กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 450 สองฮ่องเต้ชิงหญิงงาม (3)
ซูหลีเจ็บปวดหัวใจ ความใกล้ชิด ณ สระน้ำพุร้อนที่สลักลึกลงในใจ พลันผุดขึ้นมาในสมอง นางพยายามลืมอย่างสุดกำลัง เขากลับย้ำเตือนนางให้จดจำซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางพยายามมองข้ามความเจ็บปวดในใจ แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “คนที่รับปากกับท่านว่าจะไม่ทอดทิ้งตลอดชีวิต ได้สิ้นใจอยู่ใต้แม่น้ำหลานชางแล้ว ท่านจำวาจาที่นางกล่าวกับท่านก่อนจะกระโดดแม่น้ำได้หรือไม่?!”
วาจาประโยคเดียวโจมตีจุดที่อ่อนแอที่สุดในหัวใจเขา! ตงฟางเจ๋อหน้าซีด สายตาของนาง ไม่มีความรู้สึกใดแฝงอยู่แม้แต่น้อย เขาเหมือนหมดแรงจะยืนหยัดภายในพริบตา เงาร่างสูงใหญ่เซถอยหลัง เกือบเสียหลักยืนไม่อยู่
เซิ่งฉินตกใจ รีบเข้าไปประคองเขา แต่กลับถูกเขาสะบัดออกจนเซถอย จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ต่อหน้าทุกคน นางปฏิเสธตัวตนของตนเองด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้! หรือเขามิอาจรั้งหัวใจนางกลับมาได้อีกแล้วจริงๆ?! แม้เห็นว่านางอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ แต่กลับมีเหวลึกที่ไม่อาจก้าวผ่านกั้นขวางอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา เขาพยายามเข้าใกล้นาง นางกลับอยากหนีไปให้ไกลกว่าเดิม! หัวใจของเขาบีบรัดอย่างแรง เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก!
ฉีมู่เอ่อร์เห็นเช่นนั้น ก็ยิ้มกลบเกลื่อน พยายามคลี่คลายสถานการณ์ “ที่แท้ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด! ฮ่องเต้แคว้นเฉิงอย่าทรงเสียพระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ ใต้หล้ามีสตรีดีๆ มากมาย แคว้นเปี้ยนของเราเองก็มีสตรีงามนับไม่ถ้วนให้ฝ่าบาททรงเลือกสรร เหตุใดต้องกังวลว่าจะไม่มีหญิงใดเคียงข้างเล่าพ่ะย่ะค่ะ?!”
ผ่านไปเนิ่นนาน ตงฟางเจ๋อค่อยๆ เงยหน้า รอยยิ้มถากถางพาดผ่านใบหน้า เขาแย้มยิ้มเล็กน้อย “ท่านพูดจริงหรือ?”
ฉีมู่เอ่อร์อึ้งงัน ยังไม่ทันตอบก็ได้ยินหยางเซียวตะโกนเสียงเกรี้ยว “ไม่ว่าหญิงคนใดล้วนไม่มีปัญหา แต่ท่านอย่าได้คิดจะหมายปองนาง ข้าสู่ขอนางไปแล้ว!”
“แต่นางยังไม่ได้ตอบรับ!” ตงฟางเจ๋อตอบเสียงเย็นชา ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องหน้าซูหลี สายตากลับแฝงแววหนักแน่นไม่ยอมท้อถอย! “เจ้าไม่ยอมรับตัวตนของตนเอง เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับเจ้า แต่ไม่ว่าเจ้าจะมีฐานะใด ชีวิตนี้ข้าไม่มีวันยอมปล่อยมือเป็นอันขาด!”
ซูหลีสั่นสะท้านไปทั้งใจ ไม่รอให้นางเปิดปาก ตงฟางเจ๋อพลันหมุนกาย กล่าวกับทุกคนในพิธีด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน “วันนี้ต่อหน้าไพร่ฟ้าใต้หล้า ข้าในนามกษัตริย์แคว้นเฉิง ขอสู่ขอธิดาเทพแห่งแคว้นเปี้ยนอย่างเป็นทางการ!”
ทุกคนปากอ้าตาค้าง แทบตั้งสติไม่ได้ พิธีขึ้นครองราชย์ครั้งนี้ กลับกลายเป็นศึกสองฮ่องเต้แย่งหญิงงามไปเสียแล้ว!
ซูหลีตกใจจนหน้าซีด เพื่อไขว่คว้าความรู้สึกที่กลายเป็นอดีตไปแล้วให้กลับคืนมา เขากลับอดทนและยอมถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า! นางเงยหน้ามองตงฟางเจ๋อ สีหน้าของเขาหนักแน่นและจริงจัง ราวกับไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หัวใจของนางเจ็บปวดเหมือนโดนมีดกรีด รีบหันหน้าหนี แต่กลับไม่อาจหลบพ้นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของเขา
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ขอเพียงหัวใจของคนผู้เดียว แม้แก่เฒ่าไม่แยกจาก หากเจ้ายอมแต่งกับข้า วังหลังของแคว้นเฉิง จะไม่มีสตรีคนที่สองอย่างแน่นอน!”
ครั้นเขาเอ่ยวาจานี้ออกไป หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสีทันที ทั่วตำหนักแตกตื่นฮือฮา ทุกคนตกตะลึงถ้วนหน้า ฮ่องเต้แคว้นเฉิงผู้ที่ลือกันว่าเป็นคนเย็นชาไร้ความปรานี กลับเอ่ยปากสัญญากับสตรีนางหนึ่งเช่นนี้?!
มีสตรีเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต…แม้แต่บุรุษทั่วไปก็ยังยากจะทำได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกษัตริย์แห่งแคว้นเลย!
ทุกคนมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของเขาหนักแน่นเด็ดเดี่ยว นัยน์ตาลึกล้ำคู่นั้นจับจ้องไปที่คนเพียงคนเดียว ราวกับทุกอย่างรอบข้างไม่มีตัวตน มีเพียงสตรีตรงหน้าเท่านั้นที่เป็นเหมือนดั่งสมบัติล้ำค่าในชีวิตที่เขาไม่อาจขาดได้
หัวใจของซูหลีสั่นไหวอย่างแรง เขาถอนหายใจ แล้วกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าขอเพียงเจ้ายอมให้โอกาสข้าสักครั้ง ให้ข้าได้มอบอนาคตที่มีความสุขให้กับเจ้า” น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความรู้สึกแสนดึงดูด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง ยืนหยัดอย่างแน่วแน่ว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันยอมแพ้
ซูหลีถูกสายตาของเขาสะกด จนไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
ภายในตำหนักอันใหญ่โตโอ่อ่า เงียบงันไร้เสียง โลกทั้งใบราวกับมีเพียงนางกับเขาแค่สองคน นางจ้องหน้าเขานิ่งงัน เสี้ยววินาทีหนึ่ง นางแทบลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย รู้สึกเพียงหัวใจอันเย็นชาและแข็งกร้าวของนาง คล้ายมีรอยแตกร้าวปรากฏเส้นหนึ่ง
หยางเซียวตึงเครียดทันที สายตาเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา แต่กลับแย้มยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ท่านอยากมอบให้? เช่นนั้นก็ต้องดูว่านางจะยอมรับไว้หรือไม่! ยิ่งไปกว่านั้น บนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงท่านที่จะสามารถทำทุกสิ่งตามใจปรารถนาได้! ข้าหยางเซียวก็ทำได้เช่นกัน!” ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง หันไปกล่าวกับซูหลีอย่างหนักแน่น “หากได้เจ้ามาเคียงคู่ ข้าสาบาน หยางเซียวจะมีเพียงเจ้าคนเดียวไปชั่วชีวิต ไม่คิดมีใครอื่นเด็ดขาด!”
ฝูงชนแตกตื่น ซูหลีหน้าเปลี่ยนสีทันที ตงฟางเจ๋อคนเดียวก็ทำให้นางรับมือได้ยากมากพอแล้ว นึกไม่ถึงว่าหยางเซียวก็จะเอ่ยคำสาบานเช่นนี้ในตำหนักใหญ่ด้วย!
ใบหน้าของเหล่าขุนนางในยามนี้ บึ้งตึงคร่ำเคร่งอย่างถึงที่สุด ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ พวกเขากำลังตั้งตารอคอยการคัดเลือกหญิงงาม พยายามคิดหาทนทางส่งตัวสมาชิกหญิงในครอบครัวที่มีอายุเหมาะสมเข้าวังทุกวิถีทาง เพื่อปูทางอนาคตทางการเมืองให้ตนเอง แต่ตอนนี้ หยางเซียวไม่เพียงแย่งชิงสตรีนางหนึ่งกับตงฟางเจ๋อต่อหน้าธารกำนัล แต่ยังรับปากว่าจะไม่แต่งตั้งสนมเพื่อนางไปชั่วชีวิตอีกด้วย…นี่เหมือนเอาน้ำเย็นจับใจสาดใส่หน้าพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น!
ชั่วขณะหนึ่ง ตำหนักใหญ่เงียบงันไร้เสียง ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากแม้แต่คนเดียว สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องมาที่ซูหลี ต่างพากันพินิจพิจารณาหญิงงามนางนี้ผู้ที่เป็นเหตุให้เกิดศึกสองฮ่องเต้ชิงหญิงงามใหม่อีกครั้ง ดวงหน้าสง่างามทว่าไม่ขาดความอ่อนหวาน เป็นโฉมสะคราญงามล่มเมืองนางหนึ่งจริงๆ แต่ทว่า สิ่งที่ดึงดูดสายตาผู้คนอย่างแท้จริง กลับเป็นท่าทีสุขุมเยือกเย็นไม่ตื่นตระหนกของนาง ในสถานการณ์สำคัญเช่นนี้ นางเผชิญหน้ากับคำสัญญาของฮ่องเต้จากสองแคว้น หากมิใช่มีปณิธานอันแน่วแน่ เกรงว่าคงดีใจจนเสียกิริยาไปนานแล้ว
เห็นนางไม่พูดอะไรอยู่นาน หยางเซียวพลันแย้มยิ้ม “อาหลี เจ้ากับข้าผ่านความเป็นความตาย และเหตุการณ์ความขัดแย้งภายในอันโหดร้ายมาด้วยกันมากมาย ข้านึกว่าเจ้าจะรู้ใจข้านานแล้ว เป็นข้าที่เอ่ยปากสู่ขอก่อน หากเจ้าไม่ยอมตกลง ข้าจะต้องปวดใจมากแน่ๆ!” วาจาที่เหมือนหยอกล้อ กลับสะท้อนความกระสับกระส่ายที่ซ่อนอยู่ในใจของเขา
ตงฟางเจ๋อเอ่ยเสียงเย็นชา “ท่านอย่าคิดใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับนาง และควบคุมการตัดสินใจของนางเด็ดขาด!”
“ข้าพูดให้สตรีอันเป็นที่รักของข้าฟัง เกี่ยวอันใดกับท่าน? หากคิดจะไขว่คว้าหัวใจนาง ก็ต้องวัดกันที่ความสามารถ!” ใบหน้าของหยางเซียวแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา สายตาที่มองตงฟางเจ๋อคล้ายมีความหมายแฝง
ตงฟางเจ๋อหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สายตาแปรเปลี่ยนเป็นคมปลาบ ไม่โกรธกลับหัวเราะหยัน “หยางเซียว! เจ้ากำลังข่มขู่ข้า?”
หยางเซียวตวาดเสียงเกรี้ยว “ข่มขู่ท่านแล้วอย่างไร? ท่านคิดว่าข้าจะกลัวกองทัพที่ชายแดนของท่านจริงๆ งั้นหรือ? ข้าเพียงเห็นแก่ความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั้งสองแคว้น ไม่อยากให้ชาวบ้านอดอยากและล้มตาย ถึงได้อดทนครั้งแล้วครั้งเล่า! ท่านกลับได้คืบจะเอาศอก บีบคั้นไม่เลิก! ตงฟางเจ๋อ ท่านเชื่อหรือไม่ เพียงข้าเอ่ยคำเดียว ก็ทำให้ท่านมิอาจหวนคืนแคว้นเฉิงไปตลอดกาล!”
“อ้อ?”
ตงฟางเจ๋อกระดกคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าไร้ซึ่งความกลัว แทบไม่เห็นคำพูดของเขาอยู่ในสายตา
หยางเซียวใบหน้าตึงเครียด ตะโกนสั่งเสียงดังทันที “ทหาร!”
ปาต๋ารับคำวิ่งเข้ามา กลิ่นอายตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วตำหนัก ทุกคนตกตะลึง สองคนนี้จะขุ่นเคืองกันถึงเพียงนี้เพื่อหญิงงามจริงหรือ?
“หยางเซียว! ไม่ได้นะ!” ซูหลีตกใจ รีบรั้งมือหยางเซียว เพื่อหยุดยั้งสงครามระหว่างสองแคว้น นางทุ่มเทกายใจทุกอย่าง ยามนี้หากเกิดความขัดแย้ง ทำให้ประชาชนตกทุกข์ได้ยากขึ้นมาอีกครั้งเพราะนาง นางไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นแน่นอน! นางหันไปมองตงฟางเจ๋อ เขาเผชิญหน้ากับหยางเซียวโดยไม่เกรงกลัวอย่างนี้ ไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของตนเองบ้างหรืออย่างไร?
จู่ๆ จางฝู่ที่ยืนเงียบอยู่ด้านหนึ่งมาโดยตลอดก็แหงนหน้าหัวเราะ กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “แคว้นเปี้ยนล้วนแล้วแต่เป็นคนเนรคุณลืมบุญคุณคนจริงๆ! อย่าลืมเชียวเล่า หากมิใช่แคว้นเฉิงของเรายื่นมือเข้าช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนจะยังมีโอกาสมายืนกล่าววาจากำเริบเสิบสานอยู่ตรงนี้ได้เยี่ยงไร!?”
…………………………………