การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 51
ตอนที่ 51
โฮก โฮก
ทันใดนั้นเสียงคำรามปริศนาก็ดังออกมาจากหมู่เมฆ หลังจากเสียงคำรามผ่านพ้นไป อากาศรอบๆก็เริ่มแปรปรวน
จากเดิมที่หิมะตกเบาๆ กลับตกหนักขึ้น ที่สำคัญ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่ยืนอยู่ ณ. ที่นี่สัมผัสได้ถึงละอองเวทมนตร์ที่ผสมผสานมากับเกร็ดหิมะ ทำให้พวกเขาเกิดความมึนงงว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น…
เริ่มแล้วสินะ…
“ฟู่”
ซูฮยอนที่กำลังหลบการโจมตีจากกลุ่มผู้ตื่นขึ้น อยู่ๆเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวกะทันหันแล้วถอนหายใจ
ซูฮยอนเอื้อมมือออกไปที่ใบหน้าของเขา แล้วถอดหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าออกมา
คลิ๊ก
ผู้ตื่นขึ้นทุกคนที่ยืนรวมกันอยู่ตอนนี้…ต่างจ้องมองไปทางซูฮยอนเป็นตาเดียว
สายตาของพวกเขามันเหมือนกับแมวจอมซนที่กำลังรอหนูให้ออกมาจากรูเพื่อยลโฉมของมัน
ผู้ก่อการร้ายที่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วเมืองอันยัง กลับกำลังถอดหน้ากากเด็กเล่นทิ้งเนี้ยนะ?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเขาพึ่งมาถอดเอาตอนนี้?
“ได้เวลาเปิดเผยตัวตนสักที่”ซูฮยอยนพูด
เมื่อฮักจุนเห็นใบหน้าที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เขาแสดงสีหน้าเหมือนเห็นผีออกมา เพราะฝ่ายตรงข้ามคือคนที่เขาเลยคุยด้วยมาหลายครั้ง…
“ซูฮยอนงั้นเหรอ?”ฮักจุนมองไปยังชายหนุ่นตรงหน้าด้วยความตกใจ
เมื่อซูฮยอนสัมผัสได้ถึงสายตาหลายคู่มองมา เขาก็กล่าวคำพูดที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์ออกไป..
“ทุกๆท่าน นานๆทีพวกเราจะได้มาร่วมตัวกัน ในเมื่อมีฤกษ์งามยามดีขนาดนี้ ทำไมพวกเราต้องมาสู้กันด้วย พวกเรามาร่วมพลังกันเพื่อต่อกรกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”
“พูดบ้าอะไรของมัน?”
“สงสัยมันจะเสียสติจากการต่อสู้ไปแล้วมั้ง”
“หรือเขากำลังหมายถึงสิ่งนั้นกัน?”
หลังจากได้ยินคำพูดของซูฮยอน ทำให้ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ หลายคนรวมหัวกันพูดคุย จนทำให้ความเป็นศัตรูระหว่างพวกเขากับซูฮยอนถูกกลบหายไป
ณ.ตอนนี้ พวกเขาไม่มีเวลาไปสนใจซูฮยอนอีกต่อไป เพราะเหนือหัวขึ้นไปมีมวลพลังเวทย์ขนาดมหึมากำลังรวมตัวกันอยู่
“จริงสิ..เมื่อเร็วๆนี้ในเว็บไซต์อเวจีออนไลน์มีข่าวว่าจะมีการระบาดของดันเจี้ยนโผล่ออกมาที่นี่สินะ”
“การระบาดของดันเจี้ยนงั้นเหรอ?”
“เอ๊ะ..แต่ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลยล่ะ”
“ไม่จริงน๊า…แกอยู่บนดอยมาหรือไง”
“โทษทีฉันไม่ค่อยได้ดูข่าวสารมากเท่าไหร่ ฉันชอบดูพวกซีรี่ย์มากกว่า”
“แล้วดันเจี้ยนตามข่าวลือ จะโผล่ออกมาตอนไหน?”
มีคำถามมากมายที่พวกเขาสงสัย….แต่ก็ไม่มีใครสามารถคลายข้อสงสัยให้พวกเขาได้…
*************************
“ต่อไปนี้อัตราการเกิดดันเจี้ยนคงเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงสินะ….”ซูฮฺยอนบ่นออกมา
ซูฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่หมู่เมฆเริ่มก่อตัวกันพร้อมกับเรืองแสงสีเขียวมรกตออกมา…
“อีกไม่กี่อึกใจ ดันเจี้ยนบนท้องฟ้าคงจะเผยโฉมออกมาให้พวกเราได้ชมเฉยกัน”
โลกมนุษย์ต่อจากนี้คงตกอยู่ในความโกลาหล เพราะอัตราการเกิดดันเจี้ยนจะมีความถี่มากขึ้น…
และบ่อยจนมนุษย์ไม่สามารถคาดเดาสถานที่ของมันได้…
ซูฮยอนกล้าฟันธงเลยว่าโลกมนุษย์ที่เคยสงบสุข กำลังย่างก้าวเข้าสู้การล่มสลายเหมือนในอดีตที่ผ่านมา….
ซูฮยอนหันไปมอง ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่กำลังยืนมองท้องฟ้ากันอยู่ พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกปาก
ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยพลังเวทย์ออกมาอีกครั้ง
วุป
“ผมขอจบโชว์การแสดงเพียงเท่านี้”
“ผู้ตื่นขึ้นทุกท่าน…พวกเราหยุดสู้กันชั่วคราวดีหรือไม่ ผมมีเรื่องอยากรบกวนพวกคุณสักหน่อย ได้โปรดช่วยผมด้วยเถอะครับ”
ซูฮยอนพูดพร้อมกับก้มหัววิงวอนให้ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ทุกคนที่มาวันนี้ ช่วยเหลือเขาอีกแรง…
เมื่อ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ได้ยินคำพูดของซูฮยอน พวกเขาก็แคะหูของตัวเองเพื่อเช็คให้แน่ใจอีกครั้งว่าหูของเขาไม่ได้ฝาดไป เพราะคำพูดของซูฮยอนมันเรียบร้อยและไม่หยาบโลน ซึ่งต่างกับช่วงก่อนหน้าไปมากโข
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังเปิดปากพูดอะไรสักอย่าง….อยู่ๆพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ทรงพลังกำลังวิ่งผ่านไปทิศทางที่ซูฮยอนยืนอยู่
ปัง
คนที่โจมตีออกไปก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคังซึงชอลคนเดิม…
เขาใช้ดาบใหญ่ที่เริ่มสึกหรอโจมที่ไปทางซูฮยอนอีกครั้ง…
“เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย”คังซึงชอลคิด
คังซึงชอลปฏิเสธมมาตลอดว่าซูฮยอนไม่น่าถึง แรงค์ S
แต่เมื่อสู้กันไปได้สักพัก เขากลับคิดว่ามันแปลกๆเพราะซูฮยอนต่อสู้กับพวกเขามากกว่า 100 คน ได้โดยที่ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ
“พลังของเขาเทียบเท่าแรงค์ S จริงๆด้วย”
เมื่อคังซึงชอลลองปล่อยจิตสัมผัสออกไป…เขาก็สัมผัสได้ถึงความเข้มข้นของพลังเวทย์ที่ซูฮยอนปล่อยออกมา ซึ่งมันมากกว่า แรงค์ A อย่างเขาซะอีก
คังซึงชอลมั่นใจว่าอีกไม่กี่ก้าวซูฮยอนคงไปถึงแรงค์ S แน่ๆ
ในระหว่างที่คังซึงชอลและผู้ตื่นขึ้นอื่นๆกำลังตกใจพลังของซูฮยอนอยู่นั่น
ก๊าซซซซซซ
กี้ กี้
บรู๋ว บรู๋ว
เสียงคำรามปริศนาก็ดังออกมาจากฟากฟ้า
เสียงคำรามที่ส่งออกมา มันไม่ได้มีแค่ 1-2 ตัว แต่มันมีมากกว่า 100 ตัว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมันไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง
ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ทุกคน ก็พึ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแรกเหมือนกัน…
คิมดูอุยที่มีประสบการณ์มานาน เริ่มมีความมั่นใจในอะไรบางอย่าง
“นี้เหรอ…คือการระบาดของดันเจี้ยน”
ดันเจี้ยนยังไม่โผล่เป็นตัวเป็นตนให้เห็นเลยด้วยซ้ำ แต่การระบาดของดันเจี้ยนเริ่มมีปรากฏการณ์ออกมาให้เห็น…หรือว่าเมฆบนฟ้าสีเขียวๆจะคือดันเจี้ยนอย่างงั้นนะเหรอ
“อืดอาดต่อไปไม่ดีแน่”
คิมดูอุยผู้ค่อยสังเกตการณ์ระหว่างซูฮยอนและพรรคพวกของเขา เริ่มพูดคำสั่งออกมาอีกครั้ง..
“ทุกคนปกป้องซูฮยอนให้ได้”
“อะไรนะครับ?”
“คุณเอาจริงดิ”
ในบรรดา ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่ยืนอยู่ คิมดูอุยคือคนที่มีอำนาจมากที่สุด….เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา บางคนไม่เห็นด้วย บางคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
แต่ในเมื่อได้รับคำสั่งมาจากคิมดูอุย ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม
ตอนแรกสมาชิกในกิลด์ที่มาแจมด้วยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของคิมดูอุย
แต่ในเมื่อซูฮยอนกล้าเปิดเผยตัวเอง แถมยังวิงวอนให้พวกเขาช่วยเหลือจากใจจริง เลยทำให้พวกเขาเริ่มใจอ่อน..
“เชี้ย รุ่นพี่คิมดูอุยพูดได้ด้วย ฉันนึกว่าเขาเป็นหุ่นขี้ผึ้งซะอีก”
“อย่าบอกนะว่า เขาเชื่อคำพูดของฝ่ายตรงข้ามจริงๆ?”
“โลกนี้มันบ้าไปแล้ว”
แม้พวกเขาจะบ่นพึมพำและแสดงท่าทีอิดออด-ออกมา แต่พวกเขาก็หยิบอาวุธของตัวเองแล้วเตรียมเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น….
ซูฮยอนก้มหน้ามองไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง แล้วตรวจสอบเวลาของมัน….
“เวลา 22.00 น. แล้วสินะ ต่อจากนี้ของจริงกำลังเริ่มขึ้น”
โฮกกกกกก
เหนือหมู่เมฆขึ้นไป..มีเงาของมอนสเตอร์หลากหลายสายพันธุ์ สาดส่องลงมาเบื้องล่าง ไม่ว่าจะเป็น เทอโรซอร์ตาเดียว,ฉลามมีปีก,ช้างขนาดใหญ่มหึมา,และไส้เดือนยักษ์ มันไม่ใช่ภาพแปลกใหม่อะไรสำหรับพวกซูฮยอน เพราะเขาเห็นพวกมันจนเบื่อ…
ซูฮยอนหยิบดาบแกรมขึ้นมาแล้วอัดพลังเวทย์ลงไปภายในเพื่อให้มันแหลมคมมากขึ้น…ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเหวี่ยงดาบเต็มแรงเลยสักครั้ง เขาแค่โจมตีออกไปเบาๆ พร้อมปัดป้องการโจมตีที่มาจากทั่วสารทิศ
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป…
“ฉันจะเฉือนพวกแกให้ขาดสะบั้น”
วุป
เหมือนดาบแกรมจะเข้าใจเจตนารมณ์ของซูฮยอนได้เป็นอย่างดี เมื่อมันได้อาบพลังเวทย์ของเขา
มันก็กระสั่นสะเทือนตอบกลับมา เหมือนกำลังจะสื่อให้เจ้าของรับทราบว่า ‘ใช้มันให้เต็มที่เลย มันเบื่อการเล่นละครแล้ว’
ฟรึ่บ ฟรึ่บ
ซูฮยอนใช้สกิลกระโดดออกมาแล้วบินขึ้นไปบนอากาศสุดแรงเกิด
ฉึก
*******************
“ท่านครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
ทันใดนั้นเองพนังงานของสำนักงานก็พรวดพราดเข้ามาให้ห้องของผู้อำนวยการด้วยความร้อนรน
ผู้อำนวยการที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองแล้วถามด้วยความหงุดหงิด
“มีเรื่องอะไรกัน?”
“ผมมีข่าวมาแจ้งให้ทราบครับ”
“ข่าวอะไร?”
กริ้ง กริ้ง
ทันใดนั้น มือถือที่วางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น…ผู้อำนวยการขมวดคิ้วแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อรับสาย…
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไร?”
“ท่านครับ มีการระบาดของดันเจี้ยนเกิดขึ้นครับ”
“ระบาดงั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่าพวกที่ส่งไปทำภารกิจไม่สำเร็จ?”ผู้อำนวยการถาม
ผู้อำนวยการคิดว่าเรื่องการระบาดของดันเจี้ยนมันไม่น่าเกิดขึ้น เพราะมี ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ S เป็นหัวหอกสำคัญในการเคลียร์ดันเจี้ยน
“ไม่ใช่แบบนั้นครับท่าน”
“อะไรนะ ไม่ใช่งั้นเหรอ…หรือว่ามีการระบาดของดันเจี้ยนที่ใหม่อีก?”
“มันเกิดขึ้นที่อันยังครับท่าน”ชายผู้วิ่งมาด้วยสีหน้าเร่งรีบชิงจังหวะตอบก่อนที่สายในมือจะพูดออกมา
ดวงตาของผู้อำนวยการเบิกโผลงหลังจากได้ยินคำพูดจากชายตรงหน้าที่พยายามเรียบเรียงคำพูดอยู่
“อันยัง?”
“ไม่จริงใช่ไหม?”ลางสังหรณ์ที่ร้ายแรงเริ่มโจมตีความคิดของผู้อำนวยการ
“เรื่องจริงครับท่าน มันเป็นดันเจี้ยนระดับสีเขียว ตอนมีผู้ตื่นขึ้นส่วนหนึ่งที่รับหน้าที่โจมตีผู้ก่อการร้ายกำลังโจมตีดันเจี้ยนที่ว่านั้นอยู่ครับ”ชายหนุ่มรายงาย
“ดันเจี้ยน? การระบาด? มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่”
ปัง
ผู้อำนวยการทุบโต๊ะดังปัง เพื่อระบายความโมโหออกมา เขาโยนมือถือในมือลงกับพื้นแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าจริงจัง
ชายหนุ่มที่กำลังจะรายงานต่อไป กลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกแล้วกล่าวต่อ
“เอ่อ..พวกเราก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ผู้เชี่ยวชาญต่างสันนิษฐานกันไว้ว่ามันน่าจะเกิดเหมือนกับดันเจี้ยนปกติก็ได้”
“แล้วคิมซูฮยอนล่ะ เป็นไงมั้ง”
“เขากำลังรวมมือกันกับผู้ตื่นขึ้นคนอื่นๆอยู่ครับ”
“อะไรนะ?”
“ผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะผมไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง แต่เราได้รับรายงานมาจาก ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่ออกไปปราบปรามซูฮยอนว่า เขาไม่ใช้ผู้ก่อการร้าย แต่เขาเป็นฮีโร่ของเมืองอันยัง”ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
*******************
ฉัวะ
เมื่อดาบแกรมของซูฮยอนวิ่งผ่านร่างของมอนสเตอร์ ร่างกายที่อัปลักษณ์ของมันก็ขาดสะบั้นออกจากกัน
มอนสเตอร์หลายสิบตัวที่วิ่งกูรไปหาซูฮยอนเพื่อหวังกลืนกิน กลับถูกดาบของซูฮยอนกลืนกินซะเอง
หลังจากร่างกายของมอนสเตอร์นอนกองระเนระนาดซูฮยอนจึงใช้ซากศพของมันเป็นแท่นการโดดแล้วบินขึ้นไปบนอากาศ
ฟรึ่บ
เมื่อร่างกายของเขาร่องลอยอยู่กลางสายลม ทำให้เขาสามารถเห็นเป้าหมายต่อไปได้อย่างชัดเจน
[คุณใช้สกิลยั่วยุ]
[ศัตรูที่อยู่รอบๆคุณ จะมองว่าคุณคือศัตรูตัวฉกาจของมัน]
หลังจากเปิดใช่งานสกิลยั่วยุ มอนสเตอร์ที่อยู่บริเวณก็เพ่งเล็งไปทางซูฮยอนด้วยสายตาแดงฉาน
ออร่าความเคียดแค้นถูกสงออกมาจากมอนสเตอร์ จนซูฮยอนเริ่มขนลุก เขาจึงตัดสินในปล่อยพลังเวทย์ออกมา แล้วใช้เปลวเพลิงห่อหุ้มร่างกายกี่ชั้นเพื่อเป็นม่านป้องกัน
[กายาทรหด]
[สกิลจำแลง : อิมูกิ]
เกล็ดของอิมูกิค่อยๆโผล่ออกมาตามผิวหนัง จนครอบคลุมร่างกายของเขาทั้งหมด
ถึงแม้ซูฮยอนบินไม่ได้เหมือนอิมูกิ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเลียนแบบการลอยตัวบนอากาศเหมือนอิมูกิได้ ด้วยการเหยียบซากศพของมอนสเตอร์ เพื่อเป็นแท่นกระโดดให้ตัวเองลอยตัวบนสายลม ฉะนั้นการโจมตีมอนสเตอร์ที่บินได้ จึงไม่มีปัญหาสำหรับเขา
“ดีล่ะ”
สมถรรภาพของซูฮยอนตอนนี้พร้อมต่อกรกับมอนสเตอร์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเหนือหรือลงใต้ เขาก็พร้อมไปเสมอ
โฮกกกก
มอนสเตอร์ทุกตัวไม่สนใจ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นเลยสักนิด
แม้ว่า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ กำลังเตรียมปล่อยความสามารถของตัวเองออกมาแล้วก็ตาม มันจ้องมองแต่ซูฮยอนเพียงคนเดียว
“งั้น..ลุยเลยดีกว่า”
ฟรึ่บ
ซูฮยอนเหยียบซากมอนสเตอร์แล้วก็โดนขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง ก่อนที่จะเล็งไปยังเป้าหมายที่เพ็งเล็งเอาไว้ก่อนหน้านี้
“หนึ่ง สอง สาม ทั้งหมด 3 ตัวสินะ”
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ
ร่างกายของซูฮยอนพุ่งทะลุมอนสเตอร์เหมือนขีปนาวุธที่พึ่งออกจากฐานยิง
กะ…กี้
มอนสเตอร์ที่กำลังง้างกงเล็บไปทางซูฮยอน กลับถูกดาบแกรมแยกชิ้นส่วนออกมาเหมือนหนังฆาตกรรม
หลังจากมอนสเตอร์ 3 ตัว ถูกเฉือนเป็นเศษเนื้อไปหมาดๆ…
กลับมีมอนสเตอร์อีก 20 ตัวมาเสริมทัพ….พวกมันวิ่งพล่านไปหาซูฮยอนด้วยความกล้าหาญโดยไม่กลัวความตาย….
ซูฮยอนเลิกใช้เปลวเพลิงสีแดงแล้วเปลี่ยนมาใช้เปลวเพลิงสีครามแทน….เมื่อสายตาของซูฮยอนสังเกตเห็นถึงมอนสเตอร์ที่กำลังพุ่งเข้ามา เขาก็จับดาบแกรมให้กระชับมือแล้วตวัดดาบไปทางพวกมัน
ทุกฝีก้าวที่ซูฮยอนเหยียบย่ำ จะมีมอนสเตอร์ตายไปตลอดทาง ทั้งๆที่จำนวนของพวกมันเยอะกว่าซูฮยอนหลายเท่า แต่ซูฮยอนกลับต่อกรกับพวกมันอย่างห้าวหาญราวมัจจุราชกำลังล่าเหยื่อ
ต้องของคุณเกล็ดของอิมูกิและกายาทรหด เลยทำให้ซูฮยอนกลางบุกเข้าไปกลางดงมอนสเตอร์โดยไม่กลัวบาดเจ็บ
กี้ กี้
โฮก โฮก
มอนสเตอร์หลายสิบตัว ร้องคำรามออกมาเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่มันจะสิ้นใจโดยไม่อาจหวนคืน
“ฟู่ ฟู่”
ซูฮยอนจัดการมอนสเตอร์ที่รายล้อมด้วยตัวคนเดียวอย่างหมดจด ถึงขนาดทำให้ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่มองเห็นการต่อสู้ของซูฮยอนจ้องมองด้วยสายตาเบิกกว้างเหมือนเห็นปีศาจรุกรานโลกมนุษย์ แต่บางคนก็มองซูฮยอนด้วยสายตาเทิดทูน
“เชี้ยไรเนี้ย?”
“อะไร…เกิดอะไรขึ้น?”
“แกลองมองไปทางคิมซูฮยอนดูสิ รอบๆเขามีซากมอนสเตอร์เยอะกว่าพวกเราอีก.”
มอนสเตอร์ที่โผล่ออกมาจากดันเจี้ยนสีเขียว มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับดันเจี้ยนระดับสีส้ม
‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่อยู่แรงค์ B แทบไม่สามารถสัมผัสตัวมันได้ เพราะมันมีความแข็งแกร่งมากกว่าแรงค์ B ถึงหนึ่งเท่าตัว….
แต่ซูฮฺยอนกลับฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก…ตอนแรกที่พวกเขาเห็นมอนสเตอร์มุ่งหน้าไปทางซูฮยอน พวกเขาต่างคิดกันไปว่าคงถึงเวลาทำพิธีศพให้ฮีโร่นามซูฮยอนแล้วแน่ๆ
แต่เมื่อพวกเขาเห็นถึงพลังเวทย์และทักษะดาบที่หาตัวจับได้ยาก มันทำให้พวกเขาอดอ้าปากค้างไม่ได้…
“นี้นะเหรอพลังที่แท้จริงของ คิมซูฮยอน ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่มีศักยภาพเทียบเท่าแรงค์ S.”
คิมดูอุยพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ไม่แน่…พวกเราอาจทำสำเร็จจริงๆก็ได้”
การปรากฏตัวของดันเจี้ยนระดับสีเขียวโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของเกาหลี…
มันจึงเป็นเหตุให้ทางเกาหลีไม่ทันระวังตัวกับภัยพิบัติที่กำลังอุบัติขึ้น
ที่สำศัญ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ S คนอื่นๆ ก็แบ่งกันกำลังกันไปเพื่อพิชิตดันเจี้ยนอีกๆทั่วประเทศ บางส่วนก็ติดภารกิจสำศัญอยู่ต่างประเทศ….ถ้าหากมีเหตุสุดวิสัยจากการระบาดดันเจี้ยนระดับสีเขียวเกิดขึ้น…มีหวังประเทศเกาหลีคงตกอยู่ในวังวนแห่งการล่มสลายอย่างแน่นอน
แต่เหมือนพระเจ้าเห็นใจ จึงสร้างฮีโร่ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าแรงค์ S มาช่วยเหลือให้ภัยพิบัติผ่านพ้นไปด้วยดี…
“แต่ยังเร็วเกินไปที่จะดีใจ เพราะไม่แน่ของจริงอาจยังไม่มาเลยด้วยซ้ำ”
ซูฮยอนหยุดอยู่กับที่แล้วสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนปล่อยออกมา….เขาเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าอีกครั้ง…
ภาพที่เขาเห็นก็ยังเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นหมู่เมฆสีเขียวมรกตและเงามอนสเตอร์อีกหลายสิบตัวที่สาดส่องลงมาเบื้องล่าง….และในหมู่ของพวกมัน
“มีหนึ่งตัว ที่จัดการยากรวมยู่ด้วยแฮะ”
โฮกกก
‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่ยืนอยู่ด้วยกัน ได้ยินเสียงคำรามดังก้องเข้ามาในโสตประสาท
ฟึบ
ทันใดนั้นปีกขนาดมหึมาฉีกก็กระชากหมู่เมฆออกจากกัน จนขาดสะบั้น