กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 34
เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาโนอาห์นั่งอยู่บนกิ่งไม้ แต่โชคดีที่ไม่มีมอนเตอร์มาโจมตีกลุ่มของโนอาห์เลย พวกเขาเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง หากพวกเขาเสียงดังเกินไปนั่นจะทำให้กลุ่มของพวกเขาเป็นจุดสนใจมากขึ้นและนั่นจะทำให้พวกเขามีปัญหาที่ไม่จำเป็นเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากผู้ถูกเลือกต้องการที่จะคุยกันพวกเขาจะคุยกันให้เสียงเบาที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
“โอเค จากที่ฉันดูแล้วการจัดรูปแบบที่ดีที่สุดคือให้ผู้ถูกเลือกที่มีทักษะการโจมตีระยะใกล้ 5 คนอยู่ที่แนวหน้าและให้อีก 2 คนอยู่ที่ด้านหลังเพื่อป้องกันการโจมตีจากมอนเตอร์ระยะไกล ถ้าใครมีข้อเสนอแนะที่ดีกว่าก็สามารถบอกฉันได้ สิบห้าหัวดีกว่าหัวเดียว” แจสเปอร์พูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ในตอนท้าย ตอนนี้ทุกคนอยู่ใกล้กันมากขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้ยินกันโดยไม่ต้องพูดเสียงดัง
“นายมีความชำนาญในการโจมตีระยะไกลด้วยพรของนายและนายยังมีทักษะในการจัดการมอนเตอร์ด้วยมีดได้ด้วย ฉันเชื่อว่านายอยู่ข้างหลังน่าจะทำให้เราได้เปรียบเชิงกลยุทธ์มากกว่า นายโอเคไหม?” แจสเปอร์แนะนำกับโนอาห์
เห็นได้ชัดว่าโนอาห์ไม่มีปัญหากับกลยุทธ์ของแจสเปอร์ เขายังเชื่อด้วยว่านี่จะเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้กับกลุ่มที่พวกเขามี ในระหว่างการต่อสู้ครั้งล่าสุดเห็นได้ชัดว่าความสามารถของผู้ถูกเลือกที่อยู่ด้านหลังนั้นต่ำเพียงใดเมื่อจัดการกับมอนเตอร์ที่บุกเข้ามาในระยะใกล้ๆ ในขณะที่พวกเขาพักผ่อนโนอาห์ยังได้ยินผู้ถูกเลือกคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่าเขาใช้มีดเฉือนตัวเองระหว่างการต่อสู้ด้วย
นั่นเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้นในผู้ถูกเลือกระดับนี้…โนอาห์อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยความผิดหวัง แต่โชคดีที่ชายคนนั้นเป็นนักเวทย์สนับสนุนที่มีประโยชน์มาก ไม่ยังงั้นเขาคงจะไม่มีประโยชน์เลย
‘ถ้าฉันอยู่ระหว่างด้านหลังและด้านหน้าฉันสามารถใช้ลูกไฟเพื่อฆ่ามอนสเตอร์จากทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้อย่างใจเย็น และเนื่องจากผู้ถูกเลือกบางคนก็ทำตัวเป็นจุดสนใจของมอนเตอร์เป็นอย่างมาก เพราะงั้นฉันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของฉันมากนัก’ โนอาห์คิดด้วยความพึงพอใจ
การที่เขาสามารถฆ่าก็อบลินกลุ่มเล็กๆได้สามหรือสี่กลุ่มไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถบุกไปที่ค่ายของก็อบลินได้เพียงลำพัง เพราะพลังของเขายังมีขีดจำกัด
ป้อมปราการถูกออกแบบมาให้ต่อสู้กันแบบเป็นกลุ่มใหญ่ แม้ว่าจะมีคนที่สามารถสังหารมอนเตอร์กลุ่มเล็กๆหลายๆกลุ่มได้ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังมีอันตรายหากพวกเขาถูกซุ่มโจมตีโดยหลายๆกลุ่มพร้อมกัน และมันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
ในระหว่างการเดินทางโนอาห์เริ่มตระหนักว่าพรของแจสเปอร์มีประโยชน์ต่อกลุ่มอย่างไร แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้า แต่เขาก็ยังคงทำหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมโดยเขาจะก้าวนำหน้าไปเพียงลำพังด้วยความว่องไวของพรของเขา
สิ่งนี้ช่วยให้ปาร์ตี้ค้นหาและกำจัดกลุ่มเล็กๆบางกลุ่มระหว่างการเดินทางได้อย่างง่ายดายและตอนนี้พวกเขาไม่ได้ตะโกนใส่กันอีกต่อไป พวกเขาจะไม่ส่งเสียงที่ไม่จำเป็น นั่นทำให้พวกก็อบลินไม่สามารถค้นหาพวกเขาได้ทันเวลานั่นทำให้พวกมันไม่สามารถเรียกกำลังเสริมได้ทัน ทำให้กลุ่มก็อบลินเล็กๆพวกนั้นถูกสังหารลงภายในเวลาไม่กี่นาที
และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอันตรายใดๆ โนอาห์ก็ไม่พลาดที่จะเผาศพก็อบลินพวกนั้น
‘เนื่องจากฉันจะไม่ได้รับประสบการณ์มากนักจากการสังหารมันเป็นกลุ่ม แต่อย่างน้อยก็อบลินพวกนี้ก็จะทำให้ฉันได้รับค่าประสบการณ์ในการพัฒนาทักษะของฉัน’
หลังจากสังหารกลุ่มเล็กๆหลายๆกลุ่มในที่สุดพวกเขาก็มาถึงรั้วไม้เล็กๆที่ส่งสัญญาณว่าพวกเขาได้มาถึงแล้ว
เมื่อมองจากระยะไกลโนอาห์จะเห็นว่าค่ายก็อบลินใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้ ถ้าจะจัดให้อยู่ในสัดส่วนของมนุษย์อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่มีกระท่อมให้ก็อบลินอาศัยอยู่อย่างน้อยสองร้อยตัว
เมื่อพิจารณาว่าป้อมปราการเปิดมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์จึงไม่แปลกที่จำนวนของก็อบลินที่อาศัยอยู่ที่นั่นมีมากกว่าจำนวนกระท่อมที่จะรองรับได้
นั่นหมายความว่าพวกผู้ถูกเลือกจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ที่จะใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน และทางที่ดีที่สุดคือพวกเขาจะต้องฆ่าก็อบลินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนบุกค่ายของมัน โชคดีที่พวกเขาฆ่าก็อบลินไปแล้วเกือบ 100 ตัวนับตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในป้อมปราการ และนี่คือจำนวนก็อบลินที่โนอาห์ฆ่าคนเดียวนอกเหนือจากที่กลุ่มผู้ถูกเลือกฆ่า
ขณะที่กลุ่มคนยืนอยู่ใกล้กับค่ายชายร่างผอมที่มีใบหน้าเหมือนศพได้ปีนต้นไม้สูงและจากนั้นเขาก็เริ่มใช้พรของเขาเพื่อพยายามให้ได้มุมมองเชิงกลยุทธ์ของค่ายมากขึ้น
ชายคนนี้มีพรที่เพิ่มระยะการมองเห็นของเขาเหมือนกับการมองเห็นของนกอินทรีและนั่นทำให้เขาสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของศัตรูได้เล็กน้อย สำหรับเขาราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นอนาคตได้ในไม่กี่มิลลิวินาที แม้ว่ามันจะไม่ใช่ทักษะที่ใช้ในการรุกหรือรับ แต่พรของชายคนนี้ก็ช่วยพวกเขาทั้งในการโจมตีและป้องกัน ในการโจมตีมันจะช่วยเขาโดยการคาดเดาว่าศัตรูจะไปอยู่ในทิศทางไหน ทำให้ความแม่นยำของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ในการป้องกันเขาสามารถคาดเดาได้ว่าศัตรูจะโจมตีมาในทิศทางใดและเขามีโอกาสหลบหรือป้องกันตัวได้มากขึ้น
เมื่อเขาลงมาจากต้นไม้ชายคนนั้นก็หันไปหาแจสเปอร์และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า
“มันแออัดกว่าที่เราคิดเล็กน้อย แต่ไม่มีอะไรที่เรารับมือไม่ได้” ชายคนนั้นหยุดชั่ววินาทีและมองไปที่โนอาห์
“ยิ่งไปกว่านั้นด้วยกำลังคนพิเศษที่เราเพิ่งได้รับมา มันจะไม่เป็นปัญหา”
ผู้ถูกเลือกที่เหลือเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายคนนั้นพูดโดยจดจำพลังทำลายล้างที่เปลวเพลิงของโนอาห์มี เพราะโนอาห์ได้แสดงให้เห็นว่าในตอนที่กลุ่มของพวกเขาจนมุม ชายหนุ่มอายุ 20 ปีคนนี้ได้เปลี่ยนสถานการณ์ตรงนั้นได้อย่างง่ายดาย นั่นทำให้ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆมองว่าโนอาห์เป็นผู้ถูกเลือกที่มีค่าที่สุดในทีม
“ขอบคุณแอริค เนื่องจากทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคิดไว้ ฉันจึงมั่นใจว่าเราจะทำตามกลยุทธ์ที่เราคุยกันไว้ได้” แจสเปอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจในขณะที่เขามองไปที่ชายร่างผอมที่ดูเหมือนศพเดินได้ก่อนจะหันไปหาคนอื่นๆในกลุ่ม
“เราจะทำแผนที่เราวางไว้รอฉันอยู่ที่นี่ก่อน”
หลังจากพูดแบบนั้นแจสเปอร์ก็วิ่งไปที่ค่ายในขณะที่ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆเริ่มซ่อนตัว
โนอาห์ต้องยอมรับว่าแผนที่แจสเปอร์คิดขึ้นนั้นใช้ได้จริง พวกเขาใช้ความผิดที่พวกเขาได้รับในตอนแรกทำให้มันเป็นข้อได้เปรียบสำหรับกลุ่ม
ไม่นานหลังจากนั้นโนอาห์ที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเร่งรีบมาในทิศทางที่แจสเปอร์ได้จากไป
แจสเปอร์วิ่งมาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับก็อบลินคลั่งที่พยายามวิ่งไล่ตามเขาอย่างสิ้นหวัง
เมื่อแจสเปอร์มาถึงกลุ่มเขาไม่จำเป็นที่จะต้องให้สัญญาณใดๆ พวกเขาเริ่มโจมตีใส่ก็อบลินทั้งสามที่กำลังวิ่งอยู่
โนอาห์โผล่ออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับลูกไฟในมือทั้งสองข้างสองเขา เขาปาลูกไฟไปที่หนึ่งในนักรบก็อบลินที่วิ่งตรงเข้ามา นั่นทำให้มันก็เริ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างสิ้นหวัง
เมื่อหนึ่งในก็อบลินสังเกตเห็นลูกไฟประหลาดบินมาหามันก็สายเกินไปแล้ว เมื่อเปลวไฟประหลาดสัมผัสกับผิวหนังของมัน ผิวหนังของมันก็เริ่มละลายราวกับว่าทำจากขี้ผึ้งสีเขียว เนื้อของมอนเตอร์เริ่มไหม้ในพริบตา และก่อนที่สมองเล็กๆของก็อบลินจะประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นได้ มันก็เสียการควบคุมในการบอกให้มันวิ่งหนีไปแล้ว นั่นเป็นเพราะความรู้สึกเจ็บปวดอย่างบ้าคลั่งที่มันรู้สึกได้ในเวลานั้น
ลิ้นสีม่วงกระตุกพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของก็อบลินกำลังกรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง มันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อดับเปลวไฟที่ดูเหมือนจะฉีกส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของมันออกไป
ก็อบลินอีกสองตัวใช้เวลาสักครู่เพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของพวกมัน เพราะในตอนแรกพวกมันกำลังวิ่งไล่ตามเหยื่อมนุษย์ที่บอบบางและอ่อนแอแต่รวดเร็ว แต่ในตอนนี้เพื่อนของมันกำลังดิ้นอยู่ที่พื้นพร้อมกับตะโกนคำสาปทุกรูปแบบที่เคยได้ยินในภาษาของก็อบลิน
ก็อบลินตัวหนึ่งซึ่งถือปืนยิงลูกดอกอยู่ในมือมองไปด้วยความตกใจและเห็นมนุษย์ประหลาดออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับเปลวไฟประหลาดที่กำลังลุกอยู่ในมือ สำหรับก็อบลินพวกนั้นการปรากฏตัวของมนุษย์ประหลาดตัวนั้นไม่ได้คุกคามพวกมันเลย แต่เปลวไฟที่กำลังลอยอยู่ในมือของมนุษย์คนนั้นพร้อมกับรอยยิ้มแบบซาดิสต์เล็กๆของเขา ทำให้มีคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในความคิดของก็อบลินคือ…ปีศาจ