กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 348 ฆ่าข้า หรือไม่เช่นนั้นก็ไปกับข้า! (3)
เขาต้องการจะสื่อว่านางปล่อยวางได้ง่ายเช่นนี้ เพราะไม่เคยรักด้วยใจจริงอย่างนั้นหรือ? หากไม่เคยรักเขาด้วยใจจริง แล้วจะไม่อาจเผชิญหน้ากับเขาเช่นนี้ได้อย่างไร? และในวันเวลาที่แยกจากกัน นางจะทุกข์ทรมานจนนอนไม่หลับทุกคืนได้อย่างไร?! หัวใจของซูหลีพลันเจ็บปวด นางรีบเบนสายตาหนีไปทางอื่น
“ข้าเคยคิดว่าข้าพบนางในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ต่างฝ่ายต่างมีใจตรงกัน นางยังไม่แต่งงาน ข้ายังไม่สู่ขอผู้ใด” ในห้องลับอันอับชื้นพลันถูกปกคลุมไปด้วยความเจ็บปวดในพริบตา สายตาเศร้าหมองของตงฟางเจ๋อจ้องนางตาไม่กะพริบ และพูดเรื่องในใจที่ไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน
หัวใจของซูหลีสั่นสะท้านเล็กน้อย รอบกายไร้แสงสว่างสาดส่อง เค้าโครงอันเลือนรางของเขาที่ซ่อนอยู่ในเงามืดยิ่งดูลึกล้ำกว่าเดิม
เขากล่าวต่อ “แต่ข้ากลับไม่เคยรู้ว่ากว่าข้ากับนางจะได้พบกัน ก็สายไปมากเสียแล้ว”
โชคชะตาของพวกเขาบิดเบือนผิดพลาดไปแต่แรกแล้ว เดิมนึกว่าการพบกันบนภูเขาซูหมีเป็นการพบกันครั้งแรก แต่กลับคาดไม่ถึงว่าก่อนหน้านั้น เขากับนางเคยพบกันมาก่อนแล้ว! พวกเขาเคยพบกันก่อนงานแต่งงานเสียด้วยซ้ำ ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บนโลกอันสับสนวุ่นวาย เขากับนางก็เหมือนเส้นทางอันเลี้ยวลดคดเคี้ยวสองสาย ใกล้ชิด ตัดผ่าน ทว่ากลับยิ่งไกลห่างกันออกไปเรื่อยๆ
ณ โรงเตี๊ยมริมแม่น้ำ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส นางยื่นมือช่วยเหลือ กลายเป็นค่ำคืนอันอบอุ่น และฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความรักเอาไว้ในใจเขา ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่านางได้รับพระราชทานงานอภิเษกสมรสจากเสด็จพ่อแล้ว และกำลังจะกลายเป็นว่าที่พระชายาของเสด็จพี่เขา ในวันแต่งงานของตงฟางจั๋ว เขามอบศิลาเลือดนกเพลิงเป็นของขวัญ มองดูนางถือศิลาเลือดนกเพลิงใต้แสงตะวันและเดินไปสู่ความตาย โดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่านางก็คือสตรีที่ช่วยชีวิตเขาและทำให้เขาใจเต้นในคืนนั้น!
เขาตามหานางมาโดยตลอด และคลาดกับนางมาโดยตลอดเช่นกัน กระทั่งเมื่อพบกันอีกครั้ง นางเหมือนนกเพลิงที่กระโจนเข้ากองไฟ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากความอัปยศ หัวใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น หากการพบกันสองครั้งก่อนเป็นเขาที่ทำนางหลุดมือไป เช่นนั้นการพบกันครั้งที่สาม ก็คือความผิดพลาด การรักกันยิ่งเป็นความผิดพลาดบนความผิดพลาด นับตั้งแต่แรก ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
“ท่าน เสียใจภายหลังงั้นหรือ?” นางได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของตนเองดังขึ้น นางถามคำถามนี้ออกไปโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง ครั้นวาจานี้หลุดจากปาก ซูหลีพลันสะดุ้ง รีบเก็บซ่อนอารมณ์ด้วยการหันหลัง
ถึงแม้สวมหน้ากากไว้ แต่นางมักรู้สึกว่าทุกการกระทำของนางมิอาจหลุดรอดสายตาอันคมปลาบของเขาไปได้ ยังจำตอนที่ตัดขาดกับเขาที่ริมแม่น้ำหลานชางได้ ถึงแม้นางจะแค้นเขาถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่เคยเสียใจที่รักเขาเลยสักนิด! ยามนี้เขากลับเสียใจงั้นหรือ?
“ไม่! ข้าไม่เคยเสียใจสักนิด” เสียงของเขาดังมาจากข้างหลัง น้ำเสียงที่หนักแน่นไร้ความลังเลของเขาทำให้หัวใจของนางสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม
แผ่นหลังอันบอบบาง ยังคงเป็นเหมือนเช่นในความทรงจำ เขาจำไม่ได้แล้วว่าเคยฝันเห็นนางมากี่ครั้งแล้ว และกี่ครั้งแล้วที่ต้องตื่นมาท่ามกลางความสิ้นหวัง? ยามนี้คนที่เขาคำนึงหาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาพยายามข่มกลั้นอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ตนเองคว้านางเข้ามากอดไว้
“หากเราไม่ได้พบกันในครั้งนั้น และข้าไม่ค้นพบปิ่นปักผมที่เคลือบยาลับของเฉินเหมิน ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ก็คงไม่เกิดเรื่องหลังจากนั้นตามมา” เขาสูดหายใจลึกๆ “ข้าไม่มีวันลืม ไม่มีวันลืมทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาง! ภายนอกนางดูแข็งแกร่ง เย็นชา แต่ลึกๆ นางเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกมาก เพียงแต่ข้านึกไม่ถึงว่าคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกเช่นนาง ยามหมดรักกลับตัดเยื่อใยได้อย่างโหดร้ายเช่นนั้น นาง ถึงขั้นกระโดดแม่น้ำหลานชางเพื่อทิ้งข้าไปอย่างไม่ลังเล!”
ชั่วขณะหนึ่ง ภาพท้องฟ้าแปรปรวน และเหตุการณ์อันน่าตกใจพลันปรากฏชัดเจนอีกครั้ง
ลำคอของซูหลีแห้งผาก นางอดไม่ได้ที่จะหลับตาแน่นๆ
จากเคลือบแคลงสงสัย จนถึงรักใคร่ทะนุถนอม ความรักฝ่าอุปสรรคขวากหนาม ทว่ากลับมิอาจผ่านหุบเหวลึกที่โชคชะตากำหนดไว้ให้พวกเขาตั้งแต่แรกไปได้! นางอาจหมุนกายเดินจากไป และลืมเลือนทุกอย่างจนหมดสิ้น แต่เขากลับไม่อาจทำเช่นนั้นได้! นางเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขา เขาจะลืมได้อย่างไร? แม้ต้องแลกด้วยทุกอย่าง ฟ้าถล่มดินทลายแผ่นดินกลับตาลปัตร เขาก็จะไม่มีวันปล่อยมือ!
“นับตั้งแต่วันนั้น ข้าถึงได้รู้ว่ารสชาติของการสูญเสียคนที่รักที่สุดไป เป็นรสชาติ…ที่ทรมานเสียยิ่งกว่าตาย!” เสียงของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง เหมือนเป็นเสียงที่เค้นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจอย่างไรอย่างนั้น
หัวใจของซูหลีเจ็บปวดอย่างรุนแรง เหมือนมีบางสิ่งกรีดเฉือนออกมาจากส่วนลึกในหัวใจทีละชั้นๆ เส้นชีพจรทั่วร่างกายราวกับหดเกร็งไปทั้งหมด ความเจ็บปวดอันแปลกประหลาดแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย ใบหน้านางพลันเปลี่ยนสี ร่างกายโงนเงนเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม
“เจ้าเป็นอะไรไป?” ตงฟางเจ๋อสังเกตเห็นอาการผิดปกติของนางอย่างรวดเร็ว รีบลุกขึ้นไปประคองนาง สีหน้าแสดงออกถึงความกังวลไม่แพ้น้ำเสียง ร่างกายอันผ่ายผอมบอบบางดั่งกิ่งหลิว ในความอ้อนแอ้นกลับเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวเหนือคนธรรมดา ความคุ้นเคยในความทรงจำพรั่งพรูกลับมา หัวใจของเขาขมปร่าขึ้นมาทันที
นางหมายจะขัดขืนตามสัญชาตญาณ ความเจ็บปวดมหาศาลกลับจู่โจมเข้ามาทันที ทำได้เพียงล้มลงไปอย่างอ่อนแรง เขาอุ้มนางขึ้นด้วยความร้อนใจ
แผงอกของเขายังคงกำยำและอบอุ่น ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม นางถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นอายของเขา ความทรงจำอันอ่อนโยนหวนกลับมาอย่างไม่อาจควบคุม นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความเจ็บปวดในหัวใจยิ่งรุนแรงขึ้นทุกชั่วขณะ แทบไม่อาจต้านทาน
ยาไร้รักเป็นอย่างที่พวกเขาพูดจริงๆ เมื่อใดที่กินมันลงไป ก็ห้ามมีความรักอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นยิ่งมีความรักลึกซึ้ง หัวใจก็จะยิ่งเจ็บปวด หากไม่อาจจัดการให้ทันเวลา สุดท้ายจะเจ็บปวดเหมือนมีธนูนับหมื่นแทงทะลุหัวใจ เส้นชีพจรขาดทั่วร่าง!
เหงื่อเย็นอาบท่วมกายซูหลี นางรู้สึกเพียงเส้นชีพจรที่ข้อมือกระตุกสั่นอย่างต่อเนื่อง นางซัดฝ่ามือใส่เขาทันทีอย่างไม่ลังเล ตงฟางเจ๋อไม่หลบเลี่ยง แขนที่โอบอุ้มนางยังคงแข็งแกร่งไม่ยอมคลาย
เสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้น ฝ่ามือของนางตวัดใส่ใบหน้าเขาเต็มๆ รอยนิ้วมือสีแดงพลันปรากฏทันที
ซูหลีเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก นางสูดหายใจติดกันหลายครั้ง ก่อนจะกล่าวเสียงสั่น “ท่าน…ปล่อยข้า!”
เขากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน รีบมองสำรวจนางทั่วร่างกาย แล้วกล่าวเสียงร้อนใจ “เจ้าไม่สบายตรงไหน?” ลมหายใจอุ่นร้อนอันคุ้นเคยเป่ารดต้นคอที่เป็นจุดไวต่อความรู้สึกของนาง ความทรงจำที่เคยใกล้ชิดกันนับครั้งไม่ถ้วนพลันปรากฏในสมอง ชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ด้วยความร้อนใจ เขากลับนึกไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าเป็นฤทธิ์ของยาไร้รัก
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าชีพจรของนางคงย้อนกลับ และเจ็บปวดจนตายไปทั้งอย่างนี้! ซูหลีกัดฟันแน่น เป็นเพราะนางประเมินความสามารถในการต้านทานเขาของตนเองสูงเกินไป! นางรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกไป แล้วเซถอยไปหลายก้าว ยืนเอาหลังชิดกำแพงอันเย็นชืดและหอบหายใจหนักหน่วง ดาบสั้นในแขนเสื้อเลื่อนมาอยู่กลางฝ่ามืออย่างไร้ซุ่มเสียง นางยกดาบสั้นชี้หน้าเขา “ท่านไม่ได้ถูกผู้อาวุโสเสวียนจิ้งสะกดจุดลมปราณ! ท่านหลอกลวง! ท่านแสร้งโดนจับตัวเพื่อจุดประสงค์ใด?”
เหงื่อเย็นไหลเป็นสาย เรือนผมของนางเปียกชุ่ม ซูหลีอดกลั้นต่อความเจ็บปวดในร่างกาย สายตาคมปลาบดั่งมีด จ้องหน้าเขาอย่างเย็นชา
ดาบคมที่ชี้อยู่ตรงหน้าส่องประกายรัศมีอันเย็นเยียบ เขากลับไม่เหลียวแลมันแม้แต่น้อย เพียงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เย็นชาจนน่าตกใจของนาง จู่ๆ ก็ค้นพบว่าพอนางออกจากอ้อมแขนเขา อาการของนางก็ดีขึ้นหลายส่วน สายตาเขาหมองลงเล็กน้อย ไม่ตอบกลับย้อนถาม “เมื่อครู่เจ้าเป็นอะไรกันแน่?”
ซูหลีพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ไม่พูดอะไร
“ใช่ยาไร้รักหรือไม่? เจ้าไปจากที่นี่กับข้า ข้าจะหาทางแก้ไขเอง!”
เงาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดแผ่รัศมีกดดัน บีบคั้นหัวใจนางยิ่งนัก เขาเดินเข้ามาหานางทีละก้าวๆ ราวกับมองไม่เห็นอาวุธคร่าชีวิตในมือนาง
ซูหลีตึงเครียด จนถึงป่านนี้เขาก็ยังเอาแต่คิดจะพานางไปจากที่นี่งั้นหรือ? ครั้นเห็นว่าหากเขาก้าวเข้ามาอีกก้าว หน้าอกก็จะถูกปลายดาบแทง นางก็ขมวดคิ้ว พลิกข้อมือ เล็งไปยังแขนของเขาที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ แล้วใช้ด้ามดาบทุบเข้าไปเต็มแรง!
…………………………………………………