การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 80
ตอนที่ 80
“ทำไมจะไม่ได้? ฉันมั่นใจในฝีมือของตัวเอง”
ซูฮยอนตอบกลับไปด้วยท่าทีเฉยเมย เหมือนมอนสเตอร์ที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา
แต่สำหรับลีคังฮุย จิตใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ..
เมื่อซูฮยอนเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของลีคังฮุย เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่..
“ทำไมเขาถึงกลัวมอนสเตอร์ที่ตัวใหญ่กว่าด้วย? ทั้งๆที่ยังไม่เคยลองสู้จริงเลยสักครั้ง”ซูฮยอนคิด
ผู้ตื่นขึ้นที่วิ่งหนีตายจากซากเรือ เริ่มกลับมารวมเป็นกลุ่มก้อนกันอีกครั้ง…
ซูฮยอนหันหน้าไปตรวจสอบสมาชิกทุกคน ก่อนเปิดปากพูด
“ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งได้แล้ว”
ซูฮยอนตะโกนสั่ง ผู้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด…สมาชิกภายในกลุ่มที่เคยกังวล เมื่อได้ยินเสียงหนักแน่นของซูฮยอน ความกังวลที่เคยมี ก็ถูกสายลมพัดหายไป..
“กว่าเจ้าหมึกยักษ์จะมาถึงพวกเรา ยังเหลือเวลาอีกมาก ดังนั้นพวกเราจึงมีเวลาเตรียมความพร้อม”ซูฮยอนพูด
สิ่งที่ซูฮยอนพูดถูกต้องทุกประการ ผู้ตื่นขึ้นทุกคนสามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเจ้าหมึกยักษ์ได้ชัดพอสมควร ต่อให้มันยังอยู่ไกลก็ตาม เพราะขนาดตัวของมันใหญ่โตโคตรๆ…ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ ทำให้มันเคลื่อนที่ได้เชื่องช้า เหลือเวลาอีกหลายนาทีกว่าหมึกยักษ์จะมาถึงจุดที่พวกเขายืนอยู่ ในระหว่างรอนั้น พวกเขาจึงมีเวลาเตรียมตัวอีกนาน…
ผู้ตื่นขึ้นที่เคยหวาดระแวงเหตุการณ์ที่กำลัอุบัติขึ้น เริ่มกลับมาควบคุมอารมณ์ได้อีกครั้ง แม้จะใช้เวลาไปนานหน่อยก็เถอะ..
ต้องขอบคุณความแน่วแน่ของหัวหน้าทีมอย่างซูฮยอน ที่คอยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรในกับทุกคน กฎข้อแรกในการเป็นผู้นำ คือ ห้ามแสดงความอ่อนแอออกมาให้สมาชิกในทีมเห็นโดยเด็ดขาด..
“คราเคนงั้นเหรอ…”
ยอมรับเลยว่า ตอนซูฮยอนเห็นมันครั้งแรกเขาตกใจจริงๆ ใครจะไปคิดว่าจะเจอคราเคนในดันเจี้ยนใต้น้ำ…
รูปร่างภายนอกของคราเคน แม้จะดูน่าสะพรึงกลัวและทรงพลัง แต่ก็เป็นมอนสเตอร์ที่จัดการได้ง่ายๆ
“สังหารมันได้ง่ายก็จริง แต่คราเคนสร้างความรำคาญในกับคู่ต่อสู้ จนผู้ตื่นขึ้นที่เคยเผชิญหน้ากับมัน นอนปวดหัวไปหลายวัน”
หากพูดถึงคราเคน ซูฮยอนก็นึกอะไรไม่ออก นอกจากความน่ารำคาญ…ถึงจะน่ารำคาญไปบาง
ถ้าผู้ตื่นขึ้นทุกคนร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็สามารถสังหารคราเคนลงได้ง่ายๆ โดยไม่มีการสูญเสีย….
อย่างไรตาม ไม่มีใครรู้ ว่าผู้ตื่นขึ้นจะร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ไหม ไม่แน่บางที่ ในตอนที่พวกเขาเห็นขนาดของคราเคนใกล้กว่านี้ จิตใจที่เคยสงบ อาจปั่นป่วนขึ้นมาอีกก็ได้…
“เอาหล่ะทุกคน จากนี้ไปทุกคนต้องทำตามคำพูดของฉัน” ซูฮยอนเริ่มใช้อำนาจของหัวหน้าทีมเป็นครั้งแรก..
“ผู้ตื่นขึ้นทุกคน ใครมีสกิลเปลวเพลิงหรือสกิลไฟฟ้าได้บ้างไหม?”
สิ้นเสียงของซูฮยอน ผู้ตื่นขึ้นบางส่วนค่อยๆยกมือขึ้นมาเหนือศีรษะ
***************
หลังจากผู้ตื่นขึ้นทุกคนเตรียมความพร้อมเสร็จเรียบร้อย คราเคนที่ลอยอยู่ไกลๆก็จวนมาถึง
ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทุกคนก็เห็นขนาดตัวคราเคนได้อย่างชัดเจน ขนาดของมันใหญ่กว่าจินตนาการของพวกเขาเยอะมาก ทำให้ผู้ตื่นขึ้นที่เคยโล่งใจจากคำพูดของซูฮยอน เริ่มกลับมากังวลอีกรอบ
“มะ..มันกำลังมาแล้ว”
“พยายามรักษารูปขบวนไว้และโฟกัสไปที่การต่อสู้”กิลด์มาสเตอร์ตะโกนสั้งการลูกกิลด์ แต่มันเป็นคำพูดที่ไร้ประโยชน์
ตูม!!!!
เมื่อคราเคนลงมาถึงพื้น รูปขบวนที่จัดแจงเอาไว้อย่างดี ก็แตกกระจายกันออกไปคนละทิศคนละทาง…
พูดง่ายๆคือ บรรดาผู้ตื่นขึ้นที่หวาดกลัวรีบเคลื่อนย้ายร่างกายของตัวเอง หนีห่างจากคราเคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้..
โฮกกกกกก
คราเคนเปิดปากที่ใหญ่โตและร้องคำรามออกมา….อย่างที่ซูฮยอนคิดไว้ คราเคน เมื่ออยู่บนบก ร่างกายของมันเคลื่อนที่ช้ากว่าอยู่ในน้ำ
แต่หนวดที่ยาวเป็น 100 เมตรก็มาทดแทนความเชื่องช้าของมัน ทำให้เขาไม่อาจละเลยหนวดพวกนั้นได้..
“พวกแกทำบ้าอะไรกัน? ไม่ใช่ยินคำสั่งให้รักษารูปขบวนไว้หรือไง?”ลีคังฮุยตะโกนด่าสมาชิกในทีม ที่ไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า..
ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังอยู่ในความโกลาหล…ลีคังฮุยเห็นผู้กล้าตายหนึ่งคน เดินไปหาคราเคนเพียงลำพัง
“คิมซูฮยอน?”ลีคังฮุยบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ซูฮยอนเดินไปเผชิญหน้าคราเคนตรงๆไม่มีอ้อม…ลีคังฮุยรู้อยู่แล้วว่าซูฮยอนวางแผนจะทำอะไร
เพราะก่อนหน้าคราเคนจะมาถึง พวกเขาได้ตกลงตำแหน่งและแบ่งหน้าที่กันไปตามความถนัดของตัวเอง ซึ่งซูฮยอนอาสาเป็นแนวหน้าให้กับทุกคน…
ลีคังฮุยทำใจเชื่อไม่ได้จริงๆ ว่าซูฮยอนกล้าออกไปเผชิญหน้ากับคราเคนด้วยตัวคนเดียว…
“แกตัวเล็กกว่า ตัวที่ฉันเคยเจอมาก่อน”ซูฮยอนพูด
โฮกกกก
ซูฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองคราเคนตั้งบนลงล่าง “แกคงเป็นลูกของคราเคนใช่ไหม?”
คราเคยมองต่ำลงไปยังร่างกายของซูฮยอน ไม่ทราบว่ามันเข้าใจคำพูดหรือกำลังคิดว่าซูฮยอนเป็นศัตรูของมันกันแน่…
สกิลยั่วยุของซูฮยอนใช้กับมอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆไม่ค่อยได้ผล ฉะนั่นการหวังพึ่งพาสกิลยั่วยุเพื่อดึงดูดความสนใจจากคราคนจึงไร้ประโยชน์..ซูฮยอนมีอีกหลายวิธี ในการดึงดูดความสนใจของมัน
วุป!!!!
ซูฮยอนปล่อยเปลวเพลิงออกมา ให้ล้อมรอบร่างกายของคราเคน..
เมื่อร่างกายของคราเคนโดนเปลวเพลิงเผาไหม้ มันก็ตอบสนองกลับมาด้วยเสียงคำรามที่แสนโกรธเคลือง..
โฮกกกกกกกกกกกก
คราเคนเป็นมอนสเตอร์ที่มีสติปัญญาต่ําเตี้ยเรี่ยดิน ทำให้การเผชิญตาต่อตา ฟันต่อฟัน เป็นเรื่องง่าย..
[กายาทรหด]
[สกิลจำแลง : อิมูกิ]
[เพลิงพิโรธ]
สกิลทุกอย่างที่ซูฮยอนเรียกใช้ เป็นสกิลที่เขาเชียวชาญมากที่สุด…เปลวเพลิงที่เคยเป็นสีส้ม เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นเปลวเพลิงสีคราม…
เปลวเพลิงสีครามมีความร้อนเข้มข้นยิ่งกว่าเปลวเพลิงสีส้มมาก และการเรียกใช้แต่ละครั้ง ต้องใช้พลังเวทย์ที่หนาแน่นแบบสุดๆอีกต่างหาก
หวือ -!
ซูฮยอนกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากใช้สกิลกระโดดร่างกายของเขาก็ลอยสูงขึ้นมาจากพื้นหลายเมตร เขาเหยียบอากาศอีก 2 ครั้ง กว่าจะลอยอยู่เหลือหัวของคราเคน
หลังจากซูฮยอนลอยตัวอยู่เหนือหัวคราเคน ทำให้ระยะห่างระหว่างเขาและคราเคนแคบลงมา
เมื่อคราเคนเห็นว่าศัตรูอยู่ด้านบน มันรีบตอบสนองโดยการออกท่าโจมตีทันที
แม้คราเคนจะค้นพบศัตรูได้เร็ว แต่มันสายไปแล้ว..
กึก กึก
ดาบแกรมในมือสั่นสะเทือนเบาๆเหมือนอยากให้ซูฮยอนพามันไปออกอาละวาดสักที ที่ผ่านมาเขาออมฝีมือมาโดยตลอด ตอนไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะเป้าที่ต้องสังหารให้ได้ มาอยู่ตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย.
“ขั้นแรกสุด…”ซูฮยอนบ่นพึมพำออกมา
ฉึก ฉึก
ดาบของซูฮยอนแทงทะลุเข้าไปในตาของคราเคน
“มาดูกันว่า แกจะมองเห็นไหม?”
โฮกกกกกกกกกกก
*********
คราเคนยกหนวดขึ้นมา 2 เส้นเพื่อปิดดวงตาที่ได้รับบาดเจ็บ ร่างกายที่ใหญ่โตของคราเคนเซไปเซมาเหมือนคนเมา หนวดที่ยาวหลายร้อยเมตร เหวี่ยงไปโดนอาคารบ้านเรือนหลังเก่าๆ จนพังทลายลง..
“ไม่น่าเชื่อ เขาทำสำเร็จ”ลีคังฮุยพูดออกมา หลังจากเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
“ก่อนอื่น ฉันจะทำลายการมองเห็นของมันเอง”
ย้อนกลับไปก่อนหน้า ซูฮยอนบอกให้สมาชิกในทีมทราบว่า เขาจะทำลายดวงตาของคราเคน ซึ่งจะทำให้การบุกโจมตีของผู้ตื่นขึ้นง่ายขึ้น..
ลีคังฮุยไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำสำเร็จจริงๆ เขาโต้เถียงกับซูฮยอนไปหลายประโยค แต่ซูฮยอนก็ไม่ยอมตอบโต้กลับ นอกจากคำว่า [ไว้ใจฉันเถอะ] ซูฮยอนก็ไม่ตอบคำถามอื่นอีกเลย…
ลีคังฮุยคิดมาเสมอมาซูฮยอนเป็นพวกหน้าตายที่แสดงความรู้สึกไม่เก่ง คำพูดของอีกฝ่ายเหมือนคำพูดอวดดี จนทำให้ลีคังฮุยหมั่นไส้
แต่พอถึงสถานการณ์จริง ในฐานะผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S คนเดียวภายในกลุ่ม เขากลับทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ…
“คราเคนสูญเสียการมองเห็นไปแล้วสินะ”ลีคังฮุยคิด
อสูรกายคราเคนที่เห็นอยู่เบื้องหน้า กำลังดิ้นรมอย่างทรมานหลังจากสูญเสียการมองเห็น…
หากปล่อยให้เวลาทองเช่นนี้ผ่านพ้นไป ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน กว่าจะมีโอกาสครั้งที่ 2
“ทุกคนมัวยืนบื้ออะไรกันอยู่ รีบเข้าไปโจมตีเร็วเข้า”ลีคังฮุยตะโกนสั่งลูกกิลด์ปาปิยอง ที่อยู่บริเวณรอบๆเขา ผู้ตื่นขึ้นกิลด์ปาปิยองที่มาส่วนใหญ่เป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ B
แม้จะอยู่แรงค์ B แต่พวกเขาทุกคนถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้หรือทักษะการโจมตี พวกเขาก็ไม่น้อยหน้าใคร ยิ่งรวมกับจำนวนที่มาก ทำให้ขนาดที่ใหญ่โตคราเคนไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงอีกต่อไป..
“พวกเราบุก!!!”ลีคังฮุยตะโกนเสียงดัง พร้อมชูดาบชี้ฟ้า
ผู้ตื่นขึ้นที่มีความเชียวชาญการต่อสู้ระยะประชิด วิ่งตามหลังลีคังฮุยไป..
ซูฮยอนที่เห็นกลุ่มผู้ตื่นขึ้นวิ่งกรูเข้ามา จึงรีบตะโกนเตือนเสียงดัง “ทุกคนอย่าพึ่งเข้าใกล้มัน รักษาระยะห่างไว้ก่อน ใช้สกิลโจมตีจากที่ไกลๆก็พอ”
ตามคำสั่งและข้อตกลงที่กำหนดเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก หลักจากซูฮยอนทำลายดวงตาของคราเคนสำเร็จ ผู้ตื่นขึ้นทุกคน ควรโจมตีสนับสนุนจากระยะไกลๆเท่านั้น ห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด นั่นเป็นคำสั่งที่ซูฮยอนพูดไว้ก่อน ออกไปเผชิญหน้ากับคราเคน..
“จากระยะไกลงั้นเหรอ?”
“เขาพูดว่าอย่าเข้าไปใกล้ใช่ไหม?”
“ใช่ นายเข้าใจถูกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำสั่งของซูฮยอน ผู้ตื่นขึ้นจากกิลด์ปาปิยองต่างตกอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะหัวหน้าทีมและกิลด์มาสเตอร์ มีคำสั่งที่สวนทางกัน…
ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาควรทำตามคำสั่งของซูฮยอน เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงหัวหน้าทีม…
ลูกกิลด์ปาปิยองทุกคนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหันหน้าไปมองกิลด์มาสเตอร์ เพื่อให้เข้าเป็นคนตัดสินใจ…
หลักจากผ่านการเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จ พวกเขาไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากับซูฮยอนอีกต่อไป
แต่ลีคังฮุยนั่นต่างออกไป อีกฝ่ายเป็นถึงกิลด์มาสเตอร์ ยังไงพวกเขาก็หลบหน้าไม่พ้นอยู่ดี
เมื่อลีคังฮุยได้ยินเสียงตะโกนของซูฮยอน เขาก็หยุดวิ่ง…
“เป็นบ้าอะไรของมันอีก?”ลีคังฮุยคิด
ลีคังฮุยรู้สึกไม่พอใจ ที่ซูฮยอนกล้ามาขัดแข้งขัดขา…
“ไม่เห็นต้องยึดติดแผนการมากขนาดนั้นเลย ยังไงกลยุทธ์ก็ปรับเปลี่ยนได้อยู่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในปัจจุบัน”ลีคังฮุยบ่นพึมพำออกมาด้วยความสมเพช…
เหตุผลที่ทำให้ลีคังฮุยกล้าสั่งการให้ลูกกิลด์บุกออกไปโจมตีคราเคน เพราะเขาเชื่อว่าหากกองกำลังของปาปิยองสามารถโค่นล้มคราเคนได้ หลังจากออกไปจากดันเจี้ยนแห่งนี้ รางวัลที่กิลด์ได้รับ จะได้มากกว่ากิล์อื่นๆ
การโจมตีดันเจี้ยนระดับสีเขียวทุกแห่ง จะมีการแจกจ่ายรางวัลตามผลงานที่กิลด์นั้นๆทำได้..
หากถามว่าวัดจากอะไร? ทุกคนที่เข้าไปในดันเจี้ยนระดับสีเขียว จะมีกล้องขนาดเล็กติดกับตัวไปด้วย…
หลังจากสิ้นสุดการโจมตีดันเจี้ยน สมาชิกทุกคนที่เข้าไปด้านในจะถูกเรียกตัวไปอีกครั้ง เพื่อประเมินผลงานจากวิดีโอ ถ้าทำผลงานออกมาได้ดี หินอีเธอร์ก็ได้มากขึ้น…
“อย่าไปฟังมัน บุกต่อได้”ลีคังฮุยตะโกน
“รับทราบครับ”
“ขนาดตัวของมันใหญ่ ทำให้มันเคลื่อนที่ได้ช้า แต่ระวังอย่าโดนหนวดของมันโจมตี เพราะมันอันตรายถึงชีวิต ในเมื่อมันสูญเสียการมองเห็น รีบแบ่งกำลังกันออกไป แล้วโจมตีจากรอบด้านซะ”
สิ้นเสียงคำสั่งจากลีคังฮุย สมาชิกกิลด์ปาปิยองก็วิ่งบุกทะลุยไปหาคราเคน โดยไม่สนใจใบหน้าของซูฮยอนที่กำลังบึ้งตึง…
สำหรับลีคังฮุย เขามีประสบการณ์การโจมตีดันเจี้ยนมาหลายแห่ง ทำให้เขาเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมากกว่า ให้หน้าใหม่อย่างซูฮยอนมาชี้นิ้วสั่ง
“ไอ้พวกโง่”ซูฮยอนคิด
หวือ -!
บูม—!
คราเคนที่สูญเสียการมองเห็น เหวี่ยงหนวดไปมาอย่างสะเปะสะปะ ต่อให้คราเคนจะมองไม่เห็น แต่หนวดของมันก็ยังเป็นภัยคุกคามที่อันตรายอยู่ดี… ซูฮยอนรีบใช้สกิลกระโดด เพื่อหลบหนีออกมาจากหนวดยักษ์
“อย่าที่ลีคังฮุยพูด คราเคนเชื่องช้าลงจริงๆ”
สิ่งที่ซูฮยอนอดยกย่องคราเคนไม่ได้ คือพลังชีวิตและความอดทดที่มากล้น…
ความเร็วของคราเคนในปัจจุบัน ต่อให้เป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ B ก็สามารถรับมือได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั่นคราเคนยังสูญเสียการมองเห็น ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งของมัน โจมตีเป้าหมายได้ยากขึ้น…
มีโอกาสเป็นไปได้ ว่ากลุ่มผู้ตื่นขึ้นของกิลด์ปาปิยองจะเป็นฝ่ายเดียวที่สร้างความเสียหายให้กับคราเคน…
การตัดสินใจของลีคังฮุย มีความสมเหตุสมผลในระดับหนึ่ง แต่การตัดสินใจของเขาอาจเกิดผลเสียตามมาที่หลัง เพราะข้อมูลของคราเคนยังมีไม่พอ…
“ผู้หญิงกิลด์ปาปิยอง ใครยังอยากมีคู่ครอง รีบหนีออกมาซะ”ซูฮยอนตะโกน
แต่น่าเสียดายที่เสียงของเขาไม่เข้าหูพวกเธอ สมาชิกของปาปิยองยังคงบุกตะลุยต่อไปตามคำสั่งของลีคังฮุย..
“ให้ตายเถอะ ทำไมถึงไม่มีคนฟังเสียงของฉันเลย?”
ซูฮยอนยืนขยี้ผมของตัวเองด้วยความหงุดหงิด…..เขารู้อยู่แล้วว่าต่อให้ตะโกนจนคอแหบคอแห้งสมาชิกกิลด์ปาปิยองก็ไม่ฟัง
วิธีการที่กิลด์ปาปิยองเลือกใช้เป็นวิธีที่ผิด ในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน การโจมตีระยะไกลเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ มากกว่าการโจมตีซึ่งๆหน้า….
เพราะกิลด์ปาปิยองอยู่ใกล้กับคราเคนมากเกินไป ทำให้ผู้ตืนขึ้นจากกิลด์อื่นๆที่อาสาโจมตีจากระยะไกล ไม่สามารถโจมตีได้อย่างสะดวกนัก พวกเขากลัวว่าหากปล่อยการโจมตีไป กิลด์ปาปิยองอาจโดนลูกหลงไปด้วย..
“ในเมื่อไม่มีใครฟัง ฉันคงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้คนโง่รับบทบาทเป็นนักปราชญ์ต่อไป” ซูฮยอนพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา
การดึดดูดความสนใจของคราเคนเพียงลำพัง ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ซะแล้ว…
“คราเคนแกโชคดีไป ฉันจะมาเผชิญหน้ากับแกอีกครั้งในภายหลัง”ซูฮยอนคิดและมองไปยังลีคังฮุยที่กำลังมุ่งหน้าไปหาคราเคนอย่างเอาเป็นเอาตาย สายตาของลีคังฮุยฉายแววบ้าคลั่งออกมา
“คราเคน ลงนรกไปซะ!!!!”
*******************
สวบ!!!!
บูม บูม บูม
หนวดของคราเคนกระแทกลงไปกับพื้น…แรงสั่นทะเทือนทำให้บ้านเรือนที่ถูกทิ้งร้างพังทลายลง
เศษปูนเศษอิฐปลิวว่อนไปทั่วบริเวณรอบๆ โชคดีที่ภายในบ้านไม่มีคนอาศัยอยู่..
เมื่อคราเคนสูญเสียดวงตาอันเป็นที่รักไป การค้นหาเป้าหมายจึงเต็มไปด้วยความลำบาก เพราะนอกจากความมืด ก็มองไม่เห็นอะไร..
“หลบเร็ว!”
ผู้ตื่นขึ้นจากกิลด์ปาปิยองทุกคน แตกกระเจิงกันไปคนละทางเพื่อหลีกเลียงหนวดคราเคน…
โชคดีหนวดคราเคนเชื่องช้า ทำให้พวกเขากระโดดหลบได้อย่างง่ายดาย
“ในระหว่างที่พวกเราเข้าไปโจมตี พวกเราต้องระวังหนวดของมันด้วย”
“คราเคนไม่เห็นเก่งเลย ฉันนึกว่าจะเก่งกว่านี้”
“อย่าพึ่งพูดอวดดี สังหารมันให้ได้ก่อนค่อยพูด”
ผู้ตื่นขึ้น 2 คน พูดคุยกันพร้อมกับหลบหนวดของคราเคน..
บอกตามจริง ตอนเผชิญหน้ากับคราเคนครั้งแรกพวกเขาขาสั่นไปหมด แต่พอผ่านไปได้สักพัก พวกเขากลับรู้สึกว่า การต่อสู้กับคราเคนง่ายกว่าที่คิดมาก การโจมตีจากหนวดยักษ์เชื่องช้าจนไม่อาจสัมผัสปลายผมของพวกเขาได้..
หากเปรียบเทียบกับเกม การกระทำของพวกเขาตอนนี้เหมือนกำลังลองเชิงมอนสเตอร์ เพื่อหาจุดอ่อนของมัน..
ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมกิลด์เดียวกัน ที่โจมตีคราเคนรอบทิศทาง ทำให้พวกเขาหลีกเลียงหนวดได้ง่ายขึ้นไปอีก
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เสียงคำรามที่ไม่ทันตั้งตัวของคราเคน ทำให้แก้วหูของพวกเขาสั่นสะเทือน
เสียงคำรามของคราเคนไม่ใช่เสียงคำรามธรรมดา หลังจากเสียงคำรามหยุดไป ท้องไส้ของทุกคนกลับสั่นระริกไปด้วยความปั่นป่วน..
“อึก…อะไรอีก?”
“เสียงบ้าอะไรกัน?”
“อ้วก…”
ยิ่งผู้ตื่นขึ้นที่ยืนอยู่ใกล้ตัวของคราเคน ผลกระทบจากคลื่นเสียง กลับทำให้พวกเขาอาการหนักกว่า คนที่ยืนอยู่ไกลๆ
พวกเขารีบปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมาเพื่อปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งหมด แต่ความพยายามของพวกเขาก็ไร้ความหมาย…ผ่านไปได้สักพัก อาการพะอืดพะอมที่พยายามอั้นไว้ กลับพุ่งพรวดออกมาจากปาก..ดวงตาของผู้ตื่นขึ้นทุกคนสั่นไหวไปด้วยความหวาดกลัว
“แม่ง…เกิดเหี้ยอะไรขึ้น?”
หลังจากลีคังฮุยอ้วกออกมาจนท้องเริ่มโล่ง เขาก็ยกหัวขึ้นมาและสายหน้าไปมาเพื่อเรียกสติให้กลับคืน…
เมื่อสติลีคังฮุยเริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง สายตาที่เคยเฉยเมยกลับเบิกโพลง
“เชี้ย!!!!…ดวงตาคราเคน มัน…”
สิ่งแรกที่สายตาของลีคังฮุยเห็น คือ..ดวงตาคราเคนที่เคยมืดบอด เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง