กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 15
เมื่อรถบัสกลับมาถึงที่เมืองโนอาห์ก็ได้รับการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์มือถือของเขาว่ามีการชำระเงินแล้ว เขาได้รับเงินทั้งหมด $1,000 รอยยิ้มเล็กๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เงินนี้เป็นเงินจำนวนเท่ากับที่ผู้ถูกเลือกต้องผ่านป้อมปราการระดับ E เพราะโดยปกติแล้วเงินที่เขาได้รับจะอยู่ที่ประมาณ $200 นี่หมายความว่าเขาได้รับเงินมากกว่าที่เขาได้ในป้อมปราการระดับ F หลายเท่า
ถ้าเขาบุกป้อมปราการทุกวันเขาก็จะได้เงินเดือนที่น่าพอใจอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากจำนวนของผู้ถูกเลือกระดับ F มีเป็นจำนวนมากป้อมปราการจึงไม่เพียงพอสำหรับทุกคน
ถึงแม้จะเกิดการสูญเสียเป็นจำนวนมากในป้อมปราการ แต่จำนวนป้อมปราการก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ถูกเลือกอยู่ดี นั่นทำให้ผู้ถูกเลือกระดับ F มีเงินเดือนที่น้อยเป็นอย่างมาก
เมื่อกลับมาที่เมืองโนอาห์อดไม่ได้ที่จะหลงเสน่ห์ความงามของสถานที่นี้อีกครั้ง หลังจากที่โลกถูกเหล่ามอนเตอร์รุกรานเทคโนโลยีของมนุษยชาติก็พุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วในการศึกษาทางดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ นักคิดเก่าแก่คนหนึ่งที่อยู่มาก่อนการปรากฏตัวของป้อมปราการที่ชื่อว่าเพลโตเคยพูดว่า ‘สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือเริ่มประดิษฐ์สิ่งของต้นแบบ’ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อป้อมปราการเริ่มถือกำเนิดขึ้นมนุษยชาติก็พยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อสู้กับเหล่ามอนเตอร์ อาวุธสามารถทำร้ายมอนสเตอร์ระดับ F ที่อ่อนแอกว่าได้ แต่มอนสเตอร์ที่มีระดับสูง…ไม่มีอะไรหยุดพวกมันได้ ดังนั้นมนุษยชาติจึงสิ้นหวังอีกครั้ง พวกเขาจึงแสวงหาเทคโนโลยีที่จะทำให้พวกเขามีทางออกและคราวนี้วิธีที่พวกเขาต้องการคือการไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่น
การแข่งขันในการไปยังอวกาศครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างชาติใดชาติหนึ่ง แต่เป็นมนุษย์ชาติทั้งหมดที่กำลังแข่งขันเพื่อเอาชีวิตรอดจากโลกใบนี้ หลังจากผ่านไปไม่กี่ปีในที่สุดมนุษย์ชาติก็สามารถค้นพบดาวเคราะห์ที่น่าอยู่อีกดวงหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่มนุษย์ตั้งรกรากบนดาวเคราะห์ดวงนั้น ป้อมปราการก็เริ่มปรากฏตัวที่นั่นเช่นเดียวกัน
ไม่ว่ามนุษย์ชาติจะไปตั้งรกรากบนดาวเคราะห์ดวงไหน ป้อมปราการที่เต็มไปด้วยเหล่ามอนเตอร์ก็จะเริ่มปรากฏตัวและโจมตีมนุษย์ชาติ ท่ามกลางความสิ้นหวังในวงการวิทยาศาสตร์พวกเขาที่เคยเชื่อในวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นกลับเริ่มเชื่อว่าพวกเขาสูญเสียพระเจ้าที่คอยดูแลพวกเขาไป แต่ยกเว้นพระเจ้าในคาทอลิกอื่นๆที่ยังได้ยินคำอธิษฐานของพวกมนุษยชาติและยังให้พรแก่พวกเขาต่อไป
นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาเริ่มมาอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อให้ได้รับพรแทน
ด้วยพรที่ได้รับมาจากพระเจ้านั่น ทีละเล็กทีละน้อย มนุษย์ค่อยๆยึดครองพื้นที่ของตนบนดาวเคราะห์ที่เคยถูกยึดครองด้วยเหล่ามอนเตอร์กลับมาได้ด้วยความยากลำบาก
ในที่สุดมนุษย์ก็สามารถอาศัยอยู่ในดาวเคราะห์หลายๆดวงทั่วกาแลคซีของพวกเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นดวงจันทร์หรือดาวเคราะห์ดวงใดๆก็ตาม
โนอาห์มองออกไปนอกหน้าต่างรถบัส เขามองไปยังเมืองที่เขาอาศัยอยู่ นั่นคือเมืองแอรีน เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆบนโลกของเขาแล้วเมืองนี้เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่
ไม่ได้หมายถึงขนาดของเมืองที่ใหญ่ แต่สิ่งที่พูดถึงเป็นความสะดวกสบายที่เมืองมี และความล้ำยุคของเมืองๆนี้
เนื่องจากมนุษยชาติได้เอาชนะปัญหาของเมืองที่แออัดด้วยการเปลี่ยนพื้นผิวของดาวเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจึงมีอิสระในการสร้างบ้านที่ไหนก็ได้ มีเพียงผู้ที่มีเงินน้อยหรือไม่ค่อยมีงานทำจึงจะต้องอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ และด้วยการออกแบบที่ค่อนข้างล้ำยุค บ้านและอาคารส่วนใหญ่จะมีลักษณะโค้งมนคล้ายดวงดาว
รถบัสแล่นเข้ามาในเมืองอย่างช้าๆ โนอาห์เคยเห็นฉากนี้มาแล้วหลายสิบครั้งจนเกือบจะหลายร้อยครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยเบื่อกับความสดใสของเมืองเลยแม้แต่น้อย
การเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบรื่น ตั้งแต่ที่โนอาห์สวมเฮดโฟนและเวนดี้เดินจากไปเขาก็สนุกกับเสียงเพลงจนกระทั่งพวกเขามาถึงสำนักงานใหญ่ของ GBC (สำนักงานรัฐบาลควบคุมผู้ถูกเลือก) ซึ่งเป็นองค์กรที่ควบคุมการแจกจ่ายป้อมปราการให้กับผู้ถูกเลือก พวกเขาเป็นคนกำหนดให้ผู้ถูกเลือกที่มีใบอนุญาติเท่านั้นที่จะสามารถบุกป้อมปราการได้
หลังจากรถบัสหยุดโนอาห์ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินลงจากรถบัส ในตอนที่เขากำลังจะเดินผ่านแฮรี่และเวนดี้ แฮรี่ก็มองเขาและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ฉันจะจำทุกอย่างที่นายทำกับฉันที่นั่น”
เมื่อโนอาห์เห็นว่าแฮรี่พูดกับเขาแบบนั้น เขาก็หยุดเดินชั่วขณะแล้วใช้หางตามองไปที่แฮรี่ขณะที่เขาคิดในใจว่า
‘ฉันควรจะฆ่าเขาทิ้งซะ’ หลังจากนั้นโนอาห์ก็เดินออกไปโดยที่เขาไม่ตอบแฮรี่
เมื่อแฮรี่เห็นแบบนั้น เขาไม่รู้โนอาห์กลัวเขาหรือว่าไม่มีความกล้าที่จะตอบเขากันแน่ แต่ไม่ว่าโนอาห์จะคิดยังไงแฮรี่ก็มั่นใจในตัวเขาเอง เพราะเขาเป็นผู้ถูกเลือกระดับ D มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นที่เขาจะเก่งกว่าโนอาห์ จนถึงตอนนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปที่เขาจะแก้แค้นผู้ถูกระดับ F
แฮรี่ที่พูดกับโนอาห์อย่างนั้น แต่โนอาห์กลับไมได้รู้สึกอะไรเลย สำหรับโนอาห์เขารู้ดีกว่าโลกใบนี้เป็นยังไง โลกใบนี้มันเป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ ถ้าผู้ถูกเลือกระดับ C ฆ่าผู้ถูกเลือกระดับ E ภายในป้อมปราการ แม้ว่ามันจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ก็จะไม่มีใครทำอะไร เพราะผู้ถูกระดับ C สามารถเอาชนะป้อมปราการระดับ E ได้อย่างง่ายดาย แต่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้ถูกเลือกระดับ E เพราะถ้าผู้ถูกระดับ E ไปที่ป้อมปราการระดับ C เขาจะต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน
โนอาห์ใช้เวลา 16 ปีในฐานะคนธรรมดาและ 4 ปีในฐานะผู้ถูกเลือกระดับ F ซึ่งเป็นบุคคลที่มีระดับต่ำที่สุดในสังคมแม้แต่ในเมืองแอรีน
หลังจากนั้นตลอดเวลาโนอาห์ก็รู้ว่าการมีอำนาจนั้นสำคัญเพียงใด ถ้าเขามีอำนาจ ในตอนนี้เขาคงไม่ต้องผ่านทุกสิ่งที่เขาถูกบังคับให้ยอมจำนน ในที่สุดเขาก็ได้รับพลังและเป้าหมายแรกของโนอาห์คือการเพิ่มพูนพลังนั้นเขาจะฝึกฝนเปลวไฟจากนรกของเขาจนทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
โนอาห์อาศัยอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ GBC มากนัก โนอาห์จึงเดินกลับบ้านพร้อมกับวางแผนของตัวเอง ก่อนอื่นเขาไม่จำเป็นต้องไปที่ป้อมปราการระดับ F อีกต่อไป จากนี้ไปเขาสามารถเริ่มไปยังป้อมปราการระดับ E ได้โดยที่เขาไม่ต้องกังวลอีก
อย่างแรกที่เขาจะทำคือการไปที่ป้อมปราการระดับ E เพราะเขามีทฤษฏีว่ายิ่งเขาใช้เปลวเพลิงจากนรกกับมอนเตอร์ที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เขาก็จะได้รับประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้นทั้งในด้านทักษะและระดับของเขา
อย่างที่สอง การที่เขาต้องการบุกป้อมปราการระดับ E จะทำให้เขาได้เงินมากกว่าการบุกป้อมปราการระดับ F ซึ่งตอนนี้เรื่องเงินถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโนอาห์
ผู้ถูกเลือกส่วนใหญ่รู้สึกหวาดกลัวเมื่อพวกเขาคิดจะบุกเข้าไปในป้อมปราการระดับสูง แต่นั่นไม่ใช่กรณีของโนอาห์ เขาได้ศึกษาทุกสิ่งที่เขาสามารถศึกษาได้จากป้อมปราการระดับ F และถึงแม้เข้าจะไม่มีพรอะไรเลย เขาก็สามารถออกจากสถานการณ์เลวร้ายที่เขาเจอมาได้ตลอดทั้งชีวิต
ตอนนี้เขาได้รับพรแล้ว โนอาห์รู้ว่าสิ่งเดียวที่เขาขาดคือความรู้เกี่ยวกับป้อมปราการรับดับ E
ในขณะที่โนอาห์กำลังคิดเรื่องของตัวเองอยู่นั้นเขาก็เดินมาถึงที่หน้าบ้านของเขา เมื่อเขามองไปที่หน้าประตู เขาก็เห็น “เหตุผล” ที่เขาต้องการเงินจากป้อมปราการ