การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 93
ตอนที่ 93
“พวกมันมีทั้งหมดกี่ตัว?”
“ตามปกติมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนที่อาศัยอยู่ตามป่าดงพงไพร มักเชี่ยวชาญการออกล่าเหยื่อแบบกลุ่ม ดังนั้นความแข็งแกร่งและจํานวนจึงเยอะมากเป็นพิเศษ ถ้าถามว่ามีกี่ตัว ผมก็ระบุจํานวนที่แน่ชัดไม่ได้เหมือนกัน”
ซูฮยอนตอบคําถามจอร์แดนด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา จอร์แดนตริตรองสักพักและพยักหน้าเห็นด้วย
“เป็นอย่างที่ซูฮยอนพูด”จอร์แดนคิด
จอร์แดนหวนนึกถึงดันเจี้ยนที่มีสภาพแวดล้อมเป็นป่ารกทึบ เขาและทีมโจมตีต้องบากบั่นต่อสู้กับฝูงมอนสเตอร์หลายสิบตัว แทนที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์พละกําลังแข็งแกร่งเพียงตัวเดียว
แต่อย่าได้ดูถูกความแข็งแกร่งของพวกมัน ด้วยความแข็งแกร่งที่มีน้อยนิด พวกมันจึงใช้จํานวนเข้าสู้แทน กว่าจอร์แดนและทีมจะโจมจะตะลุยฝ่าวงล้อมไปได้ ก็กินเรี่ยวแรงไปเยอะพอสมควร
สถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่ต่างกับในอดีตที่จอร์แดนเคยเจอ
“ดูเหมือนจะมีผู้นำบงการอยู่เบื้องหลัง”
“นายหมายถึงบอส?”
“ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นมอนสเตอร์ที่กําลังบงการ น่าจะมีสติปัญญาสูงกว่ามอนสเตอร์ทั่วไป เพราะมันสามารถควบคุมฝูงมอนสเตอร์ฝูงใหญ่ได้”
ฝูงมอนสเตอร์ไม่ได้กระโจนมาจากมุมใดมุมหนึ่ง แต่พวกมันรายล้อมทีมโจมตีอยู่นอกรอบและเคลื่อนไหวตีวงให้แคบลง
มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากๆที่มอนสเตอร์หลายประเภทจะประสานงานกันได้อย่างลง ตัวและเป็นรูปเป็นร่างเช่นนี้
ขาดไปไม่ได้คือบอสที่บงการอยู่เบื้องหลัง มอนสเตอร์ที่ควบคุมมอนสเตอร์ด้วยกันได้จํานวนหลายตัวหลายประเภท ซูฮยอนนึกออกเพียงแค่มันตัวเดียวเท่านั้น
“โทรลล์ดรูอิด” ซูฮยอนกล่าว
“ดรูอิด ?”
“ถูกต้อง บอสตัวนี้มีความสามารถในการควบคุมมอนสเตอร์หลายชนิด ขนาดตัวไม่ใหญ่มาก แต่หัวสมองของมันปราดเปรื่องและเก่งด้านเวทมนต์”
“อืม..ฉันไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลยแฮะ” จอร์แดนพูด
“ผมเคยเจอมันในหอคอยแห่งการทดสอบคราวหนึ่ง ความสามารถของทั้ง 2 ตัว คล้ายคลึงกันมาก ผมจึงสันนิษฐานว่าบอสที่พวกเรากําลังเผชิญอาจเป็นเจ้าโทรลล์ดรูอิด”
ข้อกล่าวอ้างที่ซูฮยอนหยิบยกขึ้นมา เป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะไม่มีใครรู้ว่าซูฮยอนต้องเผชิญหน้ากับตัวอะไรภายในหอคอยแห่งการทดสอบ
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่อยู่ข้างเขา จอร์แดนไม่ได้เคลือบแคลงข้อกล่าวอ้างของซูฮยอนเลยแม้ แต่น้อย
“ครูอิต”
“มอนสเตอร์เคลื่อนไหวอย่างมีกิจจะลักษณะ ดังนั้นจงระลึกไว้เสมอ หากเกิดการต่อสู้ขึ้น สิ่งที่สําคัญเป็นอันดับแรกคือการเด็ดหัวดรูอิด เมื่อบอสใหญ่หมดลมหายใจ มอนสเตอร์ที่ถูกควบคุม จะได้สติสัมปชัญญะกลับขึ้นมา สุดท้ายพวกมันก็กระจัดกระจายไปใช้ชีวิตตามวิถีของใครของมัน”
จอร์แดนพยักหน้าให้กลับการวิเคราะห์ของซูฮยอน
ฆ่าบอส กลุ่มมอนสเตอร์ลูกกะจ๊อกก็ไร้ผู้นำ เมื่อไร้ผู้นำ รูปแบบการโจมตีที่วางไว้เป็นชั้นเชิงถึงคราวย่อยยับ ฟังดูเป็นกลยุทธ์สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ย่อมมีข้อบกพร่อง
“ถ้ามันฉลาดอย่างที่นายว่า บอสใหญ่คงไม่โผล่หัวออกมาง่ายๆหรอก” จอร์แดนพูด
“ไม่ต้องห่วง พวกเราหาตัวมันได้แน่”
“ทํายังไง?”
“ผมจะเป็นคนออกตามหาตัวมันเอง”
คําตอบเป็นไปตามทิศทางที่จินตนาการ จอร์แดนพ่นลมใจออกมา..
“นายไม่เป็นอะไรแน่เหรอ”
“ไม่มีใครทําเรื่องเสี่ยงตายแบบนี้ได้นอกจากผม คุณอย่าลืมสิ ว่าผมเคลื่อนที่ได้เร็วแค่ไหน”
ซูฮยอนพูดถูก เหตุการณ์คราวที่แล้วเขาหายตัวไปตั้งแต่ปากทางเข้าดันเจี้ยน จอร์แดนไม่รู้ตัวด้วยซ้ําว่าซูฮยอนหายไปตอนไหน
อีกอย่างจอร์แดนเฝ้าสังเกตการณ์การต่อสู้ของซูฮยอนมาตลอดทาง จึงรู้ดีว่าซูฮยอนเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเขามากนัก
“อารมณ์ของเจ้าตัวเปลี่ยนไปแล้ว”จอร์แดนคิด
ที่ผ่านมาซูฮยอนมีท่าที่ผ่อนคลายแบบสุดๆ แต่ตอนนี้เขามีสีหน้าไม่สายใจ
ตั้งแต่เข้ามาในดันเจี้ยนนับเป็นครั้งแรกที่จอร์แดนเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของซูฮยอน ไม่แน่บางที่ซูฮยอนอาจกําลังคิดว่าดรูอิดเป็นศัตรูตัวฉกาจ รับมือยากอยู่ก็ได้
“อย่าลืมคํานึกถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก” จอร์แดนพูด
“เข้าใจแล้ว”
ซูฮยอนยื่นมือลูบหางมุริ ที่โผบินเหนือหัว
“จอร์แดน คุณต้องคุมทุกคนให้ยืนหยัดรออยู่ที่นี่อย่างอดทน”
พูดกับมิรุเสร็จ ซูฮยอนสัมผัสไหล่ฮักจุนและพูดเป็นภาษาเกาหลี “นายก็ต้องอดทนรออยู่ที่นี่เหมือนกัน”
“ครับ?
พรึ่บ!!
ร่างของซูฮยอนอันตรธานหายไปจากจุดที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
คิ้ว!!!
ผู้ตื่นขึ้นได้ยินเสียงร้องโหยไห้สุดเวทนาของมิรุดังออกจากระยะไกลๆ แสดงว่าซูฮยอนต้องกําลังวิ่งลู่ลมโดยจับหางมิรุอยู่แน่ๆ
“ซูฮยอนบอกให้พวกเรารออย่างอดทนสินะ?”จอร์แดนพิมพ์คําพูดของซูฮยอนที่ พูดไว้ก่อนจากไป
“แต่ฉันเกรงว่า…”
โฮกกกกกก!!
กี้! กี้!
บรู๊วววว!!
เสียงคํารามกึกก้องเปล่งออกมารอบทิศทาง พวกเขาคาดเดาไม่ได้ว่ามอนสเตอร์มีจํานวนที่ตัว แต่ฟังจากเสียงเหมือนพวกมันจะมีมากกว่าร้อยตัวขึ้นไป
“บรรลัยจริงๆ”
ระหว่างรอการต่อสู้หยดเหงื่อเย็นเฉียบเกาะกลุ่มอยู่บนหน้าผากจอร์แดน เวลานี้เขากระจ่าง ชัดแล้วกับคําว่า [รออย่างอดทน] ของซูฮยอนหมายถึงอะไร
“ทุกคนได้ยินเสียงคํารามกันใช่ไหม?”
จอร์แดนสังเกตบริเวณรอบๆ จนเห็นกลุ่มมอนสเตอร์ตัวใหญ่กําลังเคลื่อนที่รายล้อมพวกเขาอยู่
“ขบกรามและยืนหยัดให้ได้!! “จอร์แดนประกาศกร้าว
พรึ่บ!!
ซูฮยอนกระโดดเหยียบไปตามกิ่งก้านต้นไม้ที่แตกแขนงพาดก่ายกัน ทิวทัศน์ต้นไม้เขียวชอุ่ม น่ารื่นรมย์ ช่างเหมือนภาพวาดจิตรกรรม มิรุจับข้อมือซูฮยอนเอาไว้ เริ่มหัวเราะออกมาอย่างหฤหรรษ์
โฮกกกกกก
มอนสเตอร์ลักษณะคล้ายคลึงเสือดาวหมอบพลางตัวอยู่บนกิ่งไม้ กระโดดออกมาจากมุมมืด เพื่อหวังตะครุบเหยื่อจากด้านบน และซูฮยอนคือเหยื่อของมัน แต่น่าเสียดายกิ่งไม้ไม่แข็งแรงพอรับน้ำหนักของเสือดาว ร่างของมันร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง
เมื่อเหยื่อที่หมายปองไว้หนีรอดจากกรงเล็บ เสือดาวไม่ย่อท้อ มันออกล่าเหยื่ออีกคราว หมายมั่นพิชิตเป้าหมาย
โฮกกกกกก
ฉั๊วะ!!!
ในขณะที่เสือดาวกําลังไล่ตามเหยื่อ รอยริ้วสีแดงๆเลื้อยไปตามเค้าโครงสรีระของเสือดาว
ร่างเสือดาวแยกออกเป็น 2 ซีก น้ำพูโลหิตกระดูกเจิ่งนองก่อนซึมลงพื้นดิน
ซูฮยอนเมินเฉยซากศพ รีบมุ่งหน้าต่อ
“อืม… ฉันควรไปทางไหนดีหนอ?”ซูฮยอนคิด
มอนสเตอร์ตัวใดก็ตามที่มีสติปัญญาต่ำ ไม่มีทางหนีพ้นอํานาจการครอบงําของโทรลล์ดรูอิดได้ แล้วเจ้าโทรลล์ดรูอิดปรากฏตัวเฉพาะดันเจี้ยนสีน้ำเงินเท่านั้น
ในเมื่อโทรลล์ดรูอิดมีความสามารถควบคุมมอนสเตอร์ตัวอื่นๆได้ มันจึงมีเล่ห์เพทุบายแพรวพราวและเชี่ยวชาญการต่อสู้แบบกลุ่ม
โทรลล์ดรูอิดแตกต่างจากบอสตัวอื่น เพราะมันซ่อนเร้นร่างกายได้อย่างมิดชิด ถึงกระนั้นโอกาสตามหาตัวจริงของมันไม่ใช่ศูนย์ซะเดียว การควบคุมมอนสเตอร์มีขอบเขตที่จํากัน โทรลล์ครูอิดคงหลบซ่อนอยู่ที่แห่งใดสักที่บริเวณแถวๆนี้
“ทิศทางที่เสือดาวกระโจนออกมาจากมุมมืด” ซูฮยอนวิเคราะห์ความเป็นไปได้
ซูฮยอนเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเอง มิรุก็ไม่น้อยหน้า มันก็เชื่อมั่นในสัญชาตญาณตัวเอง เหมือนคํากล่าวที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
มิรุที่กําลังห้อยโตงเตงเริงร่าบนแขนของยูฮยอนร้องครามด้วยน้ำเสียงละลาน ดวงตาเพ่งไปยังทิศทางที่ซูฮยอนกําลังมุ่งหน้าไป มิรุสัมผัสได้ว่าด้านเต็มไปด้วยฝูงมอนสเตอร์หลายประเภทและในหมู่มอนสเตอร์ มี 1 ตัวมีออร่าอัตลักษณ์แตกต่างจากตัวอื่น มิรุตอบสนองฉับพลัน รีบถ่ายทอดทุกสรรพสิ่งที่สัมผัสได้ให้ผู้เป็นเจ้าของรับรู้
ซูฮยอนกําลังตามหาดรูอิด ดังนั้นมิรุจึงช่วยซูฮยอนตามหามันอีกแรง..
สวบ!!!
เจี๊ยก เจี๊ยก
บรู้วววว!
เสือดาวทะมึนและลิงกระโดดโลดโผนไปตามกิ่งไม้ รุดหน้าไปหาซูฮยอน
ซูฮยอนไม่รีรอใช้สกิลกระโดดฝ่าวงล้อม ร่างกายลอยขึ้นบนฟ้าราวกําลังเสด็จกลับสรวงสวรรค์
จับกลุ่มก้อนเป็นรูปวงกลม
“ตรงนั้น!”
หวือ!
ร่างกายขอยอนดิ่งพสุธาลงมาพื้นที่ว่างด้านล่าง รอบๆไร้วี่แววมอนสเตอร์
ช่วงเวลาเดียวกันฝูงมอนสเตอร์ก็เริ่มเคลื่อนไหวตามไป
มอนสเตอร์หลายร้อยตัวตรงสายตาไปที่ร่างกายของซูฮยอนพร้อมเพรียง
โฮกกกกก!!
พวกมันไม่รีบผลีผลามปรี่เข้าไปหาซูฮยอน แค่เปล่งเสียงคํารามและแยกเขี้ยวอันแหลมคมเท่านั้น
“กะด้วยสายตาคร่าวๆ พวกมันมีประมาณ 200-300 ตัวเป็นอย่างต่ำ”
ฝูงมอนสเตอร์เหล่านี้ไม่ใช่ภัยคุกคามยิ่งใหญ่ที่ต้องคอยพะวง พวกมันกะปวกกะเปียกยิ่งกว่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยนระดับสีเขียวเสียอีก หากจะเปรียบเทียบให้ใกล้เคียงมากที่สุด พวกมันมีความแข็งละม้ายดันเจี้ยนระดีบสีเหลือง
แต่ปมปัญหาคือพวกมันมีจํานวนเยอะเกินไป หาชมได้ยากมากที่จะเห็นมอนสเตอร์รวมตัวกันได้กลุ่มใหญ่ขนาดนี้ นอกจากเหตุการณ์แพร่ระบาด
“ฉันต้องจัดการมอนสเตอร์พวกนี้ให้หมด” ซูฮยอนคิด
ฟรึ่บ!!
มิรุห้อยอยู่บนแขนซูฮยอนผละมือออก ปีกที่หุบเก็บไว้กางออกโผบินขึ้นไปบนอากาศ มิรุแยกเขี้ยวเล็กๆของมันและคํารามก้องประกาศศักดา แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของตัวมัน….
คิ้ว!!
ตุบ!! ตุบ!!
เสียงย่ำเท้าหนักแน่นเดินผ่ากลางฝูงมอนสเตอร์
มอนสเตอร์ที่กําลังย่างก้าวมีความยาวถึง 3 เมตร บนตัวสวมใส่เสื้อคลุมหนังสัตว์ ซึ่งทําจากหนังสัตว์อะไรสักอย่าง ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหน้ากากสีขาวขุ่น สรีระภายคล้ายคลึงมนุษย์ แค่ตัวใหญ่ผิดธรรมชาติ
มอนสเตอร์ตัวนี้คือดรูอิด บอสใหญ่สุดของฝูงมอนสเตอร์
“เจ้า..เป็น..ผู้..ใด?”
ดรูอิดเปล่งเสียงเป็นภาษามนุษย์ เพื่อความแน่ใจซูฮยอนปล่อยจิตใต้สํานึกหวนนึกถึงประโยคที่ดรูอิดพูดเมื่อสักครู่ บอกตามตรงซูฮยอนได้ยินพูดของมันเข้าไปเต็ม 2 รูหู แต่เขาจับใจความไม่ค่อยได้
ทว่า ซูฮยอนก็พอเข้าใจได้ว่ามันพยายามจะสื่อความหมายรูปแบบใดออกมา ดรูอิดพูดตะกุกตะกัก แสดงว่าการบวนการวิวัฒนาการของมันยังไม่สมบรูณ์ดี..
“เป็นใครงั้นเหรอ? ฉันเป็นได้แค่ศัตรูของแกเท่านั้น”ซูฮยอนตอบ
สิ้นเสียงซูฮยอน ดรูอิดเอียงหัวลงราวกับฉงนในสิ่งที่ซูฮยอนตอบโต้กลับมา
ซูฮยอนเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของดรูอิดมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาข้องใจจริงๆว่ามันจะใส่หน้ากากทําไม ใบหน้าที่แท้จริงก็ไม่ได้หล่อเหล่าสง่างามเหมือนเจ้าชายรูปงามสักหน่อย
“เจ้า..คือ…เหยื่อ”
เหมือนดรูอิดจะเห็นขอบซูฮยอนเป็นเพียงเหยื่อตัวเล็กๆ
“งั้นเหรอ มารอดูกัน..”
ฉึก!!
ซูฮยอนแทงแขนดรูอิด
“ลองทายสิ ว่าระหว่างแกและฉันใครจะเป็นผู้ถูกล่ากันแน่”
คิ้ว!!!
[คุณได้รับคําอวยพรจากมังกรศักดิ์สิทธิ์]
[ความเร็วเคลื่อนที่ของคุณเพิ่มขึ้น]
[ความแข็งแกร่งของคุณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]
[สถานะต้านทานเวทย์ของคุณเพิ่มขึ้น]
[พลังเวทย์ของคุณ.. ]
ผลเอฟเฟกต์บัฟของมิรุ ช่วยให้ซูฮยอนเคลื่อนไหวได้รวดเร็วขึ้นเหมือนมีปีกคอยค้ำจุนอยู่บนหลัง
ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที เขาก็สามารถเข้าประชิดตัวดรูอิดและสร้างบาดแผลให้มันได้
ฉั๊วะ!
ซูฮยอนสะบั้นดาบหมายแทงซ้ํา แต่ภาพครูอิดที่อยู่เบื้องหน้ากับเกิดปฏิกิริยาบิดเบี้ยวสลายตัวเป็นหมอกควันสีขาว
ภาพตรงหน้า น่าจะเกิดจากภาพลวงตาหรือพลังเวทย์ที่ดรูอิดร่ายออกมาเพื่อหลบหนี ซูฮยอนคิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การสังหารดรูอิดทําไม่ได้ง่ายๆ ฉะนั้นเขาจึงไม่รู้สึกมืออ่อนตีนอ่อนที่ดรูอิดหนีรอดไปได้
โฮกกกกกก!!!
กี้!!! กี้!!!
ทันที่ที่ซูฮยอนเริ่มขยับ มอนสเตอร์หลายร้อยตัวก็พลอยขยับตามไปด้วย พวกมันวิ่งกรูไปหาซูฮยอน
ซูฮยอนไม่เลือกหลบเลี่ยง แต่เลือกวิ่งปะทะคลื่นมอนสเตอร์ยักษ์
[กายาทรหด]
[สกิลจําแลง : อิมูกิ]
[เพลิงพิโรธ]
วุป!!
สกิลเพลิงพิโรธโอบล้อมร่างกายซูฮยอน ร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยิ่งได้เกล็ดอิมูกิมาเสริมอีก แทบเรียกได้ว่ากายคงกระพันไม่ปาน และที่ขาดไปไม่ได้
[ร่างแยกเงา ถูกเปิดใช้งาน]
[ร่างแยกเงา] คือสกิลใหม่ที่ซูฮยอนได้รับมาจากหอคอยแห่งการทดสอบชั้น 28 มันเป็นสกิลสิ้นเปลืองพลังเวทย์หนักหนาสาหัสมาก แต่ก็เป็นสกิลที่มีประสิทธิภาพเมื่อใช้ต่อสู้กับฝูงมอนสเตอร์ด้วยเช่นกัน
“ หนึ่ง สอง”
ซูฮยอนถือดาบเป็นแนวขนาน จากนั้นจึงกวัดไกวดาบหามอนสเตอร์ที่ยืนเรียงรายกันอยู่ด้านหน้า
“สาม!!”
เพลิงพิโรธห่อหุ้มดาบจนกลายเป็นดาบเปลวเพลิง เพลิงพิโรธเป็นสกิลโจมตีระยะไกลเพียงไม่กี่สกิลที่เหมาะสมแก่การต่อสู้กับฝูงมอนสเตอร์ในตอนนี้
ดาบของซูฮยอนถูกเสริมความคมด้วยเพลิงพิโรธ ทําให้สามารถบั้นคอมอนสเตอร์ได้ราหั่นผัก แต่การโจมตีมีข้อเสียอยู่หนึ่งจุด นั่นก็คือยิ่งมีระยะการโจมตีไกลออกไป ผลของสกิลยิ่งเสื่อมประสิทธิภาพลง แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะพลังทําลายล้างไม่ได้ลดทอนลง
ฉัวะ!!
บริเวณด้านหลังซูฮยอน มีการโจมตีรูปแบบคล้ายคลึงกันปล่อยออกไปในเวลาไล่เลี่ย
มอนสเตอร์ที่วิ่งผลุนผลันเข้ามาถูกเปลวเพลิงฌาปนกิจ เลือดสดๆไหลรินทะลักออกมาราวเขื่อนแตก
สกิล [ว่างแยกเงา] ที่ซูฮยอนเปิดใช้งานฝืนกฎธรรมชาติอย่างแท้จริง
ผลความสามารถของสกิลมันจะสร้าง [ร่างอวตาร] ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนซูฮยอนขึ้นมา
ระหว่างซูฮยอนออกท่วงท่าโจมตีฝูงมอนสเตอร์ด้านหน้า ร่างอวตารที่ออกท่วงท่าโจมตีไปยังฝูงมอนสเตอร์ที่กําลังโอบล้อมอยู่ด้านหลังด้วยเช่นกัน
“เป็นสกิลที่มีประโยชน์ เหมาะกับการจัดการมอนสเตอร์ด้านหลังของฉันจริงๆ “ซูฮยอนคิด
เงื่อนไขการใช้งานสกิล [ร่างแยกเงา] ค่อนข้างซับซ้อนยุ่งยาก แต่มันก็เป็นสกิลที่มีประโยชน์มากๆสกิลหนึ่ง ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมรูปแบบใด
และในสถานการณ์ที่โดนมอนสเตอร์โอบล้อมหน้าและหลัง สกิล [ร่างแยกเงา] จึงเป็นตัวเลือกสมเหตุสมผลมากที่สุด เพราะรอบตัวซูฮยอนไม่มีผู้ตื่นขึ้นคนอื่น มีแต่ฝูงมอนสเตอร์เท่านั้น เขาจึงไม่ต้องเป็นห่วงว่า [ร่างอวตาร] ที่สร้างขึ้นจะโจมตีโดนพวกเดียวกันไหม
“เฮ้ มิรุ”
ซูฮยอนแหงนหน้ามองมิรุ เจ้ามังกรกําลังโผบินบนน่านฟ้าอย่างสนุกสนาน
“ถึงคราวเก็บกวาดพวกมันได้แล้ว”
สิ้นเสียง มิรุเปิดปากและเริ่มรวมรวมพลังเวทย์เอาไว้ภายใน
[ปราณมังกร]
ปราณมังกรมีอานุภาพทําลายล้างสูงมากและถือเป็นท่าโจมตีพื้นฐานของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประเภทมังกร รัศมีการโจมตีเทียบเท่าได้กับสกิลการโจมตีระยะไกลของผู้ตื่นขึ้นเลยทีเดียว
มิรุปล่อยการโจมตี ซูฮยอนถีบตัวหลบขึ้นไปบนฟ้า ปราณมังกรของมิรุแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ปราณมังกรไร้สีสันชําระล้างพื้นด้านล่างทุกซอกทุกมุม
กี้!!! กี้!!!
กร้ากกกก!!!
มอนสเตอร์ร้องโหยหวนกันระงม แม้รูปลักษณ์ภายนอกของมิรุจะเป็นมังกรตัวจ้อย แต่อย่าได้อ่านดูถูกมันเชียว เพราะมิรุไม่ใช่มังกรทั่วไป
“อานุภาพทําลายล้างสูงก็จริง แต่น่าเสียดายที่มันต้องใช้เวลารวบรวมพลังเวทย์นานไปหน่อย กว่าจะใช้ได้อีกรอบ “ซูฮยอนคิด
ซูฮยอนทําใจเชื่อไม่ลงจริงๆ รูปร่างเล็กกระจ้อยของมิรุจะสามารถปล่อย [ปราณมังกร] ได้รุนแรงเช่นนี้
หากมิรุเติบใหญ่ขึ้น เวลาในการรวบรวมพลังเวทย์ก็น้อยลงไปอีก ยิ่งมีความแข็งแกร่งขึ้น ก้าวหน้าขึ้น ซูฮยอนผู้เป็นเจ้าของ ย่อมได้ประโยชน์ไปเต็มเม็ดเต็มหน่วย
“ตายครึ่ง เหลือรอดอีกครึ่ง”
มีมอนสเตอร์รอดชีวิตประมาณครึ่งหนึ่ง ซูฮยอนเอื้อมมือคว้าหอกที่สะพายเก็บไว้ด้านหลังตลอดเวลาออกมา
“ถึงคราว ไอเทมชิ้นนี้ออกโรงแล้ว”