กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 4
[ยินดีด้วยผู้สืบทอดแห่งลูซิเฟอร์ คุณสามารถผ่านช่วงทดสอบของระบบ โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ และในที่สุดคุณก็ผ่านการรับรองโดยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคุณที่มีต่อลูซิเฟอร์: ทูตสวรรค์ที่เคยรุ่งโรจน์ สวยงาม และทรงพลังที่สุด คุณยอมรับที่จะดูดซับพลังของ “สายเลือดของลูซิเฟอร์” ด้วยตัวคุณเองหรือไม่?]
เมื่ออ่านข้อความที่ปรากฏขึ้น ในที่สุดโนอาห์ก็รู้สึกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขาที่ถูกทารุณ ที่ถูกทุบตี ที่ต้องวิ่งหนี ก็คุ้มค่าเพราะเขาจะได้เปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองจากคนที่ไร้ประโยชน์เป็นคนที่มีอำนาจและสำคัญเสียที โนอาห์จึงตอบรับระบบทันทีว่า
“ใช่!”
[ได้รับการยืนยันแล้ว…การวิเคราะห์ได้ถูกดำเนินการกับผู้ใช้ไปแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ผลลัพธ์คือผู้ใช้มีอัตราความถนัด 98% บวกกับอัตราการซิงโครไนซ์ 95.2% ซึ่งเป็นอัตราการซิงโครไนซ์ที่สูงที่สุดเท่าที่เคยพบมาในบรรดามนุษย์ที่ซิงโครไนซ์อื่นๆ]
[ขอแสดงความยินดีด้วย: ตอนนี้คุณกลายเป็นผู้ใช้ระบบ สายเลือดของลูซิเฟอร์ คนแรกและคนสุดท้าย รางวัลสำหรับการทำภารกิจแรกได้สำเร็จคุณได้รับ (1) (โทเค็นแบบสุ่ม) คุณต้องการใช้โทเค็นทันทีหรือไม่]
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาโนอาห์ไม่เพียงแต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาใช้เวลาว่างไปกับการค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบนี้ เขาเริ่มต้นการค้นหาของเขาจากแนวคิดเรื่องพร จากนั้นเขาก็มองผ่านสิ่งของจากยุคโบราณของมนุษยชาติ แม้กระทั่งก่อนยุคมืดที่สัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดเริ่มปรากฏตัว เขาค้นหาทุกสิ่งที่เขาหาได้เกี่ยวกับเทพเจ้าองค์นี้ที่เรียกว่าลูซิเฟอร์เทพเจ้าที่อวยพรเขา
หลังจากการค้นหามามากมาย ในที่สุดโนอาห์ก็รวบรวมทฤษฎีที่เขาพบว่าเป็นไปได้มากที่สุด นั่นคือด้วยเหตุผลบางประการลูซิเฟอร์และพระเจ้าของคริสเตียนต้องประสบกับความสูญเสียบางอย่างจึงไม่สามารถช่วยเหลือมนุษยชาติในช่วงยุคมืดได้ ดังนั้นเทพที่เล็กที่สุดจึงลงมาจัดการและปรากฏตัว เทพที่เล็กที่สุดได้ลงมาช่วยเหลือในรูปแบบที่พวกเขาทำได้ แต่ตอนนี้ผ่านไปหลายปีแล้วลูซิเฟอร์ก็สามารถถ่ายทอดคำอวยพรของเขาให้ใครบางคนในรูปแบบของระบบที่คล้ายกับวิดีโอเกมนี้
แต่ด้วยข้อมูลที่มีเพียงเล็กน้อยโนอาห์ไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เขาไม่สามารถรู้ได้เลย อย่างไรก็ตามตามสิ่งที่ภารกิจบอก คือการติดตามลูซิเฟอร์จะนำเขาไปสู่เส้นทางแห่งความจริง สู่เส้นทางแห่งอำนาจ ดังนั้นอาจเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโนอาห์พึ่งพาตัวเองและข้อมูลที่เขารวบรวมได้เท่านั้น มันทำให้เขาเกิดความคลั่งไคล้ในการอยากรู้อยู่เสมอว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งต่างๆทำงานอย่างไรและหาทางควบคุมบางอย่าง แม้ว่านี่อาจจะผิดจรรยาบรรณ แต่ความต้องการที่จะควบคุมทุกอย่างเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ และตอนนี้เขามีอำนาจแล้ว เขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะละทิ้งความรู้สึกเหล่านี้ไป
โนอาห์ สั่งคำสั่งกับระบบว่า
‘ใช่ ฉันต้องการใช้โทเค็นนี้ทันที’
[โทเค็นที่ได้รับคือโทเค็นสุ่มสกิล…สกิลที่ได้รับ ‘เปลวไฟแห่งนรก’ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ใช้สามารถเปิดข้อมูลส่วนตัวเพื่อดูได้เอง]
เมื่ออ่านข้อความของระบบแล้วโนอาห์รู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปในตัวเขา ราวกับว่าสกิวนี้อยู่ในฝ่ามือของเขามานานมากแล้ว มันเหมือนกับเป็นนิ้วที่ 6 ของเขามันง่ายมากที่จะควบคุมเช่นเดียวกับอีก 5 นิ้วในมือของเขา แต่เมื่อมองดูแล้วมือของเขาก็ยังคงเป็นปกติโดยสมบูรณ์
เขาต้องควบคุมตัวเองอย่างมากที่จะไม่ใช้นิ้วที่หกของเขาซึ่งปรากฏขึ้นหลังจากผ่านมาแล้ว 4 ปี เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเขาต้องต่อสู้โดยไม่มีสกิวหรือเรี่ยวแรงที่มากมายอะไรเลย
ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้รับพลังบางอย่างมาแล้ว สัญชาตญาณของโนอาห์พูดกับเขาเพียงว่า
“เรียกมันออกมา”
แต่ 4 ปีที่ผ่านมากับการต่อสู้โดยไม่มีสกิลหรือทักษะใดๆสอนให้เขาระมัดระวังและซ่อนพลังที่แท้จริงของตัวเองไว้เสมอเพื่อใช้กับศัตรูเท่านั้น
แม้ว่าเขาต้องการใช้เปลวไฟนี้จริงๆแต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม หรือเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมัน เนื่องจากคนอื่นๆจะสามารถรับรู้และสังเกตได้ว่ามีอะไรแปลกไปเกี่ยวกับเขาหรือไม่
‘ปล่อยไว้ดีกว่า ตอนฉันอยู่ในป้อมปราการ’ โนอาห์คิดกับตัวเอง
หลังจากผ่านไปหลายปีในที่สุดโนอาห์ก็เข้าใจว่าการควบคุมพรของตนเองรู้สึกอย่างไร แม้ว่าเขาจะไม่เคยควบคุมเปลวไฟมาก่อนในชีวิต แต่ตอนนี้โนอาห์รู้ได้โดยสัญชาตญาณของเขาทันทีว่าจะควบคุมเปลวไฟแห่งนรกนี้ได้ยังไง และเขาก็รู้สึกว่าเปลวไฟนี้ยังคงอ่อนแอมาก
เมื่อจำข้อความที่สองที่ระบบส่งถึงเขาโนอาห์จึงตัดสินใจลองพูดตามที่ระบบแนะนำ
‘ข้อมูลส่วนตัว’
[ผู้ใช้: โนอาห์ สเติร์น]
[เลเวล: 01]
[ประสบการณ์: 0/100]
[HP: 10/10]
[ความแข็งแรง: 10]
[ความคล่องตัว: 10]
[ความแข็งแกร่ง: 10]
[สกิว:
[เปลวไฟแห่งนรก เลเวล: 01
คำอธิบายสกิว: เทคนิคที่ประกอบไปด้วยการอัญเชิญเปลวไฟแห่งนรกขึ้นมา เปลวไฟแห่งนรกไม่ต่างไปจากเปลวไฟธรรมดา แต่หลังจากชำระคนบาปและบาปมากมายมันก็กลายเป็นเปลวไฟที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถเผาได้กระทั้งเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิง เพื่อเพิ่มพลังของความสามารถนี้คุณจะต้องเผาบาปหรือคนบาป]
เมื่ออ่านคำอธิบายความสามารถแล้ว ดวงตาของโนอาห์ก็เบิกกว้าง เขารู้ดีว่าพรที่เทพเจ้าประทานให้กับมนุษย์สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งได้ตามกาลเวลา แต่เขาไม่เคยได้ยินถึงวิธีการพัฒนาด้วยวิธีที่ไร้สาระเช่นนี้
จากสิ่งที่เขาค้นพบขณะค้นคว้าการพัฒนาที่น่าทึ่งที่สุดคือผู้ที่ได้รับพรแห่งการรักษา ในตอนแรกเธอสามารถรักษาบาดแผลภายนอกได้เพียงเล็กน้อย แต่ด้วยการใช้พรของเธอเองสวดอ้อนวอนต่อเทพีแห่งชีวิตและฝึกฝนตัวเองหลายปีพรของเธอก็มีพลังมากพอที่จะรักษาบาดแผลขนาดใหญ่หรือแม้แต่ทำให้อวัยวะเล็กๆเหมือนนิ้วงอกขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าพรของเธอเป็นพรระดับสูง
ตอนนี้ทักษะที่เขาได้มานั้นไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเปลวไฟทั่วไป แต่ตามคำอธิบายของทักษะนี้หากโนอาห์ใช้ทักษะนี้ต่อไปและยกระดับของเขาด้วยการเผาบาปและคนบาปเปลวไฟจะมีพลังมากพอที่จะเผาไหม้แม้กระทั่งพระเจ้าเอง…ช่างไร้สาระสิ้นดี!? มันเป็นเรื่องบ้ามากหากเขาจะเชื่อเพียง เพราะถ้าเป็นยังงั้นพรที่เขาได้รับนั้นอาจจะเป็นพรระดับ A…หรือไม่ก็อาจจะเป็นระดับ S เลยด้วยซ้ำ…แต่ความคิดนี้ก็ไม่ได้อยู่ในความคิดของโนอาห์นานกว่าสองสามวินาที หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยความคิดนี้ไป
ในเวลาที่ถูกทารุณกรรมและต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง มีสิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้นั่นคือการมีความหวังไม่ต่างจากการหลอกตัวเอง ไม่ว่าเปลวไฟของเขาจะไปถึงจุดไหนในอนาคต สิ่งที่สำคัญสำหรับเขาคือตอนนี้คือถึงมันแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็จะไม่ประมาทเพราะเขาประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป
โดยที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นมือของเขาเริ่มออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนเขากำมันแน่น แน่นจนหยดเลือดเริ่มไหลออกมาเล็กน้อย นี่ไม่ได้เกิดจากความโกรธหรือความรู้สึกเชิงลบใดๆ ถ้ามีใครมองเข้าไปในดวงตาของโนอาห์ตอนนี้ พวกเขาจะเห็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกับแต่ก่อนที่โนอาห์มักจะมีใบหน้าที่เย็นชา จริงจัง และไร้อารมณ์ แต่ตอนนี้ลึกๆแล้วเขากำลังเปลี่ยนไปเป็นรูปลักษณ์ที่มุ่งมั่น มุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อช่วยเธอ
“เอาล่ะทุกคนเรามาถึงกันแล้ว บูธสำหรับฝากของส่วนตัวอยู่ในสถานที่ปกติถ้าคุณเพิ่งมาใหม่ก็เดินตามคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดเท่าที่จะหาได้” จู่ๆคนขับรถบัสก็พูดสั่งการออกมา
หากพวกเขาเป็นผู้ถูกเลือกระดับ D การปฏิบัติต่อพวกเขาจะดีขึ้นมาก เนื่องจากสำหรับรัฐบาล ผู้ถูกเลือกระดับ F เป็นเพียงปืนใหญ่ที่ใช้ในการทำความสะอาดขยะที่นักผจญภัยคนอื่นคิดว่าไร้ค่า กล่าวคือป้อมปราการที่เหลืออยู่ให้กับการผู้ถูกเลือกระดับ F นั้นแทบจะไม่ได้กำไรเลย ซึ่งบ่อยครั้งแทบจะไม่เพียงพอที่จะมีเงินเหลือในช่วงสิ้นเดือนด้วยซ้ำ มีเพียงบางครั้งที่มีเงินเหลืออยู่เล็กน้อยคือเมื่อมีคนจำนวนมากเสียชีวิตในระหว่างการเข้าไปจัดการหอคอย ดังนั้นครึ่งหนึ่งของกำไรของใครก็ตามที่เสียชีวิตจึงตกเป็นของครอบครัวและอีกครึ่งหนึ่งตกเป็นของใครก็ตามที่ยังมีชีวิตอยู่ในที่สุด
ผู้ถูกเลือกระดับ D หรือสูงกว่ามักจะเริ่มต้นในป้อมระดับ E เนื่องจากป้อมปราการเหล่านี้ไม่ได้ยากนักและอย่างน้อยก็จะสร้างกำไรให้กับใครก็ตามที่บุกเข้ามา ดังนั้นที่นี่ในป้อมปราการระดับ F มีเพียงผู้ถูกเลือกระดับ F และ E เท่านั้นที่ดูเหมือนจะต้องเข้าไปท้าทายเพื่อเอาชีวิตรอดกลับมาในเมือง
โนอาห์ยังสงสัยว่าทำไมผู้คนถึงชอบมาที่ป้อมปราการระดับ F โดยรู้ถึงอันตรายและผลกำไรเพียงเล็กน้อย แต่หลังจากได้รู้ว่าคนเหล่านี้คิดว่าความแข็งแกร่งและการเลื่อนระดับการจัดระดับของพวกเขาเพื่อร่ำรวยขึ้นเป็นไปไม่ได้ พวกเขาตระหนักได้ว่าไม่มีทางพัฒนาต่อไปได้อีก และพรของพวกเขาก็มาถึงทางตัน พวกเขาจึงอยู่ที่นี่และทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อลงจากรถบัสโนอาห์เห็นเด็กวัยรุ่นเดินตามผู้ใหญ่และหัวเราะเล็กน้อยกับมุมมองที่แตกต่างระหว่างผู้ที่ไม่เคยประสบกับความยากลำบากของป้อมปราการและผู้ที่ใช้ชีวิตมาทั้งชีวิตที่ต้องเสี่ยงภัยในนรกเช่นนี้
แต่ครั้งนี้โนอาห์รู้สึกแตกต่างออกไป คราวนี้แทนที่จะเป็นความกังวลอันใหญ่โตที่ปกติเขาแบกไว้บนหลังของเขา ตอนนี้เขารู้สึกเบาขึ้นเมื่อเขารู้สึกถึงการควบคุมเปลวไฟแห่งนรกที่เขาครอบครองอยู่ โนอาห์เห็นป้อมปราการเป็นฟาร์มหมูที่สวยงามรอให้เขาเริ่มฆ่าหมูอ้วนที่เรียกว่าสัตว์ประหลาด
“หึหึ…แม้ว่านายจะได้เป็นผู้ถูกเลือกมาหลายปีแล้ว แต่นายก็ยังมีแค่ HiPhone XX อยู่ นายรู้หรือเปล่าว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มันล้าสมัยไปนานแค่ไหนแล้ว มันยังส่งข้อความได้อยู่ไหมนั้น ฮ่าๆ”
วัยรุ่นคนหนึ่งหัวเราะกับโทรศัพท์ของโนอาร์ ในขณะที่วัยรุ่นคนนั้นวาง HiPhone ZY ของเขาไว้ในตู้เสื้อผ้าชั่วคราวที่ใช้เก็บของของผู้ถูกเลือก
“ใช่ บางทีชีวิตของผู้ถูกเลือกระดับ F แบบนายก็ไม่ได้มีค่าขนาดนั้นนะ…” เด็กวัยรุ่นหัวเราะด้วยความรังเกียจ