กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 40
โนอาห์รออีกไม่นานสำหรับโอกาสที่เขาต้องการ แม้ว่าหัวหน้าก็อบลินจะพยายามใช้ความสามารถของมันในการหลบความสามารถที่อันตรายสำหรับมันออกไป แต่กลุ่มผู้ถูกเลือกทุกคนก็เข้าใจดีว่าหัวหน้าก็อบลินต้องพยายามมากกว่าเดิม เพราะก่อนที่มันจะใช้ความสามารถนี้มันจะต้องใช้สมาธิมากขึ้นและนั่นก็ทำให้ผู้ถูกเลือกเห็นถึงความแตกต่างและรู้ว่าหัวหน้าก็อบลินจะใช้ความสามารถนี้เมื่อไหร่
หลังจากนั้นอีกไม่นานกลุ่มผู้ถูกเลือกก็สร้างบาดแผลให้กับหัวหน้าก็อบลินได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกธนูที่ยังติดอยู่กับร่างกายของมัน รอยดาบขนาดใหญ่ที่ทำให้ผิวหนังของมันฉีกขาด และยังไม่ได้รวมไปถึงอาการบาดเจ็บต่างๆที่เกิดขึ้นจากนักเวทย์
ในระหว่างนั้นหัวหน้าก็อบลินไม่ได้เป็นเพียงความกังวลเดียวของคนในกลุ่มเท่านั้น เหล่าก็อบลินนักฆ่ายังคงออกมาโจมตีทุกคนที่ไม่ได้เตรียมตัว แต่พวกมอนเตอร์กลับไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะพวกมันไม่เคยทำสำเร็จ เหตุผลเป็นเพราะโนอาห์จะคอยเข้ามาขัดขวางได้ทันเวลา แม้ว่าในบางครั้งโนอาห์จะล้มเหลวและมาไม่ทัน แต่สุดท้ายแล้วก็อบลินมือสังหารก็จะทำได้เพียงทิ้งบาดแผลไว้ได้ไม่กี่คนเท่านั้นหลังจากนั้นโนอาห์ก็จะมาทันทีและสังหารพวกมัน
และการทำสิ่งนี้ของโนอาห์นอกจากจะทำให้เขาได้ค่าประสบการณ์สำหรับสกิลและตัวเขาเองแล้ว มันยังกลายเป็นแหล่งพลังงานเล็กๆให้กับเขาด้วย การเผาศพเหล่านี้ทำให้ตอนนี้โนอาห์สามารถใช้ความสามารถในการเคลื่อนย้ายได้สองสามครั้ง และเขาจะใช้ก็ต่อเมื่อคนที่เขากำลังไปช่วยมีโอกาสเสียชีวิตและโนอาห์จะไปที่นั่นได้ไม่ทันเวลา
สถานการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้โนอาห์สังเกตเห็นบางอย่าง ความสามารถของ [เปลวไฟแห่งนรก] กลายเป็นพลังเพียงอย่างเดียวที่เขามีเพื่อใช้ในการฟื้นฟูพลังงานในปัจจุบัน แม้ว่าความสามารถของ [อุโมงค์นรก] จะเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมากซึ่งมันอาจจะเพิ่มความแข็งแกร่งของโนอาห์และศักยภาพในการต่อสู้ของเขาอีกสองสามเท่า แต่น่าเสียดายที่ความสามารถนี้ใช้พลังงานของเขาอย่างเดียวเท่านั้น หากเขาไม่มีมอนเตอร์ให้เผาและใช้เป็นเชื้อเพลิงเขาจะเสี่ยงต่อการหมดพลังงานและปล่อยให้ตัวเองไม่มีการป้องกัน
‘ยังไง [เปลวไฟแห่งนรก] ก็ยังคงเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับฉันอยู่ดี’ โนอาห์คิด
เมื่อตระหนักว่าหัวหน้าก็อบลินกำลังหอบและเริ่มอ่อนแอจากการใช้ความสามารถของมันในการหลบหลีก โนอาห์จึงตัดสินใจที่จะยุติการต่อสู้ในตอนนี้ด้วยการใช้ [อุโมงค์นรก] อีกครั้งเพื่อไปปรากฏตัวข้างๆกับหัวหน้าก็อบลิน
แต่ในขณะที่เขาใช้ [อุโมงค์นรก] เขากลับรู้สึกว่าเขากำลังถูกโอบกอดด้วยบางสิ่งที่แสนสบาย ตามคำอธิบายของทักษะนี้ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาอาจจะลงไปที่นรกและกลับมาอีกครั้ง
‘บางทีอาจเป็นเพราะการที่ฉันมีสายเลือดของลูซิเฟอร์อยู่ในร่างกายนั่นเลยทำให้ฉันรู้สึกสบายเมื่อฉันลงไปที่นรกงั้นหรอ?’ โนอาห์สร้างสมมุติฐาน
เขาคิดอยู่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ปล่อยความคิดนั้นทิ้งไป เขายกมีดสั้นที่ขโมยมาจากหัวหน้าก็อบลินขึ้นที่แขนขวาและใช้ประโยชน์จากหัวหน้าก็อบลินที่อ่อนแรงลงไม่เหมือนกับตอนแรกที่พวกเขาเริ่มต่อสู้ เขาฟันเข้าไปที่ส่วนท้องของหัวหน้าก็อบลินทำให้มันมีบาดแผลทันที จากนั้นโนอาห์ไม่รอช้าเขาเรียกลูกไฟขึ้นที่มืออีกข้างหนึ่งและไม่ปล่อยให้โอกาสหัวหน้าก็อบลินได้ทันตั้งตัว เขาปล่อยลูกไฟนั้นที่ใส่พลังจำนวนมากของเขาเข้าไปที่บาดแผลนั้นทันที
เปลวไฟจำนวนมากลุกท่วมหัวหน้าก็อบลินทะลุผ่านบาดแผลที่โนอาห์สร้างและลุกลามไปยังบาดแผลของคนอื่นๆด้วยเช่นกัน หัวหน้าก็อบลินก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน ในที่สุดมันก็ล้มลงกับพื้น
แม้ว่าก่อนหน้านี้ผิวหนังของหัวหน้าก็อบลินจะต้านทานได้แทบทุกอย่าง แต่สำหรับมันแล้วเปลวไฟเหล่านี้ได้สร้างอาการบาดเจ็บให้กับมันได้มากมาย ตอนนี้ผิวหนังของมันเต็มไปด้วยบาดแผลแล้วและเปลวไฟสามารถเข้าไปในเนื้อและกล้ามเนื้อของหัวหน้าก็อบลินได้โดยตรง มันไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไปและล้มลงกับพื้นและดิ้นทุรนทุราย
น่าเสียดายสำหรับหัวหน้าก็อบลินความเจ็บปวดนั้นมากจนมันไม่สามารถมีสมาธิเพียงพอที่จะใช้ความสามารถของตัวเองได้ และนั่นทำให้มนุษย์ใช้ประโยชน์จากการที่มันนอนอยู่บนพื้นและจบชีวิตมันลง
เมื่อหัวหน้าก็อบลินหยุดหายใจเปลวไฟของโนอาห์ก็ยังคงแผดเผาตัวของมันอยู่จนในที่สุดก็เหลือแต่เพียงเถ้าถ่านเท่านั้น สิ่งเดียวที่โนอาห์ควบคุมเปลวไฟของเขาไม่ได้ลุกลามไปโดนด้วยนั่นคือธนูไม้ที่แปลกประหลาดและทรงพลัง เพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นอาวุธที่ได้รับพรมาแล้วเช่นกัน
“ว้าว…พวกเราทำได้ดีเลยทีเดียวน่าเสียดายที่ยังมีคนตายอยู่ แต่ไม่อยากจะคิดเลยว่าหัวหน้ามอนเตอร์ในป้อมปราการระดับ E จะมีอาวุธที่ได้รับพรมากมายขนาดนี้” แจสเปอร์พูดกับคนในกลุ่มขณะที่เขานั่งลงบนพื้นหญ้าเพื่อพักผ่อน
เมื่อได้ยินสิ่งที่แจสเปอร์พูดการจ้องมองของผู้ถูกเลือกแต่ละคนก็เปลี่ยนไปที่อาวุธที่ได้รับพรทั้งสามชิ้นที่หัวหน้าก็อบลินเคยมีพร้อมกับความปรารถนาบนใบหน้าของพวกเขา แม้แต่นักเวทย์ที่ไม่สามารถใช้อาวุธประเภทใดประเภทหนึ่งได้ แต่พวกเขาก็ยังมีความโลภที่อยากให้อาวุธขายไปเพื่อเพิ่มจำนวนเงินที่จะได้จากป้อมปราการ แต่เมื่อพวกเขามองไปที่โนอาห์และเห็นว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะแยกตัวเองออกจากมีดสั้นที่เขาหยิบมาจากหัวหน้าก็อบลินพร้อมกับความคิดของพวกเขาที่ว่าโนอาห์ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้หลายครั้งแล้วหากไม่มีโนอาห์พวกเขาก็คงตายไปแล้ว พวกเขาจึงหยุดมองมีดสั้นที่อยู่ในมือของโนอาห์ และเปลี่ยนความสนใจไปที่มีดสั้นอีกเล่มและธนูอีกคันเท่านั้น
แจสเปอร์ที่กำลังพักผ่อนมองไปที่โนอาห์และตระหนักว่าพวกเขาคิดผิดแค่ไหนในตอนก่อนที่พวกเขาจะบุกเข้ามาในป้อมปราการ
เนื่องจากความคิดของอบิเกลทำให้คนในกลุ่มนี้ปฏิบัติต่อโนอาห์ว่าเขาเป็นเพียงคนอ่อนแอที่เพิ่งมาที่ป้อมปราการระดับ E และหวังที่จะไม่ทำอะไรเลยและทำเงินได้มากขึ้นเพียงแค่อยู่กับกลุ่มเท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทุกคนคิดทั้งหมด
แจสเปอร์แน่ใจว่าโนอาห์ไม่ได้ใช้เวลาอยู่คนเดียวในป้อมปราการเพียงแค่ซ่อนตัวหลังจากเห็นว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน เขาไม่เพียงแต่ที่จะคล่องแคล่วและควบคุมมีดได้ดี เขายังคงมีเปลวไฟที่แปลกประหลาดที่ทำให้เหล่ามอนเตอร์กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดสิ้นหวังราวกับพวกมันถูกทำลาย นอกจากนั้นเขายังมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายที่แปลกประหลาดซึ่งทำให้เขาเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในสนามรบ และด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้มันไม่แปลกเลยที่เขาจะไล่ฆ่าสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่าเขาด้วยความเร็วและความคล่องตัวที่ไร้เหตุผลนี้
แจสเปอร์เคยได้ยินเกี่ยวกับผู้ถูกเลือกที่มีพรมากกว่าหนึ่งความสามารถจากสิ่งที่เทพเจ้ามอบให้ แต่สิ่งที่ค่อนข้างหายากเนื่องจากทั่วไปแล้วเทพเจ้าจะมองทักษะอย่างเดียวให้กับคนหนึ่งคน แต่เขาก็แน่ใจในสิ่งที่เขาเคยได้ยิน เพราะในช่วงหลายปีหลังจากที่แจสเปอร์ได้รับพร แจสเปอร์ก็ได้พบกับผู้ถูกเลือกบางคนที่มีความสามารถสองอย่างที่เทพเจ้ามอบให้ในระหว่างการอวยพร แม้กระทั่งครั้งหนึ่งเขายังเคยพบกับผู้ถูกเลือกที่มีพรถึงสามอย่างแต่อย่างที่สามนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ถูกเลือกคนนั้นพัฒนาได้เองจากการฝึกฝนของเธอ
แจสเปอร์รู้ว่าตัวเองแข็งแกร่ง เขาได้รับพรระดับ C และความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับสูงสุดของระดับ E และเกือบจะถึงระดับ D แล้ว แต่เมื่อเทียบกับโนอาห์แม้เขาจะใช้พรของเขาจนถึงขีดสุด และเพิ่มความเร็วของเขาขึ้นเกือบสองเท่า แต่แจสเปอร์ก็ไม่มีความมั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะโนอาห์ได้ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวได้ เขารู้ว่าถ้าเขาไม่เตรียมพร้อมและใช้พรของตัวเองก่อนเขา เขาก็จะไม่มีโอกาสรอดเลย เพราะเขาอาจจะไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาหากโนอาห์เคลื่อนย้ายมาที่ด้านหน้าของเขา
เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มอายุ 20 ปีตรงหน้าแล้วแจสเปอร์ก็เริ่มคาดเดาว่าโนอาห์มีพรอย่างน้อยระดับ C และด้วยทักษะที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว บางทีเมื่อเขาไปถึงจุดสูงสุดของระดับ C ศักยภาพในการต่อสู้ของเขาอาจจะมากกว่าผู้ถูกเลือกระดับ B บางคนด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าโนอาห์มีความสามารถเพียงใดแจสเปอร์จึงตัดสินใจลุกขึ้นจากพื้น และเดินไปหาโนอาห์เพื่อพูดคุยบางอย่างกับเขา