กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 52 เจ๋อหลีบังเอิญพบกันอีกครั้ง (1)
เซียงซืออวี่สาวเท้ายาวๆ เข้ามาข้างใน ก็เห็นว่าใบหน้าฮ่องเต้แคว้นติ้งไม่เหลืองซีดเช่นวันก่อน ซูหลีกับหลางฉ่างยิ้มแย้มแจ่มใส บรรยากาศในตำหนักไม่อึมครึม แต่กลับเต็มไปด้วยความยินดี เขารีบเดินเข้าไปค้อมกาย ยิ้มแล้วกล่าวว่า วันนี้ฝ่าบาทพระพักตร์ดูดีขึ้นมาก อีกไม่นาน จะต้องกลับมาแข็งแรงดังเดิมแน่พ่ะย่ะค่ะ
ฮ่องเต้แคว้นติ้งกล่าว ข้าต้องขอบคุณเจ้า หากไม่ใช่เพราะยาวิเศษของเจ้า ตอนนี้ข้ากับฉางเล่อคงจากต้องแยกจากกันคนละภพแล้ว…
เสด็จพ่อเพคะ! ซูหลีขมวดคิ้วร้องเสียงดัง
หลางฉ่างหันไปค้อมกายให้เซียงซืออวี่ แล้วเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจว่า หลางฉ่างขอบคุณสหายเซียงที่ช่วยชีวิตเสด็จพ่อ!
เซียงซืออวี่รีบเข้าไปประคองเขา ทำเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! องค์รัชทายาทกับองค์หญิงต่างก็เห็นกระหม่อมเป็นสหาย ฝ่าบาทยิ่งเปรียบเสมือนผู้หลักผู้ใหญ่ของซืออวี่ ทำให้ซืออวี่ได้รับความอบอุ่นของคนในครอบครัวอีกครั้ง กระหม่อม…ในเมื่อมียาที่สามารถช่วยฝ่าบาทได้ ย่อมไม่มีทางนิ่งดูดาย!
ฮ่องเต้แคว้นติ้งพยักหน้าอมยิ้ม แล้วหันไปมองซูหลี เอ่ยด้วยสายตาคาดหวัง ฉางเล่อ เรื่องที่เจ้ารับปากพ่อวันนั้น…
ซูหลีตกใจ รีบกล่าวว่า เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อหมดสติไปหลายวัน เพิ่งจะฟื้นได้ไม่นาน เจียงหยวนบอกว่าไม่ควรหักโหมเกินไปนะเพคะ!
วันนั้นด้วยความร้อนใจ และเพื่อปลอบขวัญฮ่องเต้ นางจึงได้รับปากแต่งงานกับเซียงซืออวี่ ยามนี้เสด็จพ่อฟื้นแล้ว เซียงซืออวี่มีผลงานโดดเด่น หากนางปฏิเสธต่อหน้า ก็กลัวว่าจะทำให้เสด็จพ่อกลัดกลุ้มอีก และยากที่จะเลี่ยงไม่ให้เซียงซืออวี่รู้สึกเหมือนนางข้ามแม่น้ำรื้อสะพานได้ แต่หากนางยอมตกลงแต่งงานกับคนที่นางไม่ได้รักจริงๆ นั่นก็ถือเป็นการทำร้ายคนอื่นและตนเอง นางไม่อาจทำเช่นนั้นได้เด็ดขาด ครั้นเห็นสายตาคาดหวังของฮ่องเต้แคว้นติ้งหม่นหมองลง หัวใจนางบีบรัด แต่กลับไม่รู้จะทำเช่นไรดี ทำได้เพียงหันไปมองหลางฉ่างด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
หลางฉ่างหันไปมองเซียงซืออวี่แวบหนึ่ง เห็นเพียงในสายตาเขาเต็มไปด้วยแววผิดหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก็อดลอบถอนหายใจไม่ได้ เขาก้าวเข้าไป ยิ้มแล้วกล่าวว่า เรื่องที่เสด็จพ่อคุยกับฉางเล่อในวันนั้น ฉางเล่อเองก็บอกลูกแล้ว แม้ฉางเล่อจะแต่งงาน ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นตอนนี้ เสด็จพ่อมิสู้พักฟื้นให้แข็งแรงก่อน รอให้ผ่านงานแต่งของลูกไป แล้วค่อยหารือกันอีกครั้งก็ยังไม่สาย
ฮองเฮาเองก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า ใช่แล้วเพคะ ฝ่าบาท พระองค์พักผ่อนก่อนเถิด ให้ฉางเล่อไปเดินชมอุทยานหลวงกับคุณชายเซียง อย่าได้ละเลยคุณชายเซียงเชียว
ฮ่องเต้แคว้นติ้งทำได้เพียงถอนหายใจ ก็ได้ หลายวันนี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว ไปพักกันเถิด
ทุกคนค้อมกายทำความเคารพ ซูหลีหันไปมองหลางฉ่างกับฮองเฮาด้วยสายตาซาบซึ้ง หลางฉ่างแย้มยิ้มเล็กน้อย ฮองเฮาตบหลับมือนางเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างรักใคร่ ไปเถิด
อุทยานหลวงอุดมไปด้วยนานาบุปผา กลิ่นหอมอบอวล
ทั้งสองเดินเคียงไหล่กัน ซูหลีมองเซียงซืออวี่ด้วยสายตาซาบซึ้ง แล้วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ที่เสด็จพ่อผ่านพ้นอันตรายมาได้ในครั้งนี้ ล้วนเป็นเพราะซืออวี่ยื่นมือช่วยเหลือได้ทันเวลา บุญคุณครั้งนี้ ฉางเล่อจะจดจำใส่ใจไม่มีวันลืม แต่ท่านกับข้าล้วนรู้ดีแก่ใจ ว่ามิตรภาพระหว่างเราเป็นเพียงสหาย มิใช่ความรักดุจชายหญิง เสด็จพ่อกลับอยากได้ซืออวี่เป็นราชบุตรเขย ข้าเองก็ไม่สะดวกที่จะปฏิเสธความปรารถนาของเขา…
สายตาของเซียงซืออวี่หม่นหมอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงขมฝาด เจ้าวางใจเถิด หากเจ้าไม่ยินยอม ข้ากับฝ่าบาทก็จะไม่ฝืนใจเจ้า ช่วยคนเป็นความสมัครใจของข้า ฉางเล่อไม่จำเป็นต้องรู้สึกลำบากใจเพราะเรื่องนี้
อาการประชวรของเสด็จพ่อ ถึงแม้มีเกล็ดเงือกคอยประคองอาการ แต่อย่างมากก็ทำได้เพียงประวิงเวลาออกไปได้แค่หนึ่งปีครึ่งเท่านั้น… ซูหลีหันกลับมามองเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกังวล เขาชราแล้วจึงรู้ว่าเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย มิอาจฝ่าฝืนได้ ยามนี้นี่เป็นเพียงความปรารถนาเดียวของเขา ข้า…
ลึกๆ ในใจมีความคิดหนึ่ง อยากจะขอความร่วมมือจากเขา แต่กลับยากที่จะเอ่ยปากออกมา นางมองเขาอย่างลำบากใจ รู้สึกสับสนลังเล
เซียงซืออวี่เหมือนจะเข้าใจความคิดนาง มองนางด้วยสายตาเหม่อลอย สายตาไหวระริกเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น เขากล่าวเสียงเบาว่า ฉางเล่อต้องการแสร้งหมั้นหมายปลอมๆ กับข้าต่อหน้าฮ่องเต้แคว้นติ้ง เพื่อปลอบขวัญพระองค์?
ซูหลีเอ่ยด้วยท่าทางลังเล ข้ารู้ว่าทำเช่นนี้ไม่ยุติธรรมกับท่าน หากท่านไม่ยินยอม…
ข้ายินยอม! เซียงซืออวี่ตัดบทนางด้วยสายตาหนักแน่น นัยน์ตาคมเข้มมีประกายรัศมีพาดผ่านรางๆ
ซูหลีตะลึงงันเล็กน้อย เขาหลุบตาต่ำ ยิ้มแล้วกล่าวเสียงเรียบ ได้ช่วยแก้ปัญหาหนักใจให้ฉางเล่อ ถือเป็นเกียรติของข้า อีกประเดี๋ยวข้าจะไปขอหมั้นหมายต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท จากนั้นอยากให้ข้าทำเช่นไร เจ้าก็บอกข้ามาได้เลย
นึกไม่ถึงว่าเขาจะยอมตกลงง่ายๆ ถึงขนาดนี้ ซูหลีเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง ขอบคุณซืออวี่มาก! ในอนาคตหากวันใดที่เสด็จพ่อ…จากไปแล้วจริงๆ… เพียงแค่คิด นางก็เจ็บปวดหัวใจสุดแสน จนไม่อาจพูดต่อไป
เซียงซืออวี่ปลอบใจนางด้วยการกุมไหล่เบาๆ สายตาอ่อนโยนอย่างไม่อาจบรรยาย เขากล่าวเสียงเบา เจ้าวางใจเถิด ครั้นถึงยามนั้น ข้าจะเป็นฝ่ายขอยกเลิกการหมั้นหมายเอง จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจแน่นอน
วาจาที่นางไม่อาจเอ่ยปากออกมาเอง เขากลับพูดแทนนางทั้งหมด อบอุ่นอ่อนโยน และใส่ใจถึงเพียงนั้น ทำให้หัวใจของซูหลีอ่อนยวบและขมฝาดในเวลาเดียวกัน เขาจริงใจต่อนางทั้งใจ เพียงน่าเสียดาย นางกลับไม่อาจตอบแทนสิ่งที่เขาต้องการได้
ทั้งสองย้อนกลับไปที่ตำหนักชิ่งอัน ฮ่องเต้แคว้นติ้งหลับไปครู่หนึ่ง และเพิ่งตื่นขึ้นมา ฮองเฮาอยู่ข้างกายเขา คอยปรนนิบัติฮ่องเต้แคว้นติ้งดื่มยา ขณะกำลังประคองเขาให้นอนลง ซูหลีกับเซียงซืออวี่ก็เดินเข้ามาพอดี
เซียงซืออวี่คุกเข่าต่อหน้าเตียงมังกร ค้อมกายต่ำ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฝ่าบาท ซืออวี่มีคำขอร้องหนึ่ง ขอฝ่าบาทโปรดทรงอนุญาตด้วยพ่ะย่ะค่ะ
ฮ่องเต้แคว้นติ้งมองเขาอย่างตกตะลึง คุณชายเซียงโปรดลุกขึ้น มีเรื่องใดเชิญว่ามาได้เลย
เซียงซืออวี่ไม่ลุกขึ้น เพียงเงยหน้ามองฮ่องเต้แคว้นติ้ง กล่าวด้วยสายตาจริงใจ ซืออวี่เติบโตบนเกาะมาตั้งแต่เล็ก บิดามารดาล้วนตายจาก จึงไร้บ้านมาเนิ่นนาน เดิมทีตั้งใจใช้ชีวิตล่องลอย มองท้องสมุทรทุกผืนเป็นเสมือนบ้าน นึกไม่ถึงเมื่อเดินทางมาถึงแคว้นติ้ง กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวอีกครั้ง ซืออวี่อยากรั้งอยู่ที่แคว้นติ้งไปตลอดชีวิต และนับแคว้นติ้งเป็นบ้านตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ฮ่องเต้แคว้นติ้งแย้มยิ้มอย่างมีเมตตา ได้! นับจากนี้ที่นี่เป็นบ้านของเจ้า! ข้า ก็เป็นครอบครัวของเจ้า!
เซียงซืออวี่กล่าวต่อไป ยามฝ่าบาทประชวร เคยคิดจะฝากฝังองค์หญิงให้กระหม่อม กระหม่อมซาบซึ้งใจยิ่งนัก ทูลตามตรง ซืออวี่ประทับใจในความสง่างามอันไม่เป็นสองรองใครขององค์หญิงตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน ต่อมามีวาสนาได้พบองค์หญิงอีกหลายหน ก็ค้นพบว่าองค์หญิงไม่เพียงจิตใจดีมีเมตตา ยังจริงใจซื่อสัตย์อีกด้วย…ซืออวี่ใฝ่ฝันมาโดยตลอด ว่าอยากได้ภรรยาเช่นนี้! หากได้อยู่เคียงข้างดังใจหวัง ซืออวี่จะปกป้องด้วยชีวิต รักและทะนุถนอมองค์หญิง ไม่มีวันทอดทิ้งตลอดชีวิตแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!
เขาคุกเข่าตรงหน้าฮ่องเต้แคว้นติ้ง ชูมือสาบานด้วยสีหน้าหนักแน่น หัวใจของซูหลีสั่นสะท้าน แค่การขอหมั้นหมายปลอมๆ เขากลับกล่าวทุกวาจาออกมาจากใจ สายตาจริงใจ แทบทำให้นางคิดเป็นจริง
เมื่อเขาพูดจบ ฮ่องเต้แคว้นติ้งตะลึงพรึงเพริด ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าตื้นตันและยินดีอย่างยิ่ง ดี! ข้ามองคนไม่ผิด เจ้ามีใจมั่นคงต่อฉางเล่อดังคาด!
ฮองเฮาเอ่ยพลางแย้มยิ้ม ฝ่าบาทมีสายพระเนตรที่แม่นยำเสมอมาเพคะ
ฮ่องเต้แคว้นติ้งมองเซียงซืออวี่ด้วยสายตาพึงพอใจ ตัวเลือกราชบุตรเขยคนนี้เขาเป็นคนเลือกด้วยตนเอง ไม่ใช่เพราะคนผู้นี้เคยช่วยบุตรธิดาทั้งสองของเขา แต่เพราะเขาบังเอิญเหลือบเห็นสายตาที่คนผู้นี้มองฉางเล่อ เต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้งและความจริงใจ การหมั้นหมายครั้งนี้ เขาเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็ยังต้องได้รับความสมัครใจจากฉางเล่อก่อน ฮ่องเต้แคว้นติ้งหันไปมองซูหลี ฉางเล่อ เจ้า…
ซูหลีถอนหายใจ เดินไปนั่งข้างเตียง แล้วกุมมือฮ่องเต้แคว้นติ้งเบาๆ สายตาของนางจดจ้องไปที่แหวนหยกขาวบนนิ้วมือซีดขาว แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า หากหม่อมฉันรับปากหมั้นหมาย เสด็จพ่อก็จะทรงดีใจ และอยู่ข้างหม่อมฉันไปตลอด ใช่หรือไม่เพคะ?
นางมองบิดาของนางด้วยสายตาที่ทั้งคาดหวังและเจ็บปวด หวังว่าการแต่งงานจะสามารถยื้อชีวิตเขาเอาไว้ได้นานที่สุด ฮ่องเต้แคว้นติ้งน้ำตารื้น เขาค่อยๆ รั้งธิดาอันเป็นที่รักเข้ามากอดเบาๆ แล้วถอนหายใจเงียบๆ เด็กโง่! พ่อชราแล้ว ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องจากเจ้าไปสักวัน พ่อเพียงหวังว่าหลังจากที่พ่อไม่อยู่แล้ว จะมีคนที่เชื่อใจได้ คอยปกป้องและอยู่ข้างกายเจ้าตลอดไป ไม่ทำให้เจ้าเสียใจและเจ็บปวดอีก
ซูหลีแสบร้อนจมูก น้ำตาไหลพรากทันที นางกอดตอบเขาแน่นๆ แล้วยิ้มอย่างเศร้าโศก ฉางเล่อเข้าใจเพคะ เสด็จพ่อทำทุกอย่างเพื่อฉางเล่อ ฉางเล่อยอมแต่งก็ได้เพคะ!
ฮ่องเต้แคว้นติ้งกล่าวด้วยความปลาบปลื้ม ดี! ดีเหลือเกิน! เด็กดี!
ซูหลีพิงศีรษะลงบนไหล่ฮ่องเต้แคว้นติ้ง นัยน์ตาดำขลับของตงฟางเจ๋อผุดขึ้นมาในสมอง หัวใจพลันเจ็บปวด ถึงแม้เป็นแค่การแสดงละคร แต่นางก็ผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับเขา ทันทีที่เรื่องนี้ไปถึงหูเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเจ็บปวดและสิ้นหวังถึงเพียงใด!
———————————–