กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 1
บนถนนที่มีแต่ทะเลทรายรถบัสสีดำขนาดใหญ่และสวยงามขับไปตามยางมะตอยที่ร้อนระอุเพียงลำพัง ภายในมีคนหลายคนทำสิ่งที่แตกต่างกันโดยไม่สนใจสภาพอากาศที่อยู่นอกหน้าต่าง
ทะเลทรายกว้างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นเพียงแต่ทะเลทรายเท่านั้น พุ่มไม้แห้งขนาดเล็กที่กระจัดกระจายไปตามพื้นทรายและพื้นดินที่แตกระแหงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป และการได้เห็นภาพที่ทะเลทรายกว้างยาวออกไปมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดนี้ผู้คนที่พบเห็นก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมัน เพราะนี่เป็นปกติของโลกใบนี้
ภายในรถบัสมีสภาพอากาศที่เย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ วัยรุ่นคนหนึ่งที่มีอายุประมาณ 16 หรือ 17 ปีกำลังเล่นไพ่เพื่อเพิ่มความตื่นเต้น และเสียงที่ถูกส่งออกมาในตอนนี้เห็นในชัดว่าเกมที่พวกเขาเล่นไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
ที่ด้านหลังของรถบัสมีชายและหญิงสูงวัยนั่งอยู่โดยที่พวกเขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว พวกเขาทุกคนนั่งหลับตาพร้อมกับใบหน้าที่เย็นชา เพราะจิตใจของพวกเขากำลังเดินไปมาท่ามกลางครอบครัวที่มีความสุข พวกเขามีความหวังและความฝันและสงสัยว่าวันนี้พวกเขาจะกลับไปที่บ้านได้อีกครั้งหรือไม่ ในบางครั้งก็จะเห็นชายหญิงสองคนนี้ถอนหายใจพร้อมๆกัน เป็นการถอนหายใจที่มาจากความสิ้นหวัง
เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างระหว่างกลุ่มผู้ชายที่เคยมีประสบการณ์นี้มาก่อนกับกลุ่มวัยรุ่นที่ไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แต่ถึงแม้วัยรุ่นจะส่งเสียงดังมาก แต่ผู้ใหญ่พวกนี้ก็ไม่บ่นตลอดทางเพราะพวกเขารู้ว่าหลังจากกลับจากการผ่านป้อมปราการในครั้งนี้ไปแล้ว อาการตื่นเต้นพวกนี้จะไม่อยู่กับพวกเขาอีกต่อไป
พวกผู้ใหญ่รู้เรื่องนี้เพราะพวกเขาก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเช่นกัน พวกเขาเคยมีพลัง เต็มไปด้วยความมีชีวิตและจิตใจที่เร่าร้อน ความปรารถนาที่จะผจญภัย แรงผลักดันที่จะทดสอบพลังใหม่ๆที่พวกเขาได้รับ และจินตนาการว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านอย่างร่ำรวยและมีชื่อเสียงพร้อมกับมีความสุขกับผู้หญิงหลายๆคนที่พวกเขาสนใจ แต่ชีวิตไม่ได้เป็นเช่นนั้น ชีวิตที่พวกเขาจะต้องเจอ ยังห่างไกลจากสิ่งที่พวกเขาจินตนาการไว้อย่างมาก
หลังจากเห็นเพื่อนและสหายมากมายตายต่อหน้าพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าแท้จริงแล้วพวกเขาอ่อนแอและไม่มีประโยชน์แค่ไหน พวกเขาจะได้รู้ว่าความแข็งแกร่งที่พวกเขาได้รับนั้นมันไม่ได้มีประโยชน์ขนาดนั้น สุดท้ายความรู้สึกที่ต้องการผจญภัยก็จะเหลือเพียงความปรารถนาที่อยากจะกลับบ้านและไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
นี่เป็นชีวิตที่น่าเศร้าและยากลำบากของ ผู้ถูกเลือกแรงค์ F และ E แตกต่างจากชีวิตของ ผู้ถูกเลือกแรงค์ B, A หรือ S ที่ถือว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ พวกเขาทำเพียงดื่มโซดาหนึ่งกระป๋องและบอกว่ามันทำให้สดชื่นต่อหน้ากล้องบางตัว
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งแยกออกจากทั้งสองกลุ่ม เขาเป็นคนหนุ่มอายุ 20 ปี เขานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถบัสศีรษะของเขาวางอยู่บนกระจกหน้าต่างรถมองดูพุ่มไม้และต้นไม้ที่กระจัดกระจายผ่านไปในขณะที่จิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับบางสิ่งที่คนอื่นๆมองไม่เห็น
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มคนนี้ที่นั่งอยู่คนเดียว หญิงสาวในกลุ่มวัยรุ่นคิดว่าเขามีเสน่ห์มากในตอนที่เธอจ้องมองเขา ชายหนุ่มมีผมสีดำปานกลาง รูปร่างผอม แต่ดูแข็งแรง และสิ่งที่หญิงสาวสนใจมากที่สุดเกี่ยวกับชายหนุ่มคือเขาได้รับพรอะไรมา
เธอคิดว่าการเข้าไปทักทายเพื่อพูดคุยกับเขาก่อนเป็นความคิดที่ดี เธอจึงจะลุกขึ้นจากที่นั่งของรถและเดินไปหาชายหนุ่ม แต่ก่อนที่เธอจะก้าวไปหาเขา เพื่อนทั้งสองที่อยู่ข้างๆเธอก็ดึงเธอไว้และขมวดคิ้ว
“มีอะไรเหรอเอมี่” วัยรุ่นหญิงถามเพื่อนที่จับแขนของเธอ
“เธอไม่ได้คิดที่จะไปคุยกับผู้ชายคนนั้นใช่ไหมเวนดี้?” เอมี่ถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อสังเกตเห็นน้ำเสียงที่จริงจังของเพื่อน เวนดี้รู้สึกทึ่งและถามว่า
“เธอสนใจเขาเหมือนกันหรอ?“
เมื่อฟังที่เพื่อนของเธอพูดเอมี่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและตอบอย่างใจเย็นและปล่อยมือจากแขนของเวนดี้ เพราะเธอรู้ว่าเวนดี้จะต้องรอให้เธออธิบายก่อน
“ฉันเข้าใจว่าเธอสนใจเขา และนั่นคือปัญหาเนื่องจากเธอเพิ่งเป็นผู้ถูกเลือกคนแรกในครอบครัวของเธอ เธฮถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขาเลย ชื่อของเขาคือโนอาห์ สเติร์นเหมือนกับเราเขากลายเป็นผู้ที่ได้รับพรเมื่ออายุ 16 ปี แต่พรที่เขาที่ได้รับนั้นไร้ประโยชน์มากในตอนที่เข้าไปในป้อมปราการ”
“พรของเขาอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรอ?” เวนดี้ถามด้วยสายตาสงสัย
“เรียกว่าอ่อนแอก็จะเหมือนกับว่าเราชมพรของเขามากกว่า พรของเขาไร้ประโยชน์พวกเขาบอกว่าหลังจากที่เขาได้รับพรรูปลักษณ์ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อยจนในที่สุดเขาก็ดูดี” เอมี่พูดขณะที่เธอหายใจอีกครั้ง
“แต่…เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าพรของเขาคืออะไร…” เวนดี้ตอบ
“ฉันบอกเธอไปแล้วในคำพูดที่พูดไปเมื่อกี้ พรของเขาก็แค่ทำให้เขาหน้าตาดีขึ้นและนั่นก็คือทั้งหมดที่เขามี หากไม่มีการเพิ่มความแข็งแกร่งที่มาจากการควบคุมธาตุของผู้ถูกเลือก เขาก็ไม่มีอะไรอีกเลย”
“แล้ว…เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าเขามีพรแบบนั้น เขาถูกกดกฏหมายบังคับให้เขาไปในป้อมปราการก็จริง แต่ถ้าเขาเคยเข้าไปในป้อมปราการมาหลายปีแล้วด้วยความแข็งแกร่งของมนุษย์ธรรมดา เขาเข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แล้วทำไมเขาถึงออกจากป้อมปราการได้ทุกครั้ง ในขณะที่ผู้รับพรคนอื่นๆไม่สามารถทำได้เลย นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด…” เวนดี้ตกใจมาก
“ไม่มีใครรู้…บางคนบอกว่าเขาซ่อนตัวอย่างเดียวเมื่อเขาเข้าไปในป้อมปราการ บางคนบอกว่าเขาคอยให้การสนับสนุนจากระยะไกล แต่สิ่งเดียวที่ข่าวลือเกี่ยวกับเขาทั้งหมดเห็นพ้องเหมือนกันคือเขามีบางอย่างที่แข็งแกร่งมาก…” เอมี่กล่าวด้วยน้ำเสียงลึกลับ
“อะไรนะ…อะไรที่แข็งแกร่งมากสำหรับเขาความสามารถของเขาทำอะไรได้นอกจากนี้หรอ หรือเขามีอาวุธที่แข็งแกร่งมาก บอกฉันทีสิ!” เวนดี้รู้สึกสงสัยและวิตกกังวล
“สิ่งที่แข็งแกร่งมากสำหรับเขาคือ…ความกลัว…เขามีชีวิตอยู่ได้จากความกลัว ในตอนที่ทุกคนกำลังต่อสู้โดยใช้พรของแต่ละคนและจบลงด้วยความตาย โนอาห์ก็จะอยู่ห่างๆในที่ปลอดภัยที่สุดจากความกลัว”
“พวกเขาบอกว่าพวกเขาเข้าไปได้ไม่นานแต่ด้วยความโหดเหี้ยมของป้อมปราการทั้งทีมก็ตายและพวกเขาก็ไม่สามารถพิชิตป้อมปราการได้สำเร็จ แต่โนอาห์เขาสามารถรอดชีวิตมาได้ตลอดพร้อมกับสมาชิกหนึ่งหรือสองคนในทีมบุกที่หนีตายออกมา นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในจุดที่ปลอดภัยขนาดไหน” เอมี่แสดงสีหน้าดูถูกขณะที่มองไปที่นาห์ผู้โดดเดี่ยว
เวนดี้เมื่อได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกไม่มีแรงจูงใจที่จะไปคุยกับเขาอีก เวนดี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ และเธอมักจะโหยหาผู้ชายที่แข็งแกร่ง ผู้ชายที่สามารถปกป้องเธอและปกป้องครอบครัวของเธอ ผู้ชายที่จะเดินเคียงข้างเธอ สนับสนุนครอบครัวในอนาคต ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่จะเดินตามหลังเธอ หลังจากคำพูดของเอมี่ความสนใจเล็กๆ น้อยๆ ที่เวนดี้มีต่อโนอาห์ก็หายไปเช่นเดียวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นไม้ แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือใบไม้ที่เธอทิ้งลงมาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตก็ได้
ในขณะที่ทุกคนพูดคุยกันวัยรุ่นเริ่มพนันกันว่าใครจะฆ่ามอนสเตอร์ได้มากกว่า ส่วนคนที่เดินทางคนหนึ่งที่มีอายุพอสมควรเล่าว่าเขาได้เงินมากแค่ไหนจากป้อมปราการ เขาสามารถซื้ออาหารและปัจจัยยังชีพให้ลูกๆได้มากมาย และบางคนก็เยาะเย้ยโนอาห์ออกมาดังๆว่าเขาไร้ประโยชน์
โนอาห์ไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้ แต่ในขณะนั้นเองอยู่ๆหน้าจอสีดำราวกับความมืดก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมกับข้อความที่เขารอคอยมานานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
[ยินดีด้วยผู้สืบทอดแห่งลูซิเฟอร์ คุณสามารถผ่านช่วงทดสอบของระบบ โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ และในที่สุดคุณก็ผ่านการรับรองโดยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคุณที่มีต่อลูซิเฟอร์: ทูตสวรรค์ที่เคยรุ่งโรจน์ สวยงาม และทรงพลังที่สุด คุณยอมรับที่จะดูดซับพลังของ “สายเลือดของลูซิเฟอร์” ด้วยตัวคุณเองหรือไม่?]
เมื่อการแจ้งเตือนนั้นจบลงในที่สุดโนอาห์ก็รู้สึกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาของการถูกดูถูกและถูกทุบตีเพราะเขา ‘ไร้ประโยชน์’ ก็คุ้มค่าและจบลงซักที เพราะโอกาสที่เขาจะเปลี่ยนโชคชะตาจากการเป็นคนไร้ประโยชน์ไปสู่คนที่มีอำนาจและสำคัญที่สุดได้มาถึงแล้ว
โนอาห์จึงตอบไปว่า…