การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 75
ตอนที่ 75
บรึ้น!!! ตูม!!!
เสียงเครื่องยนต์ซูปเปอร์คาร์คันสีแดง ระเบิดลั่นไปทั่วถนนไฮเวย์…กลิ่นอายของทะเลถูกสายลมอ่อนๆพัดโชยมา…จนกลิ่นเตะจมูกของซูฮยอน
“ฉันว่า อีกไม่นานพวกเราคงไปถึงที่หมาย” ซูฮยอนพูด
“โอ้..เยี่ยมเลย”ลีจุนโฮตอบ
ขณะที่ซูฮยอนขับรถลัดเลาะไปตามชายหาดหาดควันกัลลิ ลีจุนโฮก็แอบเหลือบมองไปยังไมล์วัดระยะทางของรถ..
“ฉันว่านายควรออกมาขับรถบ่อยๆหน่อยก็ดี ดูสิ ไมล์วัดระยะทางขึ้นมาไม่เห็นเยอะเลย อย่าปล่อยในรถแพงๆเสียของสิ”ลีจุนโฮกล่าว
“ก็ฉันไม่ค่อยมีเวลาว่างนี่น่า อีกอย่างฉันก็เบื่อรถติดด้วย ถ้าพวกเราเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูง พวกเราคงไปถึงที่หมายนานแล้ว”
“จะไปถึงที่หมายเร็วๆทำไม? ในเมื่อเหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะถึงกำหนดการรวมพล อีกอย่างนายมัวมุดหัวอยู่แต่ในหอคอยแห่งการทดสอบจนไม่มีเวลาขับ…ออกมาขับรถกินลมบ้าง มันสนุกกว่านั่งรถไฟอีกจริงไหม?.”
“ก็จริง”
ซูปเปอร์คาร์ที่ซูฮยอนกำลังขับอยู่ เป็นของขวัญที่ลีจุนโฮมอบให้ เขารู้สึกเสียของเหมือนกันที่ไม่ได้ขับมันบ่อยนัก…เพราะงานอดิเรกของเขาไม่ใช้พวกบ้ารถ
ผู้ชายหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซูปเปอร์คาร์ เป็นความฝันที่ผู้ชายทุกคนอย่างได้มาครอบครองสักคัน แต่สำหรับซูฮยอนมันก็เป็นได้แค่เศษเหล็กวิ่งได้..
“จะว่าไป นายไม่ค่อยชอบขับรถใช่หรือป่าว”ลีจุนโฮถาม
“ป่าวหรอก…ขับก็ขับได้ แต่จะเพอร์เฟคมากกว่านี้ถ้ามีคนขับให้”
หลังจากได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย ลีจุนโฮก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา..
“นายบ้าไปแล้วหรือไง รถที่นายขับอยู่มันเป็นถึง เฟอร์รารี่ 488 สไปเดอร์ แต่นายยังอยากได้คนขับรถอีกหรอก?”
“ฉันก็ไม่ได้ชอบรถคันนี้มาก ขนาดถึงต้องขับเองสักหน่อย”ซูฮยอนพูด
<<พระเจ้าช่วย…ตอนนั้นฉันคิดอะไรอยู่ ถึงกล้ามอบรถซูปเปอร์คาร์ในกับเขากันนะ?” ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้จักเรื่องรถ อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องรู้จักรถซูปเปอร์คาร์บ้าง เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของรถซูปเปอร์คาร์แตกต่างจากรถธรรมดาไปหลายขุม ยิ่งตอนเร่งเครื่องยนต์รถธรรมดาแทบไม่ต่างกับเศษกระดาษ แต่ซูฮยอนกลับบอกไม่ชอบใจรถราคาแพงๆ… อายุของซูฮยอนอยู่ที่ 20 ต้นๆ ฐานะทางครอบครัวของเขาก็เรียกได้ว่าลำบากและยากจน แต่เจ้าตัวกลับไม่ตื่นเต้นที่ได้ขับรถแพงๆ ทั้งๆที่วัยรุ่นหลายคนอยากลองขับสักครั้งในชีวิต “นิสัยของคนส่วนใหญ่ มักชอบโอ้อวดความร่ำรวยหรือความสามารถที่ตัวเองครอบครอง แต่นายแตกต่างจากคนส่วนใหญ่จริงๆ”ลีจุนโฮพูด “อย่างงั้นเหรอ…” “ใช่…ฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนส่วนใหญ่ที่ชอบโอ้อวดเหมือนกัน แต่ต้องอยู่ในขอบเขตด้วยนะ ที่สำคัญคนที่โอ้อวดเกินจริงและแย่กว่าฉันก็มีเยอะจนนับไม่ไหว ดังนั้นฉันจึงอดแปลกใจไม่ได้ที่นายมีนิสัยแตกต่างกับคนส่วนใหญ่ นายไม่ชอบดื่มเหล้า รถยนต์ก็ไม่ชอบ บุหรี่ก็ไม่ดูด ผู้หญิงก็ไม่แล นายไม่ชอบอะไรเลยทั้งๆผู้ชายส่วนใหญ่เขาชอบกัน ตกลงนายชอบทำอะไรกันแน่” สิ่งที่ลีจุนโฮพึ่งยกตัวอย่างออกไป เป็นสิ่งที่ [ผู้ตื่นขึ้น] ทุกคนเริ่มก่อร่างสร้างตัว หลักจากมีรายได้เพิ่มมากขึ้น….พวกเขาซื้อของที่มีราคาแพงไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์ บุหรี่ หรือบ้านสวยๆสักหลัง ที่ขาดไปไม่ได้คือแฟนสาวและแฟนหนุ่ม ที่มีหน้าหล่อและสวยงาม ทุกสิ่งว่ากล่าวมาเป็นตัวการันตีความสำเร็จในชีวิต แต่ดูเหมือนว่าซูฮยอนจะห่างไกลกับทุกสิ่งที่กล่าวไป.. “จริงๆแล้ว ฉันก็ชอบอะไรหลายอย่างนะ”ซูฮยอนตอบ “หลายอย่าง? มีตัวอย่างไหม?” คำตอบของซูฮยอนเป็นคำตอบที่ลีจุนโฮคาดไม่ถึง ทำให้ใบของเขากระดิกขึ้นเหมือนอย่างรู้…. “ฉันไม่ใช่ชายไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างที่นายพูดสักหน่อย ฉันมีความชอบตั้งหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ฉันชอบทำหัวสมองให้โล่งๆ และมองไปยังหาดทรายสีขาว ที่มีทะเลล้อมรอม พร้อมกับซึมซับกลิ่นอายของทะเลเข้าไปเต็มปอด สวนสนุก สวนสัตว์ ฉันก็ชอบไป ถ้าไม่รู้จะไปที่ไหน ฉันก็จะหยิบหนังสือขึ้นมาสักเล่ม แล้วไปนั่งอ่านที่ร้านกาแฟที่เงียบสงบ อ่านไปจิบกาแฟไป เพลินจะตาย” ซูฮยอนหยุดพูดไปสักพักเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่… “อืม…ฉันยังชอบดูสารคดีและก็ซีรี่ย์ด้วย บางวันฉันก็ไปเดินเที่ยวเล่นห้างสรรพสินค้าและก็ถ่ายรูปเป็นที่เก็บไว้ระลึก” “ฟังดูเรียบง่ายจัง” “ไม่หรอก สำหรับฉัน มันหรูหราจะตาย”ซูฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อะไรนะ? หรูหรา?” ซูฮยอนคิดไว้อยู่แล้วว่าลีจุนโฮไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่สำหรับซูฮยอน แค่ใช่ชีวิตเรียบง่ายเหมือนในปัจจุบัน มันหรูหราจนไม่อยากให้ภาพแบบนี่เลือนหายไป… <<ในอนาคตผู้คนทั้งโลกต่างคนึงหาชีวิตที่แสนธรรมดาและเรียบง่าย เพราะมันกลายเป็นสิ่งมีค่าที่น่าคิดถึง..>>
ท้องฟ้าสีครามกระจ่างใส ทะเลและหาดทรายแสนสวย สวนสนุก คาแฟ่ ชีวิตประจำวันที่แสนเรียบง่าย สิ่งเหล่านี้จะกลายมาเป็นสิ่งที่ผู้คนในอนาคตอยากได้กลับคืนมา…
แตไม่ต้องห่วงรถซุปเปอร์คาร์ราคาแพงที่ท่านชายหลายๆคนอยากได้สักคัน ยังคงมีการผลิตอยู่…
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมีแค่การใช้ชีวิตประจำวัน และท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้ากลับถูกแทนที่ด้วยสีดำสนิท…จนทำให้ทั้งโลกเหมือนตกอยู่ในช่วงเวลากลางคืนตลอดวัน
“ฉันอยากเปลี่ยนแปลงอนาคต…”ซูฮยอนจอดรถข้างทาง ก่อนเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าแล้วพึมพำออกมา
“ดังนั้นการใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่ายที่นายว่า สำหรับฉันมันหรูหราจนไม่อาจหาอะไรมาแทนที”
ซูฮยอนถอดกุญแจรถออกมา ก่อนเดินลงไปพร้อมๆกับลีจุนโฮ ฝูงชนที่อยู่รอบๆต่างในความสนใจไปทีรูปลักษณ์สุดหรูหราของรถซุปเปอร์คาร์…
พื้นที่โดยรอบชายหาดควันกัลลิ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมไว้ทั้งหมด….
“ขอบคุณมาก ที่ดูแลหน้างาน เหนื่อยหน่อยนะคุณเจ้าหน้าที” ซูฮยอนพูดจบก็เดินผ่านหน้าตำรวจไป
“หยุดก่อนครับ ตรงนี้คือเขตห่วงห้าม เพราะงั้น…”
“ผมคือคิมซูฮยอน หัวหน้าทีมปฏิบัติการโจมตีดันเจี้ยนในวันนี้”
หลักจากซูฮยอนถูกเจ้าหน้าที่ปิดบังเส้นทางด้านหน้า เขาจึงหยิบบัตรประจำตัว [ผู้ตื่นขึ้น] ออกมา ซึ่งตัวอักษรที่แกะสลักอยู่บนบัตร มันสะท้อนกับแสงแดดจนระยิบระยับ
เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจบัตร เมื่อรู้ว่ามันเป็นบัตรของจริง เขาก็ยืนตัวแข็งทือทำอะไรไม่ถูก
“ขออภัยที่เสียมารยาทครับ เชิญทางนี้ครับท่าน”
“ขอบคุณครับ”
กลุ่มตำรวจที่ดูแลความเรียบร้อยรีบเปิดเส้นทางให้กับซูฮยอนและลีจุนโฮ
ชายหาดควันกัลลิที่เคยเป็นสีฟ้า บัดนี้กลับกลายเป็นสีเขียวมรกต บริเวณด้านในของชายหาดเต็มไปด้วยฝูงชนนับร้อย ในหนึ่งร้อยคน มีผู้ตื่นขึ้นอยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถพิเศษ
ไม่แน่บางที่ คนธรรมดาที่อยู่ที่นี้อาจเป็นคนของสำนักข่าวชื่อดัง….ไม่ก็แพลตฟอร์มสื่อต่างๆที่มารอทำข่าว…
“โห้…คนมารอกันเยอะมาก ทั้งๆทีมีเวลาเหลืออีกตั้งหลายชั่วโมง”ลีจุนโฮพูด
“ฉันละดีใจจริงๆที่เห็นทุกคนกระตือรือร้นในการทำงานมากขนาดนี้ ทั้งๆที่ยังเช้าตรู่อยู่เลย”ซูฮยอนพูด
“ฉันมั่นใจว่า…ตอนที่พวกเขารู้ว่านายเป็นหัวหน้า พวกเขาคงแอบไปนิทานายลับหลังแน่ๆ ต่อหน้าไม่กล้า ลับหลังจะนิทาอะไรก็ได้…เพราะคนที่กำลังถูกนิทาไม่รับรู้เรื่อง”
“ฉันรู้ดี”
“นายรู้อยู่แล้ว?”ลีจุนโฮคิดไม่ถึงว่าซูฮยอนจะรู้อยู่แล้ว
“ฉันพึ่งได้รับตำแหล่งผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ทำให้ไม่มีประสบการณ์การโจมตีดันเจี้ยนมาก่อน แค่ดูจากสีหน้าของพวกเขา เหมือนไม่อยากต้อนรับฉันสักเท่าไหร่”
“งั้นเหรอ รู้มาก่อนก็ดีแล้ว นายก็ไม่ได้ไร้ประสบการณ์การโจมตีดันเจี้ยนซะหน่อย ก่อนหน้านี้นายก็เคยผ่านมาแล้วไม่ใช้เหรอ”
“ดันเจี้ยนครั้งก่อนหน้ามันมีระดับที่ต่ำกว่านี้เยอะมาก แค่เดินไปรอบๆก็พิชิตได้แล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แม้จะชื่อดันเจี้ยนเหมือนกัน แต่ความยากกับยกระดับขึ้น หากพลาดไปเพียงก้าวเดียว คงจบชีวิตได้ง่ายๆ”
สำหรับซูฮยอนการโจมตีดันเจี้ยนระดับต่ำเป็นเรื่องที่น่าเบื่อแล้วเสียเวลา….โดยปกติผู้ตื่นขึ้นที่รับหน้าที่โจมตีดันเจี้ยระดับต่ำ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ C เหตุผลที่พวกเขาเลือกระดับต่ำ เพราะมันง่ายต่อการพิชิต อีกอย่างแค่เจอเศษหินอีเธอร์ ก่อนเล็กๆ มันก็คุ้มกับค่าเหนื่อยของพวกเขาที่ต้องจ่ายออกไป….
“โอ้…นายพูดมาก็ถูก”
ลีจุนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของซูฮยอน ต่อให้ผู้ตื่นขึ้นที่มาจากทั้ง 3 กิลด์จะไม่เชื่อฝีมือของซูฮยอน แต่เขาเชื่อมั่นในฝีมือของซูอยอน 100 เปอร์เซ็นต์…
<<ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S จะถูกคนอื่นๆมองว่าเป็นน้องใหม่แห่งวงการ [การโจมตีดันเจี้ยน] >>
เท่าที่ลีจุนโฮรู้ ซูฮยอนเข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง และทุกครั้งที่มีซูฮยอนอยู่ด้วย เขามักเป็นคนสำคัญที่คอยแบกเพื่อนร่วมทีมให้รอดไปจนถึงฝั่งฝัน
แม้ลีจุนโฮจะไม่ได้โจมตีดันเจี้ยนกับซูฮยอนบ่อยมากนัก แต่ลีจุนโฮกล้าเอาหัวเป็นประกันเลยว่า ซูฮยอนไม่ใช่พวกมือใหม่ อย่างที่พวกเขาเข้าใจกัน…
<<คนพวกนั้น ไม่มีทางรู้หรอกว่า พลังของซูฮยอนร้ายกาจแค่ไหน>>
หัวหน้าทีมโจมตีดันเจี้ยน จำเป็นต้องเปิดเผยแรงค์และประวัติการโจมตีดันเจี้ยนในคนอื่นๆในกลุ่มรับรู้..
หลังจากสมาชิกในกิลด์ต่างๆรู้ประวัติของซูฮยอน ทำให้พวกเขามีข้อครหามากมาย ต่อให้ซูฮยอนอยู่แรงค์ S จริงๆ แต่ประสบการณ์การโจมตีดันเจี้ยนของเขาแทบไม่มี…แล้วยังงี้พวกเขาจะไม่กังวลได้อย่างไร
เมื่อซูฮยอนมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของกลุ่มผู้ตื่นขึ้น….ชาย 3 คนที่เป็นตัวแทนของกิลด์ก็ก้าวออกมาด้านหน้า
พวกเขาทั้ง 3 คน เป็นกิลด์มาสเตอร์ จากกิลด์ทั้ง 3 แห่ง ที่รับหน้าที่โจมตีดันเจี้ยนระดับสีเขียวในครั้งนี้ พวกเขามาจากกิลด์แกมเบลอร์ กิลด์ปาปิญอง และกิลด์เรดเดวิล
ซูฮยอนไล่จับมือพวกที่ละคน พร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนๆให้..
<<รู้สึกไม่สบายใจ ยังไงก็ไม่รู้แฮะ>>ลีจุนโฮคิด
ลีจุนโฮรู้จักกับซูฮยอนมาประมาณ 2 ปี เขามั่นใจว่า เขารู้นิสัยใจคอที่แท้จริงของซูฮยอนดีกว่าแม่ผู้ในกำเนิดซะอีก…
ซูฮยอนเป็นคนที่ใจดีต่อเพื่อนฝูงมากถึงมากที่สุด จนทำให้ลีจุนโฮคิดมาเสมอว่า ตัวตนอย่างซูฮยอนมีอยู่บนโลกได้ยังไง?
เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งก็จริง…แต่เขาก็ไม่เคยใช้พลังข่มขู่คนไม่มีทางสู้เลยสักครั้ง กลับกันหากเขาเจอความอยุติธรรมอยู่เบื้องหน้า เขาจะเป็นคนแรกๆที่วิ่งเข้าใส่เสมอ
อย่างไรก็ตาม มันก็ได้หมายความว่าซูฮยอนจะใจดีกับทุกคน กิลด์ดัมพ์เป็นตัวอย่างที่ดี
นอกจากนี้หัวสมองของเขายังฉลาดเป็นกรด หากเขาจับได้ว่าใครกล้าหักหลังคนในทีม ซูฮยอนจะเป็นคนจัดการปัญหาทุกอย่าง บางคนก็ตาย บางคนก็เจ็บสาหัส แต่ส่วนใหญ่ชีวิตของคนที่หักหลังมักจบลงด้วยความตายสถานเดียว..
<<ฉันได้แต่อ้อนวอนว่าไอ้พวกนั้นคงไม่คิดทำอะไรโง่ๆหรอกนะ>>ลีจุนโฮคิดในใจ
ลีจุนโฮรู้เป็นอย่างดีว่า สังคมในดันเจี้ยนมันมืดมนมากแค่ไหน สิ่งที่อันตรายมากที่สุดในดันเจี้ยน ไม่ใช่มอนสเตอร์ แต่เป็นเพื่อนร่วมโลกด้วยกันต่างหาก….
แน่นอนว่าลีจุนโฮไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหลังจากเข้าไปในดันเจี้ยน ซูฮยอนจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรระหว่างมอนสเตอร์ กับ เพื่อนร่วมโลก…
“นายจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม มาตรงนี้สิ”
เมื่อได้ยินเสียงเรียงของซูฮยอน ลีจุนโฮก็เดินไปรวมกลุ่มกับฝูงชนที่มารออยู่ก่อนหน้า..
เขาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนคำพูดกับผู้ตื่นขึ้นจากทั้ง 3 กิลด์ หากถามว่าลีจุนโฮอยากคุยกับพวกเขาไหม ก็บอกตรงๆเลยว่าไม่อยาก…
ดูเหมือนสถานการณ์โดยรอบจะผ่านไปได้ด้วยดี…นักข่าวจากสำนักข่าวต่างๆก็อยู่ในความสงบ
หลังจากนักข่าวทราบว่าจะมีการจัดทีมโจมตีดันเจี้ยนระดับสีเขียวและหัวหน้าปฏิบัติการยังเป็นซูฮยอนอีก…ทำให้นักข่าววิ่งวุ่นกันตลอดทั้งวันเพื่อเตรียมอุปกรณ์ทำข่าว
เมื่อซูฮยอนมาถึงที่หมายชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพก็กระพริบรัวๆ โดยเฉพาะตอนที่ซูฮยอนจับมือกับหัวหน้ากิลด์คนอื่นๆ
ลีจุนโฮเองก็เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากนักข่าวด้วยเช่นกัน เพราะเขาออกสัมภาษณ์ทางทีวีบ่อยๆ ทำให้นักข่าวบางคนมีความสนิทสนมกับเขา
จะว่าไปลีจุนโฮก็พึ่งเคยออกข่าวพร้อมกับผู้คนเยอะขนาดนี้ครั้งแรกเหมือนกัน ที่ผ่านเขามักออกข่าวเพียงคนเดียวเป็นประจำ…
ซูฮยอนที่ไม่ถนัดการรับมือกับนักข่าว เริ่มนึกเสียใจที่หลังที่มาเร็วเกินไป น่าจะว่าช้ากว่านี้…
เขาต้องขอบคุณความช่วยเหลือของลีจุนโฮจริงๆ ทำให้เขาหลบหนีจากวงล้อมนักข่าว มานั่งรอในรถเพื่อฆ่าเวลา..
“คุณดูเหนื่อยๆนะ”
กิลด์มาสเตอร์ของปาปิญอง ชื่อลีคังฮุย หลังจากเสร็จสินการเตรียมตัว ก็เดินเข้ามาทักทายซูฮยอน…
ซูฮยอนที่กำลังส่วนใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ฟอลคอน พร้อมกับเตรียมดาบที่ตัวเองถนัด ค่อยๆหันหน้าไปตอบ…
“ฉันไม่ค่อยชอบตอบคำถามกับนักข่าวเท่าไหร่ ฉันอยากต่อสู้กับมอนสเตอร์มากกว่า”ซูฮยอนพูด
“ถึงคุณจะไม่ชอบ คุณก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะตัวคุณดังจะตาย ผมแน่ใจว่าในอนาคต คุณจะมีนักข่าวตามติดอีกเยอะ”ลีคังฮุยพูด
ลีคังฮุยตอบไปพร้อมกับรอยยิ้ม แม้สีหน้าของเขาเหมือนกำลังยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี แต่สายตาของเขากลับไร้อารมณ์
ซูฮยอนจ้องมองไปที่ดวงตาของเขาสักพัก ก่อนตอบกลับ “ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันคงต้องค่อยๆปรับตัวในคุ้นชินไปกันมัน..”
“โอ้ว….ทัศนคติของคุณสนแล้วที่เป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ผมต้องขออภัยจริงๆที่ เขามาทักทายคุณช้าไปสักหน่อย พอดีผมโดนนักข่าวรุมล้อมอยู่ วันนี้ผมคงต้องหวังพึ่งแรงคุณแล้ว”
“เช่นกัน”
ซูฮยอนยืนมือไปจับกับลีคังฮุย หากไม่นับการสร้างภาพตอนจับมือหน้านักข่าว ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่พวกเขาได้มีโอกาสทักทายกันอย่างเป็นทางการ..
“แต่อายุของคุณยังน้อย ทำให้ผมกังวลว่าคุณอาจไม่มีประสบการณ์มากนัก..”ลีคังฮุยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ซูฮยอนรู้อยู่แล้วว่าทำไมลีคังฮุยถึงเดินมาหา…เขาจึงไม่แปลกใจอะไรมา ก่อนพยักหน้าตอบกลับไป
“ใช่แล้ว คุณพูดถูก”
“ดังนั้น หากคุณต้องการความช่วยเหลือจากผม บอกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ แม้ความแข็งแกร่งของผมจะเทียบกับคุณไม่ได้ แต่ผมมั่นใจว่าในบรรดาผู้ตื่นขึ้นที่มาวันนี้ ผมมีประสบการณ์การโจมตีดันเจี้ยนมากที่สุด”
คำพูดของลีคังฮุยเหมือนกำลังจะสื่อว่า เขาอยากเป็นหัวหน้าการโจมตีดันเจี้ยนแทนซูฮยอน…
หากเขาได้เป็นหัวหน้าจริงๆ หลังจากเสร็จสินการพิชิตดันเจี้ยน กิลด์ปาปิญอง คงได้ส่วนแบ่งหินอีเธอร์มากที่สุด
ซูฮยอนรู้อยู่แล้วว่าเขามีเป้าหมายอะไร เพราะในอดีตคนประเภทเดียวกันอย่างลีคังฮุยมีถมไป..
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ แต่คำแนะนำของนาย ฉันคิดว่าไม่จำเป็น”ซูฮยอนพูดขึ้น พร้อมกับบิดขี้เกียจ
“หืม?.”
“ฉันอยากในนายดูแลลูกน้องให้ดีๆก็พอ หากเข้าไปในดันเจี้ยนแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ฉันไม่รับผิดชอบหรอกนะ”
ลีคังฮุยคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธคำแนะนำของเขา แถมหากตั้งใจฟังดูๆ คำพูดของซูฮยอนยังเหมือนคำข่มขู่อีกต่างหาก…ทำให้ลีคังฮุยทำตัวไม่ถูก
“ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ”ซูฮยอนที่บิดขี้เกียจเสร็จ พูดขึ้นมาเสียงดัง
<<กิลด์ปาปิญอง…เป็นกิลด์ที่จะล่มสลายในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะสมาชิกภายในกิลด์ส่วนใหญ่เสียชีวิตลงเพราะความโลภบังตา และยังรวมไปถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดของกิลด์มาสเตอร์ด้วย…>>
ในตอนนั้น คนที่รอดชีวิตออกมาจากดันเจี้ยนได้สำเร็จมีแค่ กิลด์มาสเตอร์ลีคังฮุย เพียงคนเดียว..
<<ฉันหวังว่า เขาจะปฏิบัติตามคำพูดของฉันนะ>>
ซูฮยอนเดินไปเรื่อยๆก่อนไปหยุดอยู่ตรงแสงไฟสีเขียวมรกต ที่เป็นสาเหตุทำให้ท้องทะเลสีฟ้าถูกแทนที่ด้วยสีเขียว ซึ่งแสงไปสีเขียวที่ว่าเป็นทางเข้าหลังของดันเจี้ยนแห่งนี้…
เมื่อ 1 เดือนที่แล้ว แค่มีเหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับสีเขียวปรากฏออกมาพร้อมกันถึง 2 แห่ง มันก็สร้างความตกใจให้กับผู้ตื่นขึ้นจำนวนมาแล้ว…
แต่ผ่านไปได้อีก 1 เดือนกลับมาดันเจี้ยนระดับสีเขียวปรากฏขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์เช่นนี้ผิดปกติมากๆ จนหลายๆฝ่ายกังวลว่ามันอาจเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง…
ซูฮยอนเองก็ไม่เชื่อเช่นกันว่าจะมีดันเจี้ยนระดับสีเขียวปรากฏออกมาถี่ขนาดนี้ ทำให้เขายอมตกลงรับหน้าที่เป็นหัวหน้า เพื่อมาพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง…
“ที่ชายหาดหาดควันกัลลิมีดันเจี้ยนจริงๆเหรอ ทำไมฉันถึงจำไม่ได้?”
ซูฮยอนไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เขาพยายามรีดเค้นความทรงจำจากชาติที่แล้วออกมาแต่เขาก็นึกไม่ออกอยู่ดี…
เป็นครั้งแรกที่มีปรากฏการณ์ดันเจี้ยนระดับสีเขียวโผล่ออกมาในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน….
ซูฮยอนไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่แสนยิ่งใหญ่และสำคัญขนาดนี้ มันจะไม่อยู่ในความทรงจำของเขา….