กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - ตอนที่ 254
‘ฮองเฮาต้องการสังหารอ๋องหก ตัวข้าเป็นผู้ติดต่อ เฉินเหมินลอบสังหารสองครั้ง ครั้งแรกวันที่ห้าเดือนสิบ สังหารพระสนมกุ้ยเฟยผู้ล่วงลับ ครั้งที่สองปลายเดือนสามของปีนี้ ที่ทะเลสาบวั่งเยวี่ย’
ซูหลีกลั้นหายใจทันใด ดวงตาเบิกกว้าง พูดอะไรไม่ออก
คำพูดที่ฮองเฮากล่าวกับอวี้หลิงหลงบนตำหนักจินหลวน มาคิดดูยามนี้แล้วมีความหมายแฝงอยู่จริงๆ หากอวี้หลิงหลงเป็นผู้ติดต่อจริงๆ ฮองเฮาคงเกรงว่านางจะซัดทอดถึงคดีลอบสังหารตงฟางเจ๋อ จึงได้บีบบังคับให้นางตายโดยเร็ว! หากอวี้หลิงหลงไม่เตรียมใจไว้ก่อน แล้วทิ้งข้อความเอาไว้เช่นนี้ เกรงว่าคงไม่มีทางสืบหาความจริงได้อีกตลอดกาล!
“ถึงแม้ท่านแม่ของข้าเลือกปลิดชีพตนเองเพราะเรื่องของพี่สาว แต่เรื่องที่ฮองเฮากระทำไว้ เหตุใดต้องให้ท่านแม่ของข้าเป็นผู้รับผิดเพียงคนเดียว? ทั้งที่นางเป็นตัวการหลัก แต่กลับลอยนวลไปเช่นนั้น เสียแรงที่หลังจากท่านแม่จากไป ข้ายังปฏิบัติกับนางเฉกเช่นญาติผู้ใหญ่ นึกไม่นึกว่าที่แท้คนที่ทำร้ายท่านแม่ของข้า ก็คือนาง!” หลีเหยาโกรธแค้นยากสงบ กล่าวด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน
ครั้งแรกที่ตงฟางเจ๋อถูกไล่ล่าสังหารคือครึ่งปีก่อนงานแต่งของหลีซูกับตงฟางจั๋ว และเป็นเพราะครั้งนั้นที่ทำให้อวี้หลิงหลงรู้ว่าจะติดต่อกับนักฆ่าในสำนักเฉินเหมินได้อย่างไร จึงได้วางแผนจ้างวานนักฆ่าในเฉินเหมินไปสังหารหลีซูก่อนงานแต่งอีกครั้ง?!
ครั้นนึกมาถึงตรงนี้ หัวใจของนางหนักอึ้งยิ่งนัก เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว ฮองเฮาก็คือต้นเหตุของเรื่องราวเลวร้ายทั้งปวง
หากจะพิสูจน์ว่าข้อความที่อวี้หลิงหลงทิ้งไว้เป็นความจริงหรือไม่ มีเพียงต้องไปตรวจสอบกับสมุดลับของเฉินเหมินเท่านั้นจึงจะรู้ หยางเซียวอยู่แคว้นเปี้ยน จะไปหาเขาตอนนี้ดูจะเป็นไปไม่ค่อยได้นัก…ใช่แล้ว ยังมีหยางเสวียน! ในฐานะองค์หญิงแห่งแคว้นเปี้ยนที่เป็นสมาชิกในราชวงศ์เหมือนกัน นางน่าจะเข้าใจอักษรนี้เช่นกัน ยามนี้คนที่น่าจะช่วยได้มากที่สุด มีเพียงนางคนเดียวแล้ว!
“พี่สาวซู!” หลีเหยามองนางด้วยใบหน้าเลอะคราบน้ำตา “เหยาเอ๋อร์ขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง”
“อะไรหรือ?” ซูหลียังคงตกอยู่ในอารามตกตะลึงและเจ็บปวด จู่ๆ ก็ค้นพบว่าฮองเฮามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่มากมาย นางเกิดรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ว่าก่อนหน้านี้ตนเองเลือกเดินทางผิดหรือไม่?
แววตาสับสนพาดผ่านดวงตาของหลีเหยา คล้ายมีเรื่องในใจที่ยากจะกล่าวออกมา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็รวบรวมความกล้ากล่าวเสียงเบาว่า “พี่สาวซู ท่าน…ช่วยข้าคิดหาวิธีได้หรือไม่ ข้า…ข้าอยากอยู่ข้างกายจิ้งอันอ๋อง คอยดูแลเขาอยู่ใกล้ๆ” ผ่านไปครู่หนึ่ง หลีเหยาถึงพยายามพูดประโยคนี้ออกมาได้ในที่สุด
ซูหลีได้ยินก็อึ้งงัน กล่าวอย่างตกใจ “เจ้า…ชอบเขา?”
หลีเหยาเม้มริมฝีปาก พยักหน้าอย่างเงียบงัน
“เช่นนั้นก่อนหน้านั้นตอนที่ข้าถามเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่พูดเล่า?” ซูหลีรู้สึกหนักอึ้งในใจ หลีเหยาชอบตงฟางจั๋ว ทว่ากลับนำจดหมายนี้ออกมา นางต้องการให้ฮองเฮาตายหรือไม่กันแน่?
หลีเหยายิ้มโศกเศร้า “พี่สาวซู แต่ไหนแต่ไรในใจของเขาไม่เคยมีที่ให้หลีเหยา ข้ารู้เรื่องนั้นดี” น้ำตาอุ่นๆ ไหลออกมาพร้อมกับวาจาประโยคนี้ “วันนั้น เขามานั่งเล่นที่จวนอ๋อง พบพี่สาวครั้งแรกที่ใต้ต้นดอกหลี สายตาของเขาอบอุ่นลึกซึ้งถึงเพียงนั้น เพียงพบกันครั้งเดียว เขาก็เอ่ยคำสาบานสามภพสามชาติ ในสายตาของเขามีเพียงพี่สาวผู้เดียว ไม่เคยเห็นข้าที่ยืนอยู่ในศาลาด้านหลังอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ยามนั้นข้าคิดว่า หากเขามองข้าสักนิด คงดีไม่น้อย!”
ครั้นเอ่ยถึงเรื่องราวในวันวาน หัวใจของซูหลียังคงเจ็บปวด สายตาหม่นหมอง อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นชา แล้วกล่าวว่า “ภายหลังเขาทำอะไรกับพี่สาวของเจ้าบ้าง เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร?”
“ข้ารู้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ข้าไม่อาจเกลียดชังเขาได้!” นัยน์ตาของหลีเหยาอ่อนโยน ประกายน้ำตาพาดผ่าน บนดวงหน้างามหมดจด กลับเต็มไปด้วยแววเพ้อฝันและคาดหวัง “ยามที่ทุกคนคิดว่าเขาไม่แยแส มีเพียงข้า ที่เห็นเขายืนทำหน้าสำนึกผิดอย่างสุดซึ้งอยู่ใต้ต้นดอกหลีเงียบๆ ถึงแม้ใจจะเจ็บเจียนตาย เขาก็ไม่เคยยอมรับกับผู้ใดว่าใจเขากำลังอ่อนแอ”
ซูหลีอดอึ้งงันไม่ได้ หากหลีเหยาไม่ได้มีความรักลึกซึ้ง จะเห็นด้านที่อ่อนแอที่สุดของเขาได้อย่างไร? เพียงแต่ตงฟางจั๋วเย่อหยิ่งจองหอง วู่วามใจร้อน สุดท้ายก็คลาดแคล้วกับนางไปในที่สุด
“ต่อมาท่านแม่พูดกับข้าว่า เสด็จพ่อหมั้นหมายจะยกข้าให้กับเขา ยามนั้นข้าทั้งดีใจและละอายใจ คิดเสมอว่าศพของพี่สาวยังไม่ทันเย็น ข้ากลับหมายตาอดีตพระสวามีของนาง ไม่มีหน้าไปพบพี่สาวจริงๆ แต่ส่วนลึกในใจ ข้ากลับควบคุมตนเองไม่ได้ มองดูเขาเจ็บปวดใจถึงเพียงนั้น คิดว่าแม้ทำได้เพียงปลอบใจเขาก็ยังดี ฉะนั้น ข้าจึงตกลงออกไปเที่ยวเล่นกับเขา วันนั้นที่ทะเลสาบวั่งเยวี่ย ข้าได้พบท่าน พี่สาวซู” หลีเหยาหลับตาอย่างทุกข์ใจ หอบหายใจ พูดพึมพำ “พวกท่านทั้งสองเหมือนกันมากจริงๆ ไม่ใช่แค่เพียงหน้าตา แม้แต่นิสัยและการกระทำ ก็เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ข้าเห็นสายตาที่เขามองท่านก็รู้แล้ว ในหัวใจของเขา ไม่มีที่สำหรับข้าตลอดกาล”
“เจ้ามั่นใจว่าเขาจะนำความรู้สึกที่มีต่อหลีซูมารู้สึกกับข้า จึงได้ตัดใจจากเขา?” ซูหลีกล่าวเสียงเบา
สายตาหลีเหยาหม่นหมอง ฝืนคลี่ยิ้ม “อืม แต่ตอนนี้เขาไม่มีท่านแล้ว ไม่นานก็จะเสียมารดาไป จะต้องรู้สึกโดเดี่ยวมากแน่ๆ ถ้าหากมีข้าอยู่ข้างกาย ก็คงจะรู้สึกอุ่นใจบ้างไม่มากก็น้อยกระมัง?” หลีเหยายิ้มอย่างเศร้าสร้อย “ข้าไม่โลภอยากได้ตำแหน่งพระชายา ขอเพียงได้อยู่ข้างกายเขา ยามปวดใจมีคนคอยพูดคุยกับเขา ก็พอแล้ว”
ซูหลีพลันรู้สึกเศร้ารันทด นึกไม่ถึงว่าความรักที่หลีเหยามีต่อตงฟางจั๋วอย่างลึกล้ำ จะต่ำต้อยถึงเพียงนี้! แต่ไม่ว่าใครก็ล้วนดูออกว่าตงฟางจั๋วไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง นางปักใจเช่นนี้ก็มีแต่หาเรื่องทุกข์ใจให้ตนเอง! ซูหลีอดทอดถอนใจไม่ได้ นึกถึงวาจาที่ตงฟางเจ๋อเคยกล่าวไว้ จึงเกลี้ยกล่อม “การแต่งงานไม่ใช่การเล่นขายของของเด็ก ไม่อาจทำเหมือนเป็นข้อแลกเปลี่ยนได้ ข้าไม่ใช่จิ้งอันอ๋อง มิอาจตัดสินใจแทนเขาได้ ความรู้สึกที่ได้มาจากการวางแผน ไม่มีทางยืนยาว เชื่อข้าเถิด”
หลีเหยากล่าวเสียงร้อนรน “ข้าไม่ขอให้เขาปฏิบัติตนต่อข้าเช่นท่าน ข้าเพียงต้องการใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับเขา เพียงเท่านี้ก็ไม่ได้หรือเจ้าคะ?”
เห็นท่าทางนางลนลานทำอะไรไม่ถูก ซูหลีอดใจอ่อนไม่ได้ สีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย กล่าวอย่างทอดถอนใจ “หากเจ้ามีใจต่อเขาไม่เปลี่ยนแปลง ก็ไปเถิด ถ้าหาก…” นางลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่อยากทำร้ายใจนางอีก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “ถ้าหากวันหนึ่งเขาพบว่าคนที่ดีกับเขาที่สุดคือเจ้า บางที…บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจ…”
“พี่สาวซู!” หลีเหยาน้ำตาไหลพรากอีกครั้ง “ขอบคุณท่านมาก จดหมายที่ท่านแม่ข้าเขียนเองกับมือ มอบให้ท่าน ข้าต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น…”
“ข้าเข้าใจ” ไม่รอให้หลีเหยาพูดจบ ซูหลีรีบกล่าวต่ออย่างทอดถอนใจ “เจ้ากังวลว่าโทษของฮองเฮาจะทำให้เดือดร้อนไปถึงจิ้งอันอ๋อง? อย่างไรเขาก็เป็นโอรสของฝ่าบาท ขอเพียงเขาไม่กระทำผิด น่าจะไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถิด”
หลีเหยาพยักหน้า คลายใจลงบ้าง ถึงแม้ต้องการล้างมลทินให้ท่านแม่ แต่นางกลับไม่อยากให้ตงฟางจั๋วเจ็บปวดมากเกินไป เพียงแต่นางนึกไม่ถึง การตายของฮองเฮา ก็คือความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา!
ซูหลีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงขานเรียก “หวั่นซิน เจ้ารีบกลับไปส่งคุณหนูหลีกลับเมืองโดยเร็ว แล้วไปส่งสารให้องค์หญิงเจาหวา บอกว่าข้า…มีเรื่องต้องการให้นางช่วย ให้นางรีบเดินทางมาอารามฝอกวงโดยเร็ว!”
หวั่นซินรับคำเสียงขรึม ก่อนจะพาหลีเหยาจากไป
ซูหลีเก็บจดหมายอย่างระมัดระวัง หากนางคาดการณ์ไม่ผิด หยางเสวียนน่าจะมาถึงในเร็วๆ นี้ ถึงแม้จนตอนนี้ จุดประสงค์ในการมาแคว้นเฉิงของนางจะยังไม่ชัดเจน แต่ครั้งที่แล้วนางยอมช่วยพวกเขา คราวนี้ก็คงไม่ปฏิเสธเช่นกัน
ยามบ่ายของวันถัดมา หยางเสวียนเดินทางมาถึงตามนัดดังคาด คนยังไม่ทันเดินเข้ามา เสียงหัวเราะกังวานใสดั่งกระดิ่งเงินก็ดังเข้ามาแต่ไกลก่อนแล้ว ความเงียบสงบในหลายวันที่ผ่านมาพลันถูกทำลายทันที
…………………………………………………………….