การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 142
ตอนที่ 142
โลกทั้งใบตกอยู่ในความปั่นป่วน ไม่เพียงแต่พิธีกรที่ดําเนินรายการถ่ายทอดสดสงครามแก่งแย่งอันดับเท่านั้น กระทั้งผู้ชมทางบ้านหลายร้อยล้านคนก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน พวกเขาทําใจเชื่อผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาไม่ได้ ผลลัพธ์การต่อสู้กลับตาลปัตรไปจากการคาดการณ์ที่พวกเขาเคยคิดไว้
“รีบเขียนบทความใหม่เร็วเข้า พาดหัวข่าวตัวใหญ่ๆว่า [กอร์ดอนโรฮันพ่ายแพ้ในการต่อสู้รอบแรก] สรุปเหตุการณ์การต่อสู้ให้รวบรัดมากที่สุดแล้วอัปโหลดบทความขึ้นเว็บไซต์ซะ”
“ได้ครับ!! เอ่อคือว่าหัวหน้าครับเหมือนจะมีบางสํานักพิมพ์ชิงตัดหน้าเขียนบทความรายงานผลการต่อสู้ ไปก่อนหน้าพวกเราแล้วนะครับ”
“ว่าไงนะ? บัดซบเอ๊ย แสดงว่าสํานักพิมพ์พวกนั้น คงเขียนบทความเตรียมไว้ล่วงหน้าไม่ผิดแน่?”
“บทความที่เขียนร่างเอาไว้ จะทํายังไงต่อดีครับ?”
“ลบมันไปซะ!! แล้วเปลี่ยนไปเขียนบทความเกี่ยวกับคิมซูฮยอนแทน จากนี้เป็นต้นไปพวกนายทุกคนต้องติดตามสงครามแก่งแย่งอันดับแบบเรียลไทม์และห้ามคลาดสายตาเด็ดขาด”
“รับทราบครับ หัวหน้า!!”
นอกจากพิธีกรจะดําเนินรายการถ่ายทอดสดสงครามแก่งแย่งอันดับและต้องรายงานผลการต่อสู้ให้ผู้ชมทางบ้านรับทราบแล้ว ทางผู้สื่อข่าวและสํานักข่าวต่างวิ่งวุ่นเสนอข่าวกันให้จ้าละหวั่น
การที่กอร์ดอนโรฮันพ่ายแพ้ตั้งแต่การต่อสู้รอบแรกเป็นสถานการณ์ที่หลายคนไม่คิดไม่ฝันแม้คู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นคิมซูฮยอน แต่ความคิดเห็นของผู้คนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นว่ากอร์ดอนโรฮันมีโอกาสชนะมากกว่า ตัวเลข 5 เปอร์เซ็นต์ และ 95 เปอร์เซ็นต์ คืออัตราเดิมพันระหว่างซูฮยอนและกอร์ดอนโรฮัน
การเดิมพันย่อมมีความเสี่ยง แต่ถ้าลงเดิมพันได้ถูกข้างก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาลสํานักข่าวและสํานักพิมพ์ที่เขียนข่าวซูฮยอนเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็เปรียบเสมือนถูกรางวัลใหญ่ทันทีที่ซูฮยอนเอาชนะกอร์ดอนโรฮันมาได้สําเร็จ พวกเขารีบอัปโหลดบทความซูฮยอนขึ้นเว็บโดยไม่รีรอทําให้เพียงไม่กี่นาที่มีผู้คนจํานวนมากคลิกอ่านบทความไปแล้วหลายแสนครั้ง
ฟากสถานีโทรทัศน์ของประเทศเกาหลีใต้ก็กําลังตกอยู่ในสถานการณ์อลหม่านเหมือนกับประเทศอื่นๆ ผู้ตื่นขึ้นจากประเทศเกาหลีใต้มีชัยชนะเหนือกอร์ดอนโรฮันเป็นหัวข้อสนทนาใหญ่ที่เป็นประเด็นร้อนแรง ผู้คนจํานวนมากถกเถียงกันหน้าดําหน้าแดง
“ไม่สําคัญว่าเขาจะคว้าชัยชนะในสงครามแก่งแย่งอันดับมาได้หรือไม่ การที่เขามอบความพ่ายแพ้ให้แก่กอร์ดอนโรฮันสําคัญยิ่งกว่า รีบไปเตรียมความพร้อมซะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเราต้องสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับคิมซูฮยอนให้ได้!”
“ พวกเราบินลัดฟ้าไปหาซูฮยอนถึงที่ดีไหมครับ?”
“บินไปหางั้นเหรอ เป็นความคิดที่เข้าท่า พวกเราต้องหาเขาให้เจอ ก่อนที่สํานักข่าวอื่นจะตัดหน้าไปไม่สิบางทีพวกเขาอาจบินไปหาซูฮยอนก่อนพวกเราแล้วก็ได้”
“หัวหน้าครับ!!”
“มีอะไร? ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกําลังยุ่ง”
“รอบชิงชนะเลิศ ผมดูจากรูปการแล้ว ใช้เวลาอีกไม่นานคงได้ผลสรุป!!”
“ หมายความว่าไง?”
โปรดิวเซอร์นายหนึ่งจากสถานีโทรทัศน์ช่อง CBC สาละวนออกคําสั่งให้กับลูกมือ รีบหันขวับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว พลางมองหน้าจอทีวีด้วยสายตาเบิกโพลง
“อย่าบอกนะว่าเขากําลังต่อสู้กับคนที่สามแล้ว?”
กอร์ดอนโรฮันเพิ่งแพ้การต่อสู้ไปหยกๆ แต่ภาพซูฮยอนที่ปรากฏในทีวีตอนนี้ คู่ต่อสู้คนที่สามที่กําลังประมือกับซูฮยอนล้มตึงก้นเบ้าลงไปกับพื้น
ตูม!!
ซูฮยอนบีบคอคู่ต่อสู้แล้วกระแทกร่างกายของอีกฝ่ายลงพื้นเต็มแรง คนที่เขากําลังต่อสู้ด้วยเป็นผู้ตื่นขึ้นสายแอสซาสซิน ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องความคล่องแคล่วว่องไว อีกฝ่ายเคลื่อนที่เปลี่ยนตําแหน่งไปเรื่อยๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและหลอกให้ซูฮยอนเกิดความสับสน
“ถ้านายต้องการรอนกําลังของฉัน นายควรโจมตีฉันจากระยะไกลไม่ใช่ระยะประชิด”ซูฮยอน กล่าวแนะ
“อึก…”
นัยน์ตาของผู้ตื่นขึ้นสายแอสซาสซินเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน น้ําลายฟองฟอดกระฉอกออกมาจากปาก ไม่นานเจ้าตัวก็หมดสติไปทั้งอย่างนั้น
คู่ต่อสู้ที่ซูฮยอนต้องเกี่ยวขันด้วยคนนี้ เคลื่อนไหวสลับตําแหน่งไปมาได้รวดเร็ว กว่าเขาจะจับ อีกฝ่ายได้ กินเวลาไม่ใช่น้อย
“เอาล่ะ คนต่อไป”
ซูฮยอนบีบนวดข้อมือตัวเองและเงยหน้าขึ้น เขามองไปยังอัฒจันทร์ มีผู้เข้าแข่งขัน 2 คนที่ยกมือขึ้นอยากต่อสู้กับเขาเป็นรายต่อไป ทุกคนที่นั่งรออยู่บนอัฒจันทร์มีความกระตือรือร้นอยากต่อสู้กับซูฮยอนใจจะขาด แต่เพราะมีคนยกมือพร้อมกันถึง 2 คน พวกเขาส่วนใหญ่จึงอดใจรอไปก่อน
ฟรี่บ!!
ใช้เวลาไม่นานผู้เข้าแข่งขันที่ยกมือ 2 คนก็ได้ข้อสรุป หนึ่งในนั้นกระโดดลงมาจากอัฒจันทร์ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏต่อสายตาซูฮยอน อีกฝ่ายเป็นผู้ตื่นขึ้นจากประเทศจีนนามว่าหวังหยู่
“การแข่งขันแย่งชิงตัวนาย ดุเดือดเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ”
เขายกมือเป็นคนแรกๆตั้งแต่การต่อสู้ของกอร์ดอนโรฮันและซูฮยอนได้ผลสรุป แต่คนอื่นยกมือได้เร็วกว่าหวังหยู่ได้แต่นั่งรอรอบต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ และแล้วความพยายามของเขาก็สัมฤทธิผลทําให้เขาลงสนามในรอบนี้ได้
“อืม…เหมือนพวกเราจะเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม หรือว่าฉันจําผิด?”ซูฮยอนถาม
“ขอบคุณที่ยังจํากันได้” หวังหยู่กล่าว
“อาการบาดเจ็บตรงข้อมือของฉันหายดีเป็นปกติแล้ว ฉันจึงสามารถผ่านรอบคัดเลือกมาได้อย่างไม่มีปัญหา
ซูฮยอนได้ยับยั้งการต่อสู้ระหว่างเขาและผู้ตื่นขึ้นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งบนชั้นบนสุดของหอคอยกอร์ดอน ในตอนนั้นซูฮยอนบดขยี้กระดูกบริเวณข้อมือของหวังหยู่เพื่อปรามการต่อสู้ไม่ให้บานปลาย
“ถ้าเดาไม่ผิด นายคงได้หมอดีช่วยรักษาให้ละสิท่า”
“ถูกเผง สมาชิกคนหนึ่งในกิลด์ของฉัน มีสกิลฟื้นฟูเป็นเลิศ เขาจึงสามารถต่อกระดูกที่แตกหักของฉันได้ภายในระยะเวลาครึ่งวัน”
“คิดอะไรอยู่ ทําไมนายถึงลงมาเร็วจัง น่าจะรอเวลาอีกหน่อยนะ”
“ฉันเข้าใจดีว่าต่อให้ยื้อเวลาออกไป นายก็เอาชนะฉันได้อยู่ดี ความปรารถนาที่ฉันตั้งไว้คืออยากต่อสู้กับนาย ในขณะที่นายยังมีพละกําลังเหลืออยู่” หวังหยู่กล่าวตอบพลางสวมถุงมือสายตาคมกริบจ้องมองไปที่ซูฮยอน
“ฉันไม่ได้กะเอาชนะนายอยู่แล้ว แค่โจมตีนายให้ได้สักครั้ง เพียงเท่านี้ฉันก็ตายตาหลับ”
ปัง!!
หลังจากสวมถุงมือเสร็จหวังหยู่กระแทกหมัดเข้าหากัน เสียงและคลื่นลมแผ่กระจายไปรอบสนามแข่งขัน
“เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา ฉันขอเริ่มก่อน”
ร่างกายใหญ่โตของหวังหยู่เคลื่อนไหวเข้าประชิดตัวซูฮยอน ความเร็วของหวังหยู่ ไม่ได้ว่องไวเท่าคู่ต่อสู้ 3 คนก่อนหน้าแต่ซูฮยอนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหมัดที่เล็งมายังศีรษะของเขาเป็นการโจมตีที่ทรงพลังกว่า 3 คนก่อนหน้าแน่นอน
จังหวะที่กําลังเหวี่ยงหมัด หวังหยู่เผยสีหน้าแปลกใจออกมาแว่บหนึ่ง
<<อะไรกัน? ทําไมเขาถึงไม่ยอมหลบ>>
ตูม!!
ถุงมือที่ห่อหุ้มหมัดเอาไว้ ซัดเข้าใบหน้าซูฮยอนเต็มเปา
[กายาทรหด]
เมื่อกําปั้นของหวังหยู่กระทบลงบนเบ้าหน้า แรงสั่นสะเทือนที่ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งแล่นผ่านถุงมือและลามไปตามส่วนต่างๆทั่วสรีระ
ฉับพลันนั้นเอง
หมับ!!
“ดีใจด้วยความปรารถนาที่นายอยากโจมตีฉันให้ได้สักครั้ง สมหวังแล้ว”
“อีก………………..”
ซูฮยอนผลักกําปั้นของหวังหยู่ออกแล้วคว้าไว้แน่น ก่อนเอ่ยพูดขึ้นว่า “นายสาแก่ใจแล้วใช่ไหม”
“ข้าหน้าเป็นไปไม่ได้”
ปัง!!!
ซูฮยอนเสือกหมัดต่อยเสยเข้าไปที่ยอดอกของหวังหยู่เต็มกําลัง
หวังหยู่ผู้มีร่างกายบึกบึนดูมีกําลังวังชา นอนคุดคูลงไปกับพื้นอย่างน่าสงสาร
แก้มซูฮยอนที่โดนถุงมือกระแทกเมื่อครู่เริ่มรู้สึกชา
เขายกมือลูบแก้มเบาๆและพึมพํา “ฉันไม่น่ายื่นหน้าเข้าไปรับเลย รู้งี้หลบดีกว่า ไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัวด้วย”
ซูฮยอนเลิกสนใจอาการชาที่แก้มแล้วหันหน้าไปเผชิญกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆที่ยังเหลือรอด “คนต่อไป”
10 , 11, 12 ผู้เข้าแข่งขันที่เสนอตัวต่อสู้กับซูฮยอนโดนตบย่อยยับเรียงตัว ในหมู่พวกเขาผู้ตื่นขึ้นที่ยืนหยัดได้นานที่สุดคือ แอชลิน เธอเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ของอเมริกา แม้เธอจะมีรูปร่างบอบบางเห็นแล้วอยากปกป้อง แต่อย่าได้ถูกความแข็งแกร่งของเธอเชียวเพราะเธอประมือกับซูฮยอนบนสนามแข่งขันได้นานถึง 3 นาที มากกว่าคนอื่นๆที่ผ่านมาเสียอีกผู้ชายอกสามศอกยังเทียบกับเธอไม่ได้
อาเดลชมการต่อสู้รอบที่ผ่านมาและนั่งไตร่ตรองเงียบๆคนเดียว <<ทําไมถึงเป็นแบบไปได้?>>
หลังจากเห็นภาพการพ่ายแพ้ของแอชลิน ความคิดมากมายประดังเข้ามาให้หัวเขาไม่หยุด
การต่อสู้รอบแรกระหว่างกอร์ดอนโรฮันและซูฮยอน เขาส่งเสียงเชียร์เป็นบางครั้งบางคราวตามน้ําผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ พอผลการต่อสู้ออกมาว่าซูฮยอนเป็นฝ่ายชนะ อาเดลไม่ได้รู้สึกกริ่งเกรงหรือคิดว่ามันเป็นปัญหาที่ควรกังวลเลยสักนิด สําหรับเขาใครชนะก็ไม่สําคัญ สิ่งที่เขาให้ ความสนใจมากเป็นพิเศษคือบาดแผลที่ได้รับจากการต่อสู้ต่างหาก
อาเดลแอบภาวนาไว้ในใจลึกๆขอให้แรงกายและพลังเวทย์ของซูฮยอนถดถอยลงไปให้ได้มากที่สุด
พลังที่ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆผนวกกับอาการบาดเจ็บสะสม อาเดลเชื่อว่าตัวเองสามารถเอาชนะซูฮยอนได้ง่ายๆเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก จึงเป็นเหตุผลให้เขาหักห้ามใจไม่กระโจนเข้าสู้สนามแข่งขันทันที ยิ่งรอคอยโอกาสชนะก็ยิ่งมาก
<<ผ่านการประมือมาตั้งหลายสิบคน ทําไมเขายังเริงร่าได้อีก?>>
ผู้เข้าแข่งขันมากกว่าครึ่งหนึ่งแพ้หลุดลุ่ยหมดสภาพไปหลายคน แต่สภาพร่างกายซูฮยอนปัจจุบันยังเหลือล้นไปด้วยพลังมหาศาล
[เหลือเวลาอีก 1 นาที]
เสียงปาวประกาศที่เย็นชาดังกังวานไปถึงแก้วหูของทุกคน อาเดลรวบรวมสติที่แกว่งไปแกว่งมาให้เข้าร่องเข้ารอย พร้อมทบทวนคําประกาศครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่มีผู้เข้าแข่งขันคนไหนกล้ายกมือท้าสู้กับซูฮยอนอีกต่อไป พวกเขาทุกคนวางแผนไว้ในหัวอีหรอบเดียวกันว่า จะทิ้งช่วงไปอีกสักระยะหนึ่ง จนกว่าซูฮยอนจะแสดงอาการเหนื่อยหอบให้เห็น ถึงค่อยท้าสู้
<<ถ้าหมดเวลา 1 นาทีแล้วยังไม่มีใครท้าสู้ เขามีสิทธิ์ชี้ตัวบังคับผู้เข้าแข่งขันคนใดคนหนึ่งให้ ลงไปในสนาม>>
เวลาไหลผ่านไปอย่างแช่มช้า เมื่อครบเวลา 1 นาที สิทธิ์ในการเลือกคู่ต่อสู้ก็ตกไปอยู่ในมือ ของซูฮยอนโดยปริยาย
[ครบเวลาที่กําหนด กรุณาเลือกคู่ต่อสู้]
<<เวรแล้วไง!>>
อาเดลรีบก้มศีรษะลงทันควันและไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่ยังมีสิทธิ์ลงสนามก้มหน้าหลบสายตาซูฮยอนพร้อมเพรียงโดยไม่ต้องนัดหมาย บางคนพยายามเลี่ยงสายตาซูฮยอนอย่างออกหน้าออกตา บางคนเพียรเหลียวซ้ายแลขวาแสร้งมองอย่างอื่นกลบเกลื่อน อาเดลก็เป็นหนึ่งในพวกนั้นที่ต้องการหลบสายตาซูฮยอนให้พ้น
“บัดซบเอ๊ย!!” อาเดลขบฟันพร้อมสบถ เขายังคงก้มหน้างุดไม่เลิก
ในชีวิตนี้เขาไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ที่ต้องพยายามเลี่ยงสายตาของอีกฝ่ายเพราะความหวาดกลัวมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
อาเดลรู้สึกสมเพชตัวเอง ความภาคภูมิใจพังทลายไม่เหลือชิ้นดี อาเดลได้แต่หวังว่าซูฮยอนจะมองไม่เห็นตัวเขา ถ้าเป็นไปได้เขาอยากรอไปจนกว่าจะถึงรอบสุดท้าย เขาต้องการต่อสู้กับซูฮยอนในขณะที่อีกฝ่ายกําลังอ่อนแรงมากกว่า
“อาเดล” ซูฮยอนเอ่ยชื่อคู่ตอสู้ที่อยากประมือด้วยออกมาจากปาก
สิ้นเสียงซูฮยอน ภาพตรงหน้าของอาเดลเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่นานเขาก็ไปโผล่กลางสนามแข่งขัน
“เขาเลือกอาเดลจริงดิ?”
“คนแรกที่เขาเลือกเป็นอาเดลงั้นเหรอเนี่ย!!”
“เป็นไปได้ไหมว่า…”
ผู้ชมทั่วไปที่นั่งติดขอบสนามเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่วนคนที่ชมการต่อสู้ผ่านทางทีวี โดยเฉพาะพลเมืองชาวยุโรปพวกเขาตื่นเต้นมากกว่าใคร เพราะอาเดลเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่มีโอกาสชนะสงครามแก่งแย่งอันดับพอๆกับกอร์ดอนโรฮัน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้ตื่นขึ้นที่มีชื่อเสียงลือชาไปทั่วยุโรปอีกด้วย
<ไม่แน่ซูฮยอนอาจกําลังเหนื่อยอยู่ก็ได้…>>
<<อาเดลมีโอกาสชนะมากทีเดียว>>
<<หากอาเดลจัดการซูฮยอนได้ ฉันก็พอมีความหวังอยู่>>
การคว้าชัยชนะในสงครามแก่งแย่งอันดับ นอกจากจะได้ชื่อเสียงติดตัวไปแล้ว ยังได้รางวัลใหญ่กลับบ้านไปด้วย เพราะกอร์ดอนโรฮันเสนอเงินรางวัลให้แก่ผู้ชนะเป็นจํานวนเงินเหลือคณานับ
ถ้าร่างกายของซูฮยอนยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง อาเดลคงหมดโอกาสชนะ แต่ที่ผ่านมาซูฮยอนต่อสู้กับกอร์ดอนโรฮันและปะทะกับผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนอื่นอีกนับสิบ ดังนั้นอาเดลจึงคิดว่ายังพอมีหนทางชนะอยู่
ซูฮยอนและอาเดลยืนประจันหน้ากัน
ซูฮยอนแย้มยิ้มและกล่าวทักทายอีกฝ่ายก่อน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
คํากล่าวทักทายของซูฮยอนทําให้อาเดลเช่นเขี้ยว ซูฮยอนระบุชื่อของเขาออกมาโดยไม่ลังเล หมายความว่าซูอยอนรอโอกาสที่จะต่อสู้กับเขามานานแล้ว
“นั่นสินะ ไม่ได้เจอกันนาน”อาเดลกล่าวตอบ
“ท่าทางของนายดูแต่ต่างไปจากเดิมนะ ทําไมนายไม่ยิ้มเลย?”
เมื่อก่อนทุกการกระทําของอาเดลมักมีรอยยิ้มไม่ก็เสียงหัวเราะสะใจโผล่มาให้เห็นตลอดเวลาแม้จะมองออกว่าเป็นรอยยิ้มเก๊ก็ตาม แต่เมื่อเอ่ยถึงชื่ออาเดล สิ่งที่ผู้คนนึกถึงเป็นอย่างแรกคือใบหน้ายิ้มแย้มของเขา ใบหน้าเหยเกของอาเดลจึงเป็นภาพที่หาชมได้ยากมากและไม่มีให้เห็นบ่อยนัก
“อย่าบอกนะว่านายกลัวฉัน?” ซูฮยอนถาม
คําพูดซูฮยอนทําเอาดวงตาของอาเดลสั่นงันงกแวบหนึ่ง
“ถ้าไม่ใช่ แสดงว่านายคงกังวลว่าจะพ่ายแพ้ให้ฉันต่อหน้าผู้คนจํานวนมากใช่ไหม?”
“หยุดพูดเรื่องไร้แก่นสารได้แล้ว!!”
“คงต้องเป็นอย่างงั้น” ซูฮยอนสายหัวราวกับว่ากําลังสมเพชอีกฝ่าย
“พูดไปก็คงไม่ได้เรื่องได้ความ
ซูฮยอนไม่จําเป็นต้องพูดตรงๆ แต่อาเดลสามารถเข้าใจได้ว่าซูฮยอนพยายามสื่ออะไร อีกฝายมีเจตนาถากถางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานก่อน อาเดลหลับตาควบคุมลมหายใจ มือ 2 ข้างกําหมัดแน่น แล้วเริ่มโคจรพลังเวทย์ในร่างกาย
<<ฉันคืออาเดล!!>>
วุป!!
มือของอาเดลผกายแสงสีทองยวนตา
<<ฉันต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ แสร้งทําเป็นเริงร่าไปเถอะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะมีเรี่ยวแรงคงเหลือตลอดไป ยังไงเรี่ยวแรงของแกก็ต้องหมดอยู่วันยังค่ํา>>
ซูฮยอนใช้พลังเวทย์จํานวนมากในการต่อสู้กับกอร์ดอนโรฮัน อาเดลจึงมั่นใจว่าร่างกายของอีกฝ่ายกําลังอ่อนแอ
<<ฉันเดาว่าระดับความเหนื่อยล้าของมันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์>>
หากการคาดเดาถูกต้อง แปลว่าซูฮยอนสามารถใช้พลังโจมตีได้แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
<<นี่เป็นโอกาสอันดีของฉัน>>
ความแน่วแน่ของอาเดลพรั่งพรูออกมาอย่างแรงกล้า พวกเขาทั้งคู่ยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้
[การแข่งขันเริ่มได้]
ฟรี่บ!!
อาเดลเปิดฉากรุกไล่ซูฮยอนก่อน เมื่อเห็นเป้าหมายในการโจมตียืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่จุดเดิมอาเดลยิ้มออกมาอย่างลําพองใจ มือแหวกอากาศเล็งแทงไปที่คอหอยซูฮยอน
เคล้ง! เคล้ง!! เคล้ง!!
ดาบของซูฮยอนและมือของอาเดลปะทะกันเสียงดังลั่น ทันที่ที่มือของอาเดลสัมผัสกับคมดาบเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย ตามปกติมือเปล่าๆของเขาไม่มีทางรองรับคมดาบได้แน่ เหตุผลที่เขาสามารถรับดาบซูฮยอนได้เป็นเพราะว่า
[ถุงมืออาดามันเทียม]
อาดามันเทียม เป็นแร่โลหะที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก มันเป็นแร่ที่ขุดพบได้ยากและประเมินราคาไม่ได้ อาเดลเป็นหนึ่งในผู้ตื่นขึ้นที่ได้รับมอบหมายให้โจมตีดันเจี้ยนแล้วโชคดีค้นพบอาดามันเทียมโดยบังเอิญ ถุงมือที่อาเดลสวมใส่สร้างขึ้นมาจากอาดามันเทียมล้วนๆ บนโลกนี้มีเพียงหนี้งชิ้นเท่านั้น
[ถุงมืออาดามันเทียม] ก็เปรียบเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายของเขา เพราะอาเดลหลอม รวมถุงมือให้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายทําให้เขาสามารถดึงถุงมือออกมาใช้ได้ตลอด
ตูม!!
หมัดของอาเดลซัดลงบนดาบซูฮยอนอย่างต่อเนื่อง เมื่อตะบันหมัดไปได้ 5-6 ที่ ความมั่นใจ ของเขายิ่งพอกพูนมากขึ้นเขาเชื่อใจว่าตัวเองสามารถเอาชนะซูฮยอนได้
<<ฉันทําได้แน่!! >>
วุป!!
อาเดลยื่นกําปั้นออกไปด้านหน้า มวลพลังเวทย์หนาแน่นรวมตัวกันบนกําปั้นนั้น ละ อองพลังเวทย์ที่แผ่กระจายออกมาเริ่มเปล่งแสงสีน้ําเงินอ่อน
[หมัดมังกรขาว]
โฮกกกกก!!!
ร่างมังกรใหญ่โตมโหฬารปรากฏขึ้นเหนือศีรษะซูฮยอน คมเขี้ยวสีเงินจากมังกรบินเล่นลมหมายมั่นเขมือบซูฮยอน
ซูฮยอนแหงนหน้ามองแล้วยกดาบตั้งท่า ในหัวไม่มีความคิดหลบเลี่ยงการโจมตีครั้งนี้เลยสักนิด
<<อะไรกัน? อย่าบอกนะว่ามันตั้งใจหยุดการโจมตีของฉัน? อย่าได้หวัง แกทําไม่ได้แน่แต่การตั้งท่าแบบนั้นหรือว่า…>>
เมื่ออาเดลกระจ่างชัดว่าซูฮยอนตั้งใจทําอะไร แต่จะให้ถอยหลังกลับเอาตอนนี้ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
[หนึ่งดาบสะบั้นสรรพสิ่ง – ดาบสะบั้นนภา]
ฉัวะ!!
ซูฮยอนตวัดดาบที่ยกเหนือหัวฟาดฟันใส่ร่างมังกร
ตูม!!
ร่างมังกรใหญ่โตถูกคมดาบผ่าแยกออกจากกันเป็น 2 ซีก อานุภาพการโจมตีส่งผลกระทบให้ สนามแข่งขันพังพินาศอีกครั้ง