจกลายเป็นศัตรูของจักรวรรดิและโดนกลุ่มอัศวินตามไล่ล่า
คําอธิบายก็ระบุความยากเอาไว้อย่างชัดเจน และในตัวเลือกทั้ง 3 ซูฮยอนคิดไว้อยู่ในใจเรียบร้อย
“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว”
ไม่จําเป็นต้องคิดเรื่องนี้ให้เสียเวลา
“ฉันเลือกตัวเลือกที่ 1”
ถ้าซูฮยอนต้องการผ่านการทดสอบง่ายๆ เขาคงไม่บากบั่นผ่านการทดสอบ โดยเลือกความยากระดับที่ 10 หรอก
[คุณเลือกตัวเลือกที่ 1]
[การทดสอบไม่มีทางยุติ จนกว่าคุณจะถล่มโคลอสเซียม]
แม้ซูฮยอนจะเลือกเดินบนเส้นทางที่ยากลําบาก แต่เอาเข้าจริงๆเขาไม่มีความกังวลเลยสักนิดกลับกันเขาดีใจเสียด้วยซ้ำ
บนสนามประลองแห่งนี้ เขาไม่จําเป็นต้องใช้ความคิดให้หนักสมอง สิ่งที่ซูฮยอนควรทําเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก นั่นก็คือล้างผลาญทุกอย่างที่อยู่ในครรลองสายตา
ครืน!!
กรงเหล็กแข็งแรงซึ่งทําหน้าที่ยังมอนสเตอร์เอาไว้ด้านหลัง เริ่มเปิดแง้มขึ้นที่ละกรง
ซูฮยอนจับตาดูมอนสเตอร์ที่กําลังก้าวออกมาจากกรงเหล็กทั้ง 4
เมื่อพวกมันสังเกตเห็นร่างกายซูฮยอน น้ำลายเหนียวเหนอะไหลออกมาจากปากเป็นสาย
มอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวออกมามีชื่อว่า สเน็คไลอ้อน ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิงโต สิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม คงเป็นปลายห่างที่มีหัวงู สามหัวงอกออกมา
“คิดไปคิดมา ที่นี่ก็เหมาะแก่การเป็นสนามทดสอบความสามารถของสกิลเหมือนกันแฮะ”
ซูฮยอนกําลังมองหาโอกาสและจังหวะ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสกิลที่พึ่งได้รับมาใหม่
คุณลักษณะใหม่ที่พึ่งได้มาหมาดๆของเขาคือเนตรที่สาม หลังจากเปิดใช้ ประสาทสัมผัสของเขาถูกยกระดับขึ้นยิ่งกว่าเดิม ส่งผลให้เขารับรู้สิ่งต่างๆรอบตัวได้มากขึ้นและเฉียบคม
ระหว่างซูฮยอนเผชิญหน้ากับเปโตร เขาพยายามทดลองความสามารถใหม่ไปแล้วคราวหนึ่งแต่ครั้งนั้นเขามีโอกาสใช้เนตรที่สามช่วงเวลาสั้นๆ เขาจึงไม่รู้ว่าเนตรที่สามทําอะไรได้อีกบ้าง
“โจมตีมัน! โจมตีมัน!”
เสียงตะโกนโห่ร้องปลุกเร้าอารมณ์ ดังออกมาจากผู้ชมมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ฝึกมอนสเตอร์ของจักรวรรดิ ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของ สเน็คไลอ้อน ค่อยๆลดสัญญาณมือลงอย่างเชื่องช้า
เนตรที่สามเปิดขึ้นกลางหน้าผากซูฮยอน เตรียมพร้อมต่อสู้
ระหว่างนั้นเอง สเน็คไลอ้อนก็ถีบเท้าพุ่งตรงมาหาเขา ซูฮยอนเหยียดมือออกไปข้างหน้า
“จงนั่ง”
เขาตะเบ็งคําสั่งที่ไตร่ตรองเอาไว้ในหัวออกมาเสียงดังชัดถ้อยชัดคํา
สเน็คไลอ้อนที่กําลังวิ่งพรวดมาหาซูฮยอน ขาคู่หน้า คู่หลังค่อยๆหย่อนกําลังลง
พวกมันโน้มหัวไปข้างหน้า ลําตัวหมอบราบลงไปบนพื้น
เนื้อตัวของสเน็คไลอ้อนสั่นเทิ้ม หัวก้มจรดพื้นด้วยท่าทางหวั่นเกรง
ปฏิกิริยาครั่นคร้ามที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทําให้ซูฮยอนเริ่มแน่ใจว่าความสามารถอย่างแรกของเนตรที่สามคืออะไร..
[เนตรที่สาม – ผู้ล่า]