กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 33
โนอาห์มองไปที่แจสเปอร์และถามว่า
“นายอยู่กับกลุ่มนี้มาตั้งแต่ต้นนายคิดว่ากลุ่มนี้มีโอกาสที่จะชนะในการบุกค่ายก็อบลินเป็นยังไง?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้แจสเปอร์วางมือบนคางของเขาขณะที่เขาครุ่นคิด
“จริงๆแล้วกลุ่มนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งในเรื่องของประสบการณ์การต่อสู้หรือพรอันทรงพลัง ฉันอยากจะบอกว่าการบุกค่ายก็อบลินโดยไม่มีกลยุทธ์ที่ดีจะทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสองคนและนั่นเป็นกรณีที่เรามองโลกในแง่ดีที่สุด”
“นายเห็นแล้วว่าพรของฉันคืออะไร ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายเกี่ยวกับเปลวไฟของฉันได้มากกว่านี้แล้วและพรของนายทำอะไรได้?” โนอาห์กล่าวโดยรักษาน้ำเสียงที่สงบ เขาไม่ต้องการเปิดเผยพรของตัวเองมากไปกว่าที่ควร เขาปล่อยให้แจสเปอร์ตั้งสมมติฐานของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นและถือว่ามันเป็นจริง
“ฉันยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดระดับพรของนาย เพราะมันต่างจากที่อาบิเกลบอกกับฉัน เชาบอกว่านายมีพรระดับ F แต่ถ้าดูจากพลังและอำนาจการทำลายล้างของมัน มันมีความแข็งแกร่งพอๆกับพรระดับ C ที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับ E สูงสุด พูดตามตรงฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้มากที่จะบอกว่านายอยู่ระดับ F เอาล่ะพูดถึงพรของฉัน ฉันได้รับพรจากเทพเจ้าแห่งสายลมและอย่างทีรู้ฉันได้รับพรระดับ C พรของฉันจะเพิ่มความคล่องตัวของฉันเป็นสัดส่วนพลังงานที่ฉันใช้ไป ฉันสามารถเพิ่มความเร็วได้สูงสุดถึงสองเท่า” แจสเปอร์ตอบด้วยท่าทางภาคภูมิใจ พรของเขาเป็นที่มาของความภาคภูมิใจมาโดยตลอด เขารู้ว่าถ้าเขาฝึกฝนอย่างหนักเขาจะกลายเป็นผู้ถูกเลือกระดับ C ในอนาคตและได้รับหลายพันดอลลาร์จากความแข็งแกร่งนั้น
โนอาห์แปลกใจที่แจสเปอร์มีพรระดับ C แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น น่าเสียดายที่พรของแจสเปอร์ส่งผลต่อความเร็วของเขาอย่างมาก หากตอนนี้โนอาห์ขอกริชเป็นค่าตอบแทนแม้ว่าแจสเปอร์จะมอบให้เขาพวกเขาก็จะอ่อนแอลงอย่างมากในการต่อสู้ที่จะมาถึง เนื่องจากหากไม่มีอาวุธที่ทรงพลังแจสเปอร์ก็จะไม่มีประโยชน์มากนัก ซึ่งแตกต่างจากโนอาห์ที่แม้จะมีมีดที่อ่อนแอกว่า แต่ก็ยังมีเปลวไฟของตัวเองที่จะสร้างความเสียหายและมีส่วนร่วมในการต่อสู้ได้ เขาจึงปล่อยเรื่องของค่าตอบแทนไปก่อน พวกเขาคุยกันจนกระทั่งกลุ่มของพวกเขามาถึงลำธาร
“เอาล่ะพวกเรามาพักผ่อนที่นี่สักสองชั่วโมงเถอะ ฉันเชื่อว่าในเวลานั้นทุกคนจะสามารถฟื้นฟูทั้งความอดทนทางร่างกายและพลังงานที่ใช้ไปกับพรของตัวเองดังนั้นอย่าเสียเวลานี้ไป” แจสเปอร์กล่าว เป็นเสียงที่เป็นมิตรกับกลุ่มอีกครั้ง
นี่เป็นลักษณะที่ดีที่โนอาห์สังเกตเห็นในชายที่อายุมากกว่าเขาเพียงไม่กี่ปี แจสเปอร์แม้ในขณะที่เขากำลังจะออกคำสั่งก็ไม่ได้ใช้น้ำเสียงเผด็จการเขาเหมือนให้คำแนะนำกับกลุ่มเท่านั้น นั่นคือความแตกต่างระหว่างเจ้านายและผู้นำ โนอาห์รู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถถ่ายทอดกลิ่นอายของความเป็นผู้นำที่ผ่อนคลายซึ่งจะทำให้คนแปลกหน้าอยากติดตามเขาได้ บางทีอย่างมากที่สุดเขาจะสามารถทำให้ผู้คนติดตามเขาด้วยความหวาดกลัวแทน
เพราะเขาได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากคนอื่นๆมาโดยตลอด มุมมองของเขาเกี่ยวกับคนส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นเป็นกลุ่มคนที่หยาบคายและขี้ขลาดที่เอาแต่คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง โนอาห์ก็ไม่ต่างจากพวกเขา เขามักจะใส่ใจเกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าความสุขสบายของคนแปลกหน้า แต่เขาก็ไม่ได้ผลีผลามอย่างที่คนแปลกหน้าพวกนี้ทำ เพราะเขาไม่ได้ไปชี้นิ้วต่อว่าหรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นเพียงเพราะนั่นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของพวกเขา
ทั้งกลุ่มนั่งอยู่รอบๆลำธาร แต่ละคนก็หยิบเนื้อแห้งและแท่งพลังงานจากกระเป๋าของตัวเองมากิน ในขณะที่ผู้วิเศษใช้บางอย่างเช่นการทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังงานที่ใช้ในการต่อสู้ คนอื่นๆก็นอนหลับโดยหลับตาเพื่อฟื้นพลัง ผู้ถูกเลือกแต่ละคนได้พัฒนากลยุทธ์ในการฟื้นฟูพลังงานของตนเองเมื่อเวลาผ่านไปหลังจากการรุกรานป้อมปราการมากมาย คนเดียวที่ไม่ต้องการเรื่องแบบนี้คือโนอาห์เนื่องจาก เปลวไฟแห่งนรกของเขาใช้ร่างกายและบาปเป็นเชื้อเพลิง สำหรับพลังงานของเขานั่นตราบใดที่เขาเผาร่างของมอนเตอร์ที่เขาฆ่าไปพลังงานของเขาก็จะฟื้นตัวทันที
ถ้าผู้ถูกเลือกคนอื่นรู้เรื่องนี้มีโอกาสมากที่พวกเขาจะกระอักเลือดด้วยความอิจฉา ไม่มีใครเคยคิดฝันว่าจะไม่มีวันหมดพลังงานในป้อมปราการ แต่ยังไงโนอาห์ก็ยังคงหมดพลังงานในระหว่างการต่อสู้หากเขาไม่สามารถเผาได้สักร่างเดียวในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่าเขาโจมตีไม่โดนหรือร่างกายของมอนเตอร์สามารถต้านทานเปลวไฟได้มากกว่าปกติ เหมือนกับการต่อสู้กับราชาแห่งหนูในป้อมปราการระดับ F
ถึงอย่างนั้นการที่ไม่จำเป็นต้องฟื้นฟูพลังงานก็เป็นสิ่งที่ผู้ถูกเลือกทุกๆคนใฝ่ฝันถึง
ในขณะที่โนอาห์นั่งอยู่บนต้นไม้โดยใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่สูงขึ้นเพื่อเฝ้าระวังการโจมตีของศัตรูที่อาจเกิดขึ้นและพยายามพักผ่อนจิตใจสำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไป เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา เมื่อเห็นการแสดงออกของเธอโนอาห์ก็ถอนหายใจเล็กๆออกมาและเขาก็คิดว่า ‘นี่คือปัญหา’
เมื่อผู้หญิงคนนี้เห็นว่าโนอาห์มองผ่านเธอไปในขณะที่เขานั่งอยู่บนต้นไม้และทำเหมือนกับว่ากำลังจะพูดอะไรกับเธอแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อเธอเห็นว่าเขาปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นเธออยู่ในสายตา ความโกรธของเธอที่ถูกระงับไว้ก็ระเบิดออกมา
“นายซ่อนตัวอยู่ในป่าตั้งแต่ที่พวกเราเข้ามาใช่ไหม ทำไมนายถึงไม่มาช่วยเราก่อนหน้านี้ พวกเราเกือบจะเสียคนในกลุ่มไปบางส่วนแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นโนอาห์เกือบจะสูญเสียใบหน้าโป๊กเกอร์ที่เขาสวมอยู่ตลอดเวลา เขาเปลี่ยนจากความไม่สนใจไปเป็นความประหลาดใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้ ในตอนแรกเธอได้ทำให้เขาอับอาบด้วยการบอกว่าเขาอ่อนแอและมันจะทำให้กลุ่มล่าช้า แต่ตอนนี้เธอหน้าด้านพอที่จะบอกว่ามันเป็นความผิดของเขาที่ทำให้พวกเขาเกือบแพ้ในการต่อสู้?
โนอาห์มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางเย็นช้าราวกับว่าเขากำลังมองไปที่คนงี่เง่าแล้วพูดว่า
“เธอมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องนี้จริงๆหรอ ฉันเชื่อว่าถ้าความจำของเธอไม่ได้สั้นเท่าแมลง เธอน่าจะจำได้ว่าใครเป็นคนไม่ให้ฉันเข้าป้อมปราการมาพร้อมกับกลุ่ม แต่ลองมองไปรอบๆดูสิว่าคนที่เหลือเขาจำไม่ได้เหมือนเธอหรือเปล่า?”
ในขณะที่กลุ่มเงียบมากเพื่อที่จะได้พักผ่อนแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พูดคุยกันด้วยเสียงที่ดัง แต่ทุกคนก็ยังสามารถได้ยินการสนทนาของพวกเขาได้ ในตอนแรกเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดบางคนในกลุ่มเริ่มไม่พอใจที่โนอาห์ไม่มาช่วยพวกเขาในตอนเริ่มต้นของการบุก แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดพวกเขาก็จำได้ว่าใครคือผู้กระทำผิดตัวจริงที่ทำให้เขาไม่มาด้วย
พวกเขารู้ดีว่าถ้าพวกเขามีผู้ถูกเลือกที่มีทักษะเทียบเท่ากับโนอาห์ในกลุ่มพวกเขาจะไม่ต้องใช้พลังงานมากนักในการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องฟื้นตัวเป็นเวลานานก่อนที่จะบุกเข้าไปในค่ายของศัตรูและไม่ต้องเสียเวลามากพอๆกับที่พวกเขาเสียไปในตอนนี้
นักรบที่ได้รับบาดแผลและรอยถลอก นักเวทย์และนักธนูที่โดนลูกดอกอาบยาพิษทำให้พวกเขาอ่อนแอ พวกเขาทุกคนเริ่มตระหนักว่าหากพวกเขาร่วมมือกับโนอาห์ตั้งแต่เริ่มการบุกเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น
เมื่อผู้หญิงคนนั้นมองไปรอบๆและเห็นสายตาที่คนในกลุ่มส่งมาให้เธอ เธอก็รู้สึกอับอาย เธอเป็นผู้ถูกเลือกที่อยู่ได้นานที่สุดในการต่อสู้ แต่นั่นเป็นเพียงเพราะเธอใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยในการควบคุมลูกธนูของเธอเท่านั้น เธอนำลูกธนูเข้ามาในป้อมปราการเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้เธอใช้ลูกธนูที่เธอนำมาเกือบจะหมดก่อนที่เธอจะได้บุกไปที่ค่ายของก็อบลินเสียอีก
เนื่องจากโนอาห์เป็นคนเงียบๆมาตลอด เขามักจะโดนต่อว่าหรือสาปแช่งตลอดที่เขาอยู่ในป้อมปราการระดับ F และตอนนี้เธอคิดว่าเขาจะเงียบและทำหน้าที่เป็นที่ระบายอารมให้กับความผิดหวังของเธอเอง แต่สิ่งนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอคาดหวังทันที โนอาห์ไม่เพียงแต่นั่งนิ่งฟังคำพูดของเธอเท่านั้น เขายังตอบโต้กลับและทำให้เธอกลายเป็นศัตรูของคนทั้งกลุ่ม
ตอนแรกเธอตัดสินว่าเขาเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่การถูกตำหนิจากเขาอีกครั้งต่อหน้าคนทั้งกลุ่มทำให้ผู้หญิงคนนี้ประเมินโนอาห์ใหม่และตระหนักว่าลูกแกะที่เธอเห็นเมื่อไม่นานมานี้ได้เผยให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาได้กลายเป็นหมาป่าที่ซ่อนตัวอยู่ในชุดแกะเพื่อรอโจมตีใครก็ตามที่เข้ามาใกล้เขา
‘ฉันควรจะปล่อยเรื่องนี้ไปและใช้ชีวิตต่อไปเงียบๆ…’ ผู้หญิงคนนั้นคิดในขณะที่เธอเห็นความเย็นชาที่อยู่ในดวงตาของโนอาห์ เขาแตกต่างไปจากเดิมมาก เขาไม่มีใบหน้าที่หวาดกลัวในตอนแรกที่เธอได้เจอกับเขา เธอกลัวที่จะโดนผู้ชายคนนี้ฆ่า