การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 60
ตอนที่ 60
หลังจากซูฮยอนเก็บกวาดขยะอย่างจองดงย็องเสร็จ เขาก็กระโดดกลับขึ้นไปยังสำนักงานของกิลด์เทพสงคราม
ผู้ตื่นขึ้นของกิลด์เทพสงครามเมื่อเห็นหัวหน้ากิลด์ตายต่อหน้าต่อตา พวกเขาก็อยู่ในอาการช็อคทำอะไรไม่ถูก
แม้แต่ฮักจุนเองก็อยู่ในอาการเหม่อลอยเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
ซูฮยอนเดินกลับไปหาฮักจุนและพูด “ไปกันเถอะ”
“ไปไหนครับ?”ฮักจุนถาม
“นายไม่น่าถามฉันนะ เพราะนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”ซูฮยอนกล่าว
“พวกคุณหยุดก่อน อย่าพึ่งไป”
“เดี๋ยว ก่อนที่คุณจะไป คุณต้องบอกพวกเราก่อนว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น?”
สมาชิกกิลด์เทพสงครามบล็อกเส้นทางของฮักจุนไม่ให้หนี ฮักจุนมองไปยังเพื่อนร่วมงานในอดีตของเขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาไม่ใช่สมาชิกของกิลด์เทพสงครามอีกต่อไป..
“หลบไป”ซูฮยอนกล่าว
ครืน….
น้ำเสียงของซูฮยอนที่เปล่งออกไป ทำให้ตึกหรูทั้งชั้นสั่นสะเทือนไปหมด
“ผมจะพูดอีกครั้ง พวกคุณจะหลบหรือไม่หลบ”
“เอ่อ…..”
เมื่อสมาชิกกิลด์เทพสงครามเห็นสีหน้าของซูฮยอนเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย ร่างกายของพวกเขาก็ขยับเปิดเส้นทางให้อัตโนมัติด้วยความหวาดกลัว ในไม่ช้าเส้นทางที่ถูกปิดกั้นก็ถูกเคลียร์จนโล่ง ฮักจุนรีบวิ่งผ่านเพื่อนเก่าออกมาด้วยความเร่งรีบ
ทันใดนั้น หูของซูฮยอนก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินเข้ามาใกล้ตึกของกิลด์เทพสงคราม
“มาเร็วจริงๆ”
ซูฮยอนอาละวาดจนเกิดเรื่องราวใหญ่โต ทางสำนักงานเห็นว่าปล่อยไว้ต่อไปคงไม่ดี ดังนั้นทางสำนักงานจึงส่งทีมงานมายับยั้งการกระทำของเขา
ซูฮยอนยกมือขึ้นมาเกาหัว ในเมื่อก่อเรื่องไปแล้ว…… สิ่งที่รอเขาอยู่คือบทลงโทษอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันโดนตำหนิแน่ๆ”
แน่นอนว่าปัญหาของเขายังไม่หมด เพราะคิมดูอุยเคยแนะนำซูฮยอนไปแล้ว ถึงแม้กิลด์เทพสงครามจะเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือของกิลด์ดัมพ์ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานมากพอ ดังนั้นพวกเขาควรรวบรวมหลักฐานเสียก่อน แต่ซูฮยอนกลับใช้วิธีรวบรัด จนมีเหตุการณ์เลือดตกยางออกเกิดขึ้น
“เฮ้อ..ช่างมันเถอะคิดมากไปก็เปล่าประโยชน์”เขาถอนหายใจออกมา อย่างน้อยเขาก็ช่วยฮักจุนให้พ้นจากขุมนรกได้….เมื่อซูฮยอนเงยหน้าขึ้นมา เขาก็พบว่าฮักจุนวิ่งออกไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา…
*********
ฮักจุนเหยียบคันเร่งเต็มที่ รถของเขาขับปาดไปปาดมาจนสร้างความหวาดเสียวให้ผู้ร่วมทาง เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาอยากกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด
เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ฮักจุนก็จอดรถเกะกะขวางทาง เขารีบยันร่างกายวิ่งไปยังบ้านพักด้วยความรีบร้อน ใช่เวลาไม่นานสายตาของเขาก็เห็นบานประตูที่แสนคุ้นเคย…..
ยิ่งเข้าไปใกล้ประตู ลมหายใจของฮักจุนก็เริ่มติดขัด เหมือนพะวงอะไรสักอย่าง
“เฮ้ อย่ารีบร้อน พักหายใจหายคอบ้าง” เสียงของชายคนหนึ่งดังเขามาในโซนประสาทของฮักจุนซึ่งชายคนนั้นก็ยืนรออยู่หน้าบ้านของยันซอน
เมื่อฮักจุนเห็นว่ามีคนมาดักรออยู่หน้าบ้าน ทำให้เขาวิ่งปรี่เข้าไปหาแล้วยื่นมือไปบีบลำคอของชายคนนั้น ก่อนเขย่าแรงๆ
“แกเป็นใคร?”ฮักจุนถามด้วยความโกรธ
พวกที่ยืนรอกันอยู่ไม่ได้มีคนเดียว แต่มีถึง 3 คน ที่สำคัญพวกเขายังอยู่แรงค์ B ทั้งหมด
<<ทำไมถึงมีคนอยู่ที่นี่?>> ฮักจุนเปิดเผยจิตสังหารออกมาเพื่อข่มกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า
“พวกเรามาที่นี่เพราะซูฮยอนสั่งมา ฉันชื่อว่าลีจุนโฮ”
“ลีจุนโฮ?”
“ใช่ นายน่าจะเคยได้ยินชื่อของผมมาบ้าง ใจเย็นๆนะ ผมมาดีไม่ได้มาร้าย นายคือชเวฮักจุนใช่ไหม?”
เมื่อเห็นฮักจุนพยักหน้ารับทราบ ลีจุนโฮก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนพูดต่อ “เราได้รับคำสั่งจากซูฮยอนให้มาคุ้มครองที่นี่จนกว่าคุณจะมา ฉันพูดความจริงนะ ผมรู้เรื่องราวจากซูฮยอนมาแล้ว ฉะนั้นใจเย็นๆนะ ถ้าไม่เชื่อก็ปล่อยผมไปก่อน ผมจะรีบจากไปทันที”
ลีจุนโฮพูดออกไปพร้อมกับเหงื่อที่หยดลงบนมือของฮักจุน
ฮักจุนตกอยู่ในอาการสับสนอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยคอของลีจุนโฮให้เป็นอิสระ
หลังจากลีจุนโฮหลุดพ้นจากฝ่ามือที่แข็งแกร่ง เขาก็หันกายจากไปทันที ในเมื่อภารกิจที่ซูฮยอนไหว้วานเสร็จสิ้น เขาก็ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรให้อยู่อีก
ฮักจุนมองไปยังด้านหลังของลีจุนโฮที่กำลังเดินลงบันไดไป ตอนที่เขาเห็นพวกลีจุนโฮครั้งแรก
เขาก็นึกว่าเป็นศัตรูที่มาค่อยรังควานยันซอนซะอีก แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขากลับมาคอยคุ้มกันยันซอนให้แทน
“ฉันทำเรื่องบ้าอะไรลงไป?”ฮักจุนบ่นพึมพำออกมา
ตอนที่ฮักจุนเห็นซูฮยอนทำสีหน้าคิดหนัก เขานึกว่า พี่ชายที่เคารพอาจจะโกหกเรื่องการรักษายันซอนก็ได้
แต่ที่ไหนได้เขากลับรักษาเธอให้ก่อนหน้านี้ไปแล้ว ที่สำคัญเขายังส่งคนไปดูแลความปลอดภัยให้แฟนสาวของเขาอีก ฮักจุนไม่รู้จะขอบคุณซูฮยอนยังไงดี….
ฮักจุนสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วปล่อยออกมา ก่อนเดินไปยังบ้านพักของยันซอน
เขากดกริ่งหน้าบ้านไป 1 ครั้ง รอไม่นานเสียงของผู้อาศัยก็ตอบออกมา
“ฮักจุนใช่หรือป่าว?”
เสียงที่ดังผ่านลำโพงหน้าบ้านเป็นเสียงที่เขามักได้ยินเสมอ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเพราะเสียงที่เปล่งออกมามันช่างกระจ่างใสและรื่นหู ซึ่งมันต่างกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ไม่นานประตูก็ค่อยๆเปิดออก ในที่สุดใบหน้าที่ฮักจุนคุ้นตาก็โผล่ออกมาให้เห็น
“ฮักจุนจริงๆด้วย!!”
ฮักจุนพยายามตั้งใจเงี่ยหูฟังให้ชัดๆอีกครั้ง…เสียงที่แฟนสาวพูดออกมามันสดใสกว่าเมื่อก่อนจริงๆด้วย
“อาการของเธอหายแล้วใช่ไหม?”
“อืม ฉันหายดีเป็นปกติแล้ว”
ฮักจุนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ หลังจากอาการแฟนสาวหายดี
“เฮ้อ…”
หัวใจดวงน้อยๆของฮักจุนที่เต้นด้วยความดีใจ เริ่มสงบลงอย่างช้าๆ เขารู้สึกว่าความทุกข์ที่เคยแบกไว้เริ่มหายออกไปที่ล่ะนิด จนร่างกายเริ่มกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง
ฮักจุนอั้นความรู้สึกตื่นตันไม่ไหวอีกต่อไป เขาเดินไปหายันซอนและกอดเธอเบาๆ
“ฉะ.ฉัน.”ฮักจุนกัดริมฝีปากไว้แน่นเหมือนพยายามหยุดน้ำตาของตัวเองไว้ “ฉันดีใจมากๆ ในที่สุดเธอก็เป็นอิสระสักที”
ในสมองของฮักจุนมีเรื่องเล่ามากมายที่อยากจะบอกกับยันซอน แต่ความคิดของเขาตีกันมั่วไปหมด
เขาพูดแค่ ดีใจมากๆ ไปมาไม่รู้จบ ในที่สุดน้ำตาลูกผู้ชายที่พยามยามอั้นไว้ก็ไหลออกมา
********
“คุณทำมันลงไปจริงๆสินะ”
“ใช่….ฉันลงมือเอง”
ซูฮยอนและสมาชิกคนอื่นๆในกิลด์เทพสงคราม ถูกกั้นกลางโดยคิมดูอุยและคังซึงชอล
คิมดูอุยมองไปมาระหว่างซูฮยอนและสมาชิกกิลด์เทพสงคราม ท่าทีของซูฮยอนมีการแสดงออกที่สบายๆไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สมาชิกกิลด์ของเทพสงครามกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ซูฮยอนที่เป็นตัวการนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“รู้ไหมการกระทำโดยอุกฉกรรจ์ของนาย จะทำให้นายโดนบทลงโทษเล่นงานภายหลัง กิลด์เทพสงครามถึงจะไม่ใช่กิลด์ใหญ่ แต่ชื่อเสียงของพวกเขาก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว แต่นายกลับฆ่าหัวหน้ากิลด์ทิ้งโดยไม่ไตร่ตรอง ”คิมดูอุยกล่าว
“แน่นอนผมรู้”ซูฮยอนพูดอย่างใจเย็น
“ขนาดรู้ นายยังลงมือโดยพลการอีก ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่านายดีจริงๆ”
“ช่วยไม่ได้ ฉันไม่อาจปล่อยมันให้มีชีวิตต่อไปได้ ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่เหยื่อของมันคงมีเพิ่มมากขึ้น”
คิมดูอุยไม่แปลกใจว่าทำไมซูฮยอนถึงตอบกลับแบบนั้น เพราะการฆ่าเศษขยะออกจากสังคมคือสิ่งที่ซูฮยอนต้องการ สำหรับซูฮยอน จองดงย็องคืออาชญากรที่ไม่อาจปล่อยไว้
ถ้าซูฮยอนไม่ลงมือฆ่าและปล่อยให้จองดงย็องลอยนวลต่อไป เหตุการณ์ร้ายๆคงเกิดไม่รู้จบ
เหตุการณ์ตัวอย่างที่จองดงย็องก่อไว้คงเป็นเหตุการณ์คล้ายๆของฮักจุนกับยันซอน ฉะนั้นเมื่อซูฮยอนตัดสินใจฆ่าหัวหน้ากิลด์เทพสงครามเขาย่อมไม่เสียใจ
“ทั้ง 2 คนใจเย็นๆ ฉันคิดว่านายคงรู้อยู่แล้วสินะว่า กิลด์เทพสงครามทำเรื่องเลวร้ายมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องผิดกฎหมายหรือการค้ามนุษย์”คังซึงชอลหันไปพูดกับคิมดูอุย
“ก็จริง”
“สาเหตุที่เรื่องราวของหัวหน้ากิลด์เคยกระทำไว้ไม่ถูกเปิดเผย เป็นเพราะเขาใช้เงินจำนวนมหาศาลปิดปากผู้มีส่วนรู้เห็นเอาไว้ แต่ความจริงที่ว่ากิลด์เทพสงครามอาจไปมีส่วนรวมกับกิลด์ดัมพ์ก็มีโอกาสเป็นไปได้ ถ้ากิลด์ดัมพ์อยู่เบื้องหลังจริงๆพวกเราคงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้”
คิมดูอุยพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของคังซึงชอล เพราะกิลด์ดัมพ์…เป็นกิลด์ที่ก่อเหตุร้ายแรงมากมายไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ต้นกำเนิดของ จองดงย็อง มาจากแก๊งเล็กๆที่มีชื่อเสียง ดังนั้นไม่แปลกใจว่าทำไมกิลด์ดัมม์ถึงติดต่อกับจองดงย็องอย่างลับๆ คนประเภทเดี๋ยวกันมักคุยกันรู้เรื่องเสมอ
สาเหตุหลักๆที่กิลด์เทพสงครามไม่ถูกตรวจสอบ มันมาจากเงินจำนวนมหาศาลที่จองดงย็องยัดเอาไว้ใต้โต๊ะ
เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้รับเงินก้อนโต พวกเขาก็ปิดปากเงียบสนิททำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ที่พวกเขายอมเพิกเฉยต่อการกระทำของจองดงย็อง เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ก่อเหตุร้ายแรงอะไรมาก มันมีแค่เหตุการณ์เล็กๆน้อยๆเท่านั้น ซึ่งมันยังไม่เลยเพดานเหตุการณ์ร้ายแรงที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกำหมดไว้ ฉะนั้นจึงทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนจึงไม่อาจแตะต้อง จองดงย็อง และ กิลด์เทพสงครามได้……..
“ถ้าลองมาคิดดูดีๆเกี่ยวกับเรื่องของจองดงย็อง เขาเป็นคนที่ก่อปัญหามาตั้งแต่แรก ถ้าพวกเรารายงานว่าสาเหตุที่จองดงย็องตายเกิดจากการประทะกันระหว่างผู้ตื่นขึ้นคงไม่มีใครสงสัย”คังซึงชอลกล่าว
“ทำอย่างที่นายพูดได้ก็จริง แต่ว่า…”
“ก็อย่างที่ซูฮยอนพูด หัวหน้ากิลด์จองดงย็องมีความเกี่ยวข้องกันกับกิลด์ดัมพ์ ในเมื่อซูฮยอนช่วยจัดการเศษเดนให้เรา พวกเราควรมอบรางวัลกับเขาด้วยซ้ำ และ…” คังซึงชอลเดินไปหาคิมดูอุยแล้วกระซิบเบาๆข้างๆหู “ฉันไม่ได้คิดพูดเองหรอกนะ ผู้อำนวยการเป็นคนพูดให้ฉันฟังเองกับหู”
“เขาพูดแบบนี้จริงดิ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?”
“ไม่รู้สิ ฉันก็งงเหมือนกัน”คังซึงชอลกล่าว
คิมดูอุยพยักหน้าตอบกลับ เขาไม่สบายใจอยู่นานเกี่ยวกับเรื่องของซูฮยอน ถ้าเจ้าหน้าที่ระดับสูงลงมาตรวจเรื่องของซูฮยอน เขาอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ง่ายๆ ฉะนั้นในเมื่อผู้อำนวยการออกปากพูดมาขนาดนี้ความผิดที่ซูฮยอนกระทำไว้คงไม่หนักหนาอะไรมาก ตามความคิดของคิมดูอุย กิลด์เทพสงคราม เป็นกิลด์ที่ชั่วช้าของสังคมจริงๆ
“งั้นพวกเรามาสืบสวนเรื่องราวเพิ่มเติมจากในตอนแรกกันดีกว่า”คิมดูอุยพูด
“เป็นความคิดที่ดี”คังซึงชอลตอบรับความคิดเห็นของคิมดูอุย
คังซึงชอลรู้สึก พอใจกับความคิดเห็นของคิมดูอุยเป็นครั้งแรก ถ้านับกันจริงๆพวกเขาพึ่งเคยเห็นตรงกันก็เป็นครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาพวกเขามักทะเลาะกันทุกครั้ง
“งั้นฉันขอออกไปข้างนอกก็แล้วกัน”ซูฮยอนกล่าว
“นายยังใจเย็นได้อยู่อีกนะ”
คิมดูอุยหันไปพูดกับซูฮยอนด้วยสีหน้าสับสน ทั้งๆที่เขาพึ่งก่อคดีมาแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อซูฮยอนได้ยินคำพูดของคิมดูอุย เขาก็ยักไหล่หนึ่งที่และออกจากห้องไป
คิมดูอุยเฝ้ามองด้านหลังของซูฮยอนและถอนหายใจออกมา
<<เขาไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาจริงๆด้วย>>คิมดูอุยคิด
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาเขาได้มีโอกาสพบปะกับ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ หลายคน แต่การเจอกันระหว่างเขากับซูฮยอน มันทำให้เขามีความรู้สึกแปลกๆที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้
ตัวตนของซูฮยอนหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดตลอดระยะเวลา 2 ปี แต่ตอนที่เมืองอันยังเกิดภัยพิบัติเขากลับเผยตัวตนออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่สำคัญพลังที่เขาปล่อยออกมายังอยู่ในเกณฑ์แรงค์ S
หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานเขากลับก่อเหตุการณ์ใหญ่โตอีกครั้ง โดยการสังหาร จองดงย็อง หัวหน้ากิลด์เทพสงคราม ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายๆมากมาย…
<<แม้ซูฮยอนพึ่งจะฆ่าคนไปหมาดๆ แต่เขาก็ดูไม่กลัวความผิดเลยสักนิด เหมือนเขาคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ผิด>>
การต่อสู้ระหว่างผู้ตื่นขึ้นคือสิ่งที่ทางสำนักงานไม่อาจห้ามได้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นทางสำนักงานก็ต้องสืบสวนหาความจริงต่อไป ถ้าสิ่งที่ผู้ก่อเหตุมีความสมเหตุสมผลและไม่ฆ่าประชาชน การฆ่าผู้ตื่นขึ้นด้วยกันเองอาจถูกยกเว้นโทษ
คนที่ซูฮยอนพึ่งฆ่าไปคือจองดงย็อง หัวหน้ากิลด์เทพสงครามที่คอยเป็นเครื่องมือให้กับกิลด์ดัมพ์ ซึ่งบทลงโทษที่ซูฮยอนควรได้รับ อาจไม่มีก็ได้….ถ้าผลงานของซูฮยอนเข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่ เจ้าตัวอาจได้รางวัลตอบแทนไปอีกต่างหาก
“ถึงแม้ซูฮยอนจะไปฆ่าคนอื่นนอกเหนือจากจองดงย็อง เขาก็ไม่ได้มีโทษร้ายแรงอะไร เพราะทุกวันนี้ทางรัฐบาลเองก็ไม่อยากแตะต้องผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S มากนัก”
ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คือกองกำลังที่สำคัญต่อประเทศมากที่สุด ดังนั้นทางรัฐบาลจึงหลับตาข้างหนึ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ก็เปรียบเสมือนเจ้าสัวที่คอยค้ำจุนประเทศให้เดินหน้าต่อไป
“หวังว่าซูฮยอนคงอยู่แรงค์ S จริงๆนะ”
อีกไม่นานการกระทำของซูฮยอนจะถูกไต่สวนอีกครั้ง คดีความต่อจากนี้คงพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างกิลด์ดัมพ์กับจองดงย็องว่ามีความเกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่….ถ้าหากซูฮยอนอยู่แรงค์ S จริงๆ การกระทำของเขาคงโดนตีตกไป
***********
<<ง่ายกว่าที่จินตนาการไว้อีก>>
ในระหว่างทางกลับบ้านซูฮยอนมีเรื่องให้คิดมากเต็มไปหมด…ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำที่อุกอาจก่อนหน้านี้มาจากความโกรธล้วนๆ
แน่นอนว่าเขาไม่กลัวความผิด เพราะเขามั่นใจว่าสิ่งที่ทำอยู่มันถูกต้อง ถึงแม้จองดงย็องจะไม่ตายด้วยฝีมือของเขา แต่ในอนาคตก็ต้องตายด้วยฝีมือของฮักจุนอยู่ดี ดังนั้นซูฮยอนจึงตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลมดีกว่าปล่อยให้จองดงย็องทำร้ายความรู้สึกของฮักจุนต่อไป
<<ความสัมพันธ์ระหว่างกิลด์ดัมพ์กับจองดงย็องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไม่ต้องสงสัย>>
ซูฮยอนคิดว่าหลังจากช่วยเหลือประชาชนในเมืองอันยัง ด้วยคุณงามความดีที่เขาทำไว้ อาจทำให้เขาหลบพ้นบทลงโทษได้ ที่สำคัญทางสำนักงานน่าจะสืบค้นจนพบหลักฐานสำคัญว่ากิลด์ดัมพ์อยู่เบื้องหลังกิลด์เทพสงครามจริงๆก็ได้ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่มากล้นของซูอยอน
“แต่ปัญหาคือ ไม่ใช่จะหาที่ตั้งของกิลด์ดัมพ์เจอได้ง่ายๆ”
กิลด์เทพสงครามมีความสัมพันธ์กับกิลด์ดัมพ์ก็จริง แต่การตามหาที่ตั้งหลักของพวกมันก็ยากเกินไป เพราะยังขาดหลักฐานอีกหลายอย่าง แม้ผู้อำนวยการจะเพิ่มหน่วยงานข่าวกรองลงไปอีก ทางกิลด์ดัมพ์คงไม่พลาดท่าง่ายๆ ไม่แน่บางที หลังจากทราบข่าวว่าจองดงย็องเสียชีวิต พวกมันอาจระวังตัวมากขึ้นจนถึงขั้นย้ายที่ตั้งออกไปจากเกาหลีชั่วคราวไปแล้ว
“ตามหาพวกมันงั้นเหรอ…”ซูฮยอนเดินไปตามทางเดินที่สร้างด้วยคอนกรีต รอบๆตัวมีตึกสูงตระการตาน่ามองเต็มไปหมด “ไม่ทาง ฉันควรเลิกความคิดในการตามหาพวกมัน ถ้าเป็นไปได้ ฉันควรหาทางปลดปล่อยเหยื่อที่พวกมันกระทำไว้ดีกว่า หรือไม่ก็กำจัดเครื่องมือของพวกมันทิ้งไปก่อนดีที่สุด”
และเหยื่อที่ซูฮยอนหมายถึง คือเรื่องคล้ายๆกับกรณีของฮักจุน เขาเชื่อว่ายังมีผู้คนอีกหลายคนที่ตกเป็นเครื่องมือของพวกมัน
ซูฮยอนละสายตาจากตึกกิลด์เทพสงครามแล้วมุ่งหน้าเดินต่อไป…
ในขณะที่ซูฮยอนกำลังเดินไปตามทาง เขากลับสัมผัสได้ถึงสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองมาจากที่ไกลๆ ซูฮยอนจึงเลี้ยวหลบไปยังซอยแคบๆข้างทาง
เมื่อสายตาคู่นั้นมองเห็นว่าซูฮยอนเลี้ยวหลบไปยังซอยแคบๆ จนมองหาร่างกายไม่เจอ
เจ้าของสายตาก็ตกอยู่ในความคิดสักครู่ ก่อนอันตรธานหายไปพร้อมกับสายลม….
========================