การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 92
ตอนที่ 92
เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ จอร์แดนเคยสงสัยมาตั้งนาน ว่าซูฮยอนถ่อมาสหรัฐอเมริกาทําไม? ที่แท้ก็มีจุดประสงค์
“นายหวังทําลายกิลด์ดัมพ์ ?”
“ใช่” ยูฮยอนตอบ
“ด้วยตัวนายเอง?”จอร์แดนถามอีกครั้งเพื่อยืนยันความแน่ใจ สิ่งที่ซูฮยอนพูดเหมือนรอ น้ำท่วมหลังเป็ด โอกาสที่เขาจะทําสําเร็จเรียกได้ว่าแทบริบหรี่
จอร์แดนมั่นใจว่าซูฮยอนมีแข็งแกร่งแท้จริง เขาไม่เห็นการต่อสู้ระหว่างซูฮยอนและแมครีเบอร์
แต่เขาได้เห็นการต่อสู้ของซูฮยนและโคลอี้มาแล้ว อีกฝ่ายสยบโคลอี้ได้ราวปอกกล้วยเข้าปาก ซูฮยอนสมควรถูกเทิดทูนให้เป็นผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ศัตรูที่ซูฮยอนมุ่ง เป้าไว้คือกิลด์ดัพม์ หากซูฮยอนเป็นผู้ตื่นขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก กิลด์ดัมพ์ก็ถูกหลายฝ่ายสันนิษฐานให้เป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเหมือนกัน แต่ซูฮยอนกลับบอกว่าจะทําลายกิลด์ดัมพ์ด้วยตัวคนเดียว
“ตามนั้น แต่อาจต้องใช้เวลา” ซูฮยอนยักไหล่ราวกับว่าไม่เรื่องใหญ่อะไร
“ต่อให้ใช้เวลานานหลายปี ฉันต้องทํามันสําเร็จ”
“นายมั่นใจว่าจะทําสําเร็จ?
“ความมั่นใจไม่ใช่ประเด็นสําคัญ ตามจริงฉันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องบ้าๆพรรค์นี้หรอก”
“แล้วทําไม”
“กิลด์ดัมพ์จําเป็นต้องหายไป”
อาจฟังดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน ซูฮยอนไม่ได้ประโยชน์อะไรเกี่ยวกับการกําจัดกิลด์ดัมพ์เลย สาเหตุที่เขาต้องลงมือ เพราะกิลด์ดัมพ์เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม
“นายเหมือนฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมจัง”
“น่าจะใช่ ” ซูฮยอนยิ้มแฉ่งและพยักหน้า “ใครๆก็บอกฉันแบบนั้นเหมือนกัน”
เงียบ
จอร์แดนเอียงหัวเหมือนกับไม่เข้าใจคําพูดของซูฮยอน ขณะที่กําลังคิดอะไรเพลินๆ
มิรุและฮักจุนค้นพบว่าซูฮยอนกลับมาแล้ว จึงพากันวิ่งปรี่เข้าไปหา
คิ้ว!!!
“พี่ซูฮยอน”
มิรุคํารามใส่ซูฮยอน ทําท่าทําทางเหมือนสื่อประมาณว่าทําไมถึงปล่อยให้มันไปกับคนแปลกหน้า
ฮักจุนก็ใช่ย่อย เขาพล่ามรัวๆไม่หยุดว่าทําไมถึงปล่อยเขาทิ้งไว้คนเดียว ซูฮยอนหลบสายตาของทั้งคู่ด้วยความอึดอัดใจ
โดยเฉพาะฮักจุน เขารู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายมากเป็นพิเศษ
“มันช่วยไม่ได้จริงๆ ” ซูฮยอนพูด
“ใครจะไปคิดว่าจู่ๆชายสวมหมวกบักเก็ตจะแอบปลีกตัวออกไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นฉันจึงติดตามตามเขาไป
“ พี่บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!! ที่รู้แล้วใช่ไหมว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น?”
“อ่า…ใช่ฉันรู้อยู่แล้ว แต่ว่า…”
“ทําไมพี่ถึงทํากับผมอย่างงี้ รู้ไหมผมเกือบจะบ้าตายเพราะโรคซึมเศร้าอยู่รอมร่อ ไม่มีใครคุยกับผมเลยสักคน ภาษาอังกฤษผมก็งูๆ ปลาๆ ฟังพวกเขาพูดแทบไม่รู้เรื่อง ผมอุตส่าห์ติดตามพี่มาเพราะเชื่อใจ แต่พี่กลับทอดทิ้งผมซะได้”
“เอ่อ… ฉันขอโทษ”
จุนฮักจนชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของซูฮยอนด้วยวาจา หยาดเหงื่อเม็ดเล็กๆไหลพรากออกมาจากหน้าผาก ซูฮยอนเผลอก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
เขารู้สึกผิดกับฮักจุนจริงๆ แมครีเบอร์เริ่มแผนการเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่คิด ทําให้ตอนนั้นเขาไม่มีเวลาแจ้งให้ฮักจนรู้
“มีเรื่องแปลกตาแปลกใจให้เห็นอีกแล้ว”จอร์แดนคิดในใจ
ซูฮยอนเด็ดหัวแมครีเบอร์และทรมานโคลอี้อย่างโหดเหี้ยมอํามหิต จอร์แดนคิดว่าซูฮยอนเป็นชายหนุ่มเลือดเย็น ผู้ไม่หวั่นเกรงสิ่งใด
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มเลือดเย็นกลับทําสีหน้ากระอักกระอ่วน ขณะปลอบใจรุ่นน้อง ภาพในความคิดและความจริงช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
“จริงสิ เมื่อกี้ผมบอกว่าจะจัดการด้วยตัวคนเดียว ของแก้ข่าวหน่อยก็แล้วกัน ผมไม่ได้ทําทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว”
ซูฮยอนมองไปยังฮักจุนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“แค่ 2 คน?” จอร์แดนถาม
“ไม่ มีมากกว่านี้”
“เป็นใคร?”
จอร์แดนเข้าสู่ห้วงความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนนึกขึ้นได้ว่าซูฮยอนมาเหยียบแผ่นดินสหรัฐอเมริกาได้ยังไง
“อย่างบอกนะว่าจะเป็นพวกเขา
ซงฮย็อกผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S อุปนิสัยคลั่งไคล้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และยังมีความเชี่ยวชาญด้านการรับมือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เกือบทุกชนิด เขาให้ความสนใจดันเจี้ยนแห่งนี้มากเป็นพิเศษ
ดันเจี้ยนระดับสีเขียวแห่งนี้ใหญ่โตมาที่สุดเท่าที่เคยปรากฏออกมาในประเทศเกาหลี มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงมากๆที่ภายในดันเจี้ยนจะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้น ดังนั้นซงฮย็องกิจึงสมัครเข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนด้วยความเต็มใจ ถ้าเป็นปกติเขาไม่มีวันเหลียวแลดันเจี้ยนบ้าๆพรรค์นี้แน่ การโจมตีดันเจี้ยนที่ควรราบรื่น กลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”
ปัง!!!
จีย็อนบดขยี่ศีรษะชายคนหนึ่งโดยเมินเฉยต่อคําวิงวอน หัวของเขาระเบิดออกมาเหมือนแตงโม
ซฮย็องกิมองภาพเหตุการณ์นองเลือดตรงหน้าไม่กระพริบตา
เขายกมือขึ้นมาลูบหัวมังกรที่ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล
“ตกลงเธอมาที่นี่ได้ยังไง?
คําถามซงฮย็องกิ ทําให้จียอนที่กําลังใช้สายตาเย็นชายืนพิจารณาศพนองเลือดบนพื้นหันกลับไปตอบ
“ถ้ามีผู้หวังดีช่วยเหลือ อย่างแรกนายควรขอบคุณผู้มีพระคุณก่อน อีกแค่นิดเดียว นายเกือบได้มีโอกาสไปเที่ยวยมโลกแล้วรู้ไหม?”
ซงฮย็องกิหน้ามุ่ย หากรู้มาก่อนว่าจะมีหมาลอบกัดเขาคงไม่ตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถแบบนี้หรอก ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S อย่างเขาโดดซุ่มโจมตี รู้ถึงไหนอายถึงนั้น
เป็นความจริงที่จียอนช่วยเขารอดพ้นจากวิกฤติความตาย แต่ปัญหาคือเธอมาที่นี่ได้ยังไง เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ด้วยซ้ํา
“เธอแอบเข้ามา?”
“ถามมาก นายอยากปะทะคารมกับฉันใช่ไหม?
“ทําอย่างกับพวกเราไม่เคยปะฉะดะกันอย่างงั้นแหละ”
“หัดสําเหนียกไว้บ้าง ถ้าไม่ได้ฉันทั้งนายและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์คงตายไปนานแล้ว”
คําพูดแทงใจดีของจียอน ซงฮย็องกิทําได้เพียงนิ่งเงียบ ใครจะไปคิดว่าในกลุ่มพวกเขา จะมีคนกล้าทรยศหันอาวุธใส่พวกเดียวกันเอง
มันสถานการณ์คาดไม่ถึงและเดิมพันด้วยชีวิต ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเธอ เขาอาจแดดิ้นอยู่ที่นี่ก็ได้
“เฮ้อ เรื่องนั้นฉันขอคุณเธอจริงๆ”
“คําขอบคุณของนายไม่ทําให้ฉันซาบซึ้งหรอกนะ และรู้ไว้ด้วย ที่ฉันลงมือช่วยนาย ไม่ใช่ว่าอยากได้ยินคําขอบคุณ”
แม้ปากบอกไม่อยากได้ยิน แต่จากกิริยาภายนอกเหมือนเธอกําลังภูมิใจที่ซงฮย็องกิเอ่ยคําขอบคุณ
ซงฮย็องกิเป็นคนดื้อรั้น ยืนด้วยลําแข้งของตัวเองและไม่เคยก้มหัวให้ใคร น้อยครั้งมากที่เขาจะเอ่ยปากขอบคุณใครสักคน
“เธอรู้จักพวกมันใช่หรือปาว เธอสังหารพวกเขาเลือดเย็นซะขนาดนั้น” ซงฮย็องกิถาม
จียอนลงไม้ลงมือกับทีมโจมตีอย่างรุนแรง มันไม่เหมือนการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว แต่เหมือนการต่อสู้ที่มีความแค้นส่วนตัวมากกว่า และก็เป็นอย่างที่ซงฮยองกิคิด จียอนพยักหน้ายืนยัน
“ฉันรู้จักพวกมัน”
“พวกมันเป็นใคร?”
“สมาชิกของกิลด์ดัมพ์”
เมื่อได้ยินคําตอบจากปากจียอน ดวงตาซงฮย็องกิพลันสั่นระริก เขาสูดลมหายใจเข้าไปอีกแล้วถามออกมาอีกครั้ง
“กิลด์ดัมพ์? พวกมันหลบอยู่แต่ในเงามืดไม่ใช่เหรอ”
“กิลด์ดัมพ์เท่าที่ผ่านมา..”
“เท่าที่ผ่านมา?”
สาเหตุที่พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวคงวางแผนทําอะไรบางอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น แสดงว่าพวกมันเลิกเล่นซ่อนแอบเป็นแน่
แถมดูจากท่าทางเหมือนจียอนจะรู้เบาะแสการเคลื่อนไหวของกิลด์ดัมพ์เป็นอย่างดี…
“พวกมันมีเป้าหมายอะไร?
“เพื่ออวดเบ่งความสามารถของพวกมัน ไม่ว่าเป็น ความแข็งแกร่ง เงิน สร้างความรุน แรงให้สังคม อะไรทํานองนั้น”
“เธอเกี่ยวพันธ์อะไรกับกิลด์ดัมพ์?”
“ฉันถือว่ากิลด์ดัมพ์เป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ ถ้าจะเจาะจงให้ลึกลงไป ฉันมีความแค้นส่วนตัวกับพวกมัน”
“อืม…”
ซงฮยองกิมองจียอนด้วยสายตาลึกล้ำ เธอในตอนแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ตอนที่เขาเจอเธอครั้งแรก เธอเป็นคนประเภทแสดงสีหน้าอารมณ์ไม่เก่ง
แต่มาวันนี้ซงฮย็องกิสังเกตเห็นว่าสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและความดุเดือด
“ฉันขอบบุคลิกภาพของเธอตอนนี้จริงๆ อย่างน้อยเธอก็เหมือนมนุษย์มนามากขึ้น” ซงฮย็องกิคิดในใจ
ครั้งล่าสุดที่เขาเจอจียอน ถ้าไม่บอกว่าเธอเป็นมนุษย์ เขานึกว่าเธอเป็นตุ๊กตาไม้มีจิตใจซะอีก
ซึ่งลักษณะที่เหมือนตุ๊กตาไม้มีจิตใจ เหมือนกับใครบางคนที่ซงฮย็องกิไม่ชอบขี้หน้า เวลา เห็นหน้าคาดตาจียอน ใบหน้าที่เขาเกลียดตามมาหลอกหลอนทุกครั้ง
ไม่น่าเชื่อว่าการโจมตีดันเจี้ยนวันนี้ จะทําให้เขาได้มีโอกาสได้เห็นบุคลิกภาพอีกด้านของเธอ
“เธอวางแผนจะทําอะไรต่อไป” ซงฮย็องกิถาม
“ฉันวางแผนถอนรากถอนโคนกิลด์ดัมพ์” จียอนจ้องพินิจดวงตาซงฮย็องกิ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นายสนใจร่วมมือกับฉันไหม?”
“จะทําลายกิลด์ดัมพ์? เธอนี้มันบ้าบิ่นจริงๆ”
ซงฮย็องกิคิดว่าตัวเองฝันไป คนอย่างจียอนเนี่ยนะขอความร่วมมือจากเขา? เธอไม่มีคนอื่นให้ยืมแรงใช่ไหม? หรือว่าเธอไร้หนทางจริงๆ?
ซงฮย็องกิครุ่นคิดสักครู่ ก่อนพยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันตกลง พวกมันบังอาจทุบตีลูกๆที่น่ารักของฉัน ฉันจะทําให้พวกมันชดใช้อย่างสาสม อีกอย่างเธอยังเป็นผู้มีพระคุณของฉันด้วย”
สําหรับซงฮยองกิข้อเสนอของจียอนไม่ได้แย่อะไร เขาตั้งใจเอาไว้ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าทําร้ายเขาและลูกที่น่ารัก เขาจะเอาคืนพวกมันกลับไปเป็น 100 เท่า ยิ่งไปกว่านั้นซงฮยองกิก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร เขาจึงไม่ปฏิเสธข้อเสนอของเธอ
ทางด้านจียอนก็ได้ประโยชน์ไปด้วยเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ ที่ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ 5 ซงฮย็องกิตบปากรับคําข้อเสนอของเธอแต่โดยดี
“อย่างแรกพวกเรารีบเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ให้จบๆเถอะ”
พวกเขาติดอยู่ในดันเจี้ยนระดับสีเขียว ซึ่งดันเจี้ยนแห่งนี้ใหญ่โตมาก ถ้าเป็นเวลาปกติ การเคลียร์ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงหรือหลายวัน แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ไปเถอะ เดินหน้ากันต่อ”
มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ 5 ถึง 2 คน ดันเจี้ยนระดับสีเขียวจึงหมดความท้าทายโดยปริยาย
“บัดซบ ยากเป็นบ้า”จอร์แดนบ่นอิดออด แรงกดดันที่ได้รับจากดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินทําให้เขาจะบ้าตายอยู่ร่ําไป
หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาไม่รู้ว่าต่อสู้กับมอนสเตอร์ไปแล้วกี่ครั้ง จํานวนมอนสเตอร์และระดับเลเวลภาพรวมทั้งหมดสูงกว่าดันเจี้ยนระดับสีเขียวไม่รู้กี่เท่า
มอนสเตอร์บอสระดับกลางมีโผล่ออกมาบ้างประปราย ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบเท่าบอสใหญ่ในดันเจี้ยนระดับสีเขียวไม่มีผิด
“นายถอดใจแล้ว? ก่อนเข้าดันเจี้ยนนายยังมั่นใจตัวเองอยู่เลย”
คิ้ว!!!
ซูฮยอนพูดจบก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ จอร์แดน มิรุที่บินตามมาก็พยักหัวราวกับว่าสนับสนุนคําพูดของซูฮยอน
จอร์แดนคิดในใจว่าพวกเขาเป็นคนอํามหิตยิ่งนักไม่เคยยินคําว่าคนล้มอย่าข้ามหรือไง?
จอร์แดนไม่ได้ตอบโต้กลับ เขาทําได้แต่ขมวดคิ้ว
เป็นอย่างที่ซูฮยอนพูด เขามั่นใจฝีมือตัวเองมากเกินไป ถึงขั้นไม่เห็นดันเจี้ยนอยู่ในสายตา แถมยังประเมินความแข็งแกร่งของดันเจี้ยนต่ำไป
ทว่า
“ต่อให้ดันเจี้ยนยากกว่านี้ ฉันต้องเคลียร์มันให้ได้” จอร์แดนพูด
ระดับความยากไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายมากนัก มีมอนสเตอร์หลายประเภทและความแข็งแกร่งแตกต่างกันไปก็จริง แต่เขายังสามารถจัดการพวกมันได้สบายๆ
“แน่นอนว่าที่พวกเราอยู่รอดมาถึงตอนนี้ ต้องขอขอบคุณซูฮยอนจริงๆ ” จอร์แดนคิด
เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าจอร์แดนตัวคนเดียวไม่มีทางเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ ถ้าไม่ได้การช่วยเหลือจากซูฮยอน การโจมตีดันเจี้ยนจะเต็มไปด้วยอุปสรรคชิ้นใหญ่ขวางทาง..
“ซูฮยอนเหมือนเป็นเทพผู้ชี้ทางรอดให้กับพวกเรา”
ถ้าจอร์แดนไม่ได้ซูฮยอนช่วยไว้ ตัวเขาคงตายไปนานแล้ว อีกอย่างซูฮยอนยังเป็นหุ้นส่วนคนสําคัญในการโจมตีดันเจี้ยนและหยุดการแพร่ระบาดของดันเจี้ยน
“หากซูฮยอนไม่ได้อยู่ที่นี่ ”
แผนการชั่วร้ายที่กิลด์ดัมพ์วางเอาไว้ มีแนวโน้มเกิดขึ้นสูงมาก
“ หนทางยังอีกยาวไกล การ์ดอย่าตก”ซูฮยอนพูด
“การ์ดของฉันไม่ได้ตกซะหน่อย”
“ใช่ นายการ์ดไม่ได้ตก แค่มั่นใจความสามรถของตัวเองมากเกินไปจนเกือบเสียท่า อืม…หรือจะบอกว่าเป็นเพราะนิสัยภาคภูมิใจของนายดีหละ?”
คําพูดของซูฮยอนทําให้จอร์แดนปิดปากเงียบ ซูฮยอนพูดถูกต้องทุกประการ
ชั่วเวลาหนึ่งจอร์แดนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ เขาจึงประเมินดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินต่ํางเกินไป ตอนนี้ก็เช่นกัน
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาไม่ใช่คนประเภทล้มเลิกยอมแพ้อะไรง่ายๆ อุปสรรคที่มีก่ายกอง เขาจะแปรเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นความมั่นใจ
“ฉันยอมรับ ว่านายพูดถูกทุกข้อ” จอร์แดนก้าวเดินช้าลงและพยักหน้า
“พูดตามตรง ฉันภูมิใจตัวเองเกินเหตุ จนลืมนึกถึงวิกฤติการณ์ที่กําลังเผชิญ
สายตาของจอร์แดนมองซูฮยอนอย่างเที่ยงตรง
“ตั้งแต่ฉันได้ครอบครองพลังผู้ตื่นขึ้นและทําการโจมตีดันเจี้ยนหลายแห่ง สําหรับฉันดันเจี้ยน ไม่เคยมีความยากอยู่ในหัว การปีนป่ายหอคอยแห่งการทดสอบยากกว่าดันเจี้ยนหลายขุม”
“นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทําไมฉันถึงลืมความยากของดันเจี้ยนไป” จอร์แดนคิด
ความหมายของดันเจี้ยนสําหรับจอร์แดน มีไว้เพื่อความบันเทิง เงิน และ ชื่อเสียง
“หลังจากเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ 5 ยิ่งแล้วใหญ่ ฉันรู้สึกว่าโลกทั้งใบอยู่ในเงื้อมมือ ไม่มีอะไรที่ฉันไขว่คว้าไม่ได้ ผู้คนทั่วไปมองฉันราวเป็นตํานานวีรบุรุษ แต่ตอนนี้ฉันกับฉุกคิด มันเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ?”
ไม่ใช่แค่จอร์แดน ผู้ตื่นขึ้นแรงค์สูงๆส่วนใหญ่มีความคิดคล้ายคลึงกัน
“ฉันต้องเก็บเรื่องนี้ไปคิดทบทวนอีกรอบ”
จอร์แดนยอมรับข้อติเตียนของซูฮยอนอย่างว่านอนสอนง่าย ซูฮยอนอดมองใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คนทะนงตนอย่างจอร์แดนจะยอมรับฟังอะไรง่ายๆ “ซูฮยอนคิด
ผู้ตื่นขึ้นที่มีความสามารถไม่รู้ถึงอันตรายของดันเจี้ยน มีเพียงประชาชนไร้พลังเท่านั้น ที่รู้ความน่ากลัวของดันเจี้ยน ซูฮยอนอดเป็นห่วงไม่ได้ หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่แน่
ถ้าผู้ตื่นขึ้นแรงค์สูงๆหันมาสนใจดันเจี้ยนสักนิด โลกในอดีตคงไม่ถูกทําลาย
“ฉันดีใจจริงๆ ที่เห็นนายคิดได้”ซูฮยอนตอบและก้าวเดินต่อ
คิ้ว!!!
เดินมาได้ 2-3 ชั่วโมง พวกเขาพบว่าด้านมีหน้าผาสูงชั้นตั้งเด่นตระหง่านอยู่กลางป่าดงพงไพร มิรุลอยตัวอยู่เหลือซูฮยอน เปล่งเสียงร้องครามออกมาอย่างหวาดหวั่น เป็นสัญญาณว่าด้านหน้า ต้องมีอะไรซ่อนอยู่
“มอนสเตอร์เหรอ?”
มิรุทําหน้าที่คอยแจ้งเตือนสมาชิกทีมโจมตี ว่าด้านหน้ามีมอนสเตอร์ จอร์แดนเชื่อว่าครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน
จอร์แดนแปลกใจ ทําไมมังกรน้อยถึงมีประสาทสัมผัส ดีกว่าผู้ตื่นขึ้นแรงค์ 5 อย่างเขา
“ถูกต้อง มันเป็นมอนสเตอร์ แต่ว่า ” ซูฮยอนสังเกตบริเวณรอบและหรี่ตาลง “ดูเหมือนจะเป็นตัวสุดท้าย”
“ตัวสุดท้าย? พี่กําลังจะบอกว่ามันคือบอสใช่ไหม?” จุนฮักจนถามด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ
ซูฮยอนพยักหน้าแทนคําพูด ก่อนยกมือขึ้น เป็นเหตุให้ทีมโจมตีที่เดินท อมๆด้านหลังหยุดเดิน
“เกิดอะไรขึ้นครับ” หนึ่งในทีมโจมตีถาม
“พวกเราเจอบอสตัวสุดท้าย “ซูฮยอนพูด
ซูฮยอนก้มตัวลงหยิบก้อนหินขนาดเท่ากําปั้นขึ้นมา และ
ปัง!!!
เขาง้างมือเหมือนยิงลูกธนูแล้วขว้างก้อนหินสุดแรงไปทางด้านขวา
โฮกกกกกกกกกกกกกกกก
เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากที่ไกลๆ พวกเขาไม่รู้ว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นอยู่ห่างจากจุดที่ยืนอยู่ไกลแค่ไหน แต่เหมือนก้อนหินที่ซูฮยอนขว้างออกไปจะสะกิดโดนมัน
“ ด้านขวาเหรอ?
“มันอยู่ทางขวา”
ทีมโจมตีส่วนใหญ่คิดว่ามอนสเตอร์จะโผล่ออกมาจากทางขวา มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นมีไหวพริบและสังเกตเห็นความผิดปกติ
“ทุกคนระวังด้วย มันไม่ได้อยู่ทางขวา”
“มันกําลังตีวงล้อมพวกเราอยู่”
จุนฮักจนเห็นด้วยกับคําพูดของจอร์แดน ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A บางคนก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ พวกเขาตอบสนองโดยการพยักหน้าให้กันและกัน
ทีมโจมตีทุกคนกลั้นลมหายใจ จากนั้นจึงเริ่มกระจายกําลังคนออกไป โดยใช้แบบแผนรูปขบวนวงกลม… รายล้อมปิดหน้าปิดหลัง