กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 62
ขณะที่กลุ่มกำลังค้นหามอนเตอร์ตัวอื่นๆเพื่อค้นหาเส้นทางไปยังที่อยู่ของหัวหน้าป้อมปราการ แจสเปอร์ก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อโน้วน้าวให้มาร์เซลปล่อยให้โนอาห์รับหน้าที่ในตอนแรกที่เขาได้รับต่อไป
“มาร์เซล ฟังฉันนะ ฉันชวนเขามาเข้ากลุ่มของเราเพื่อช่วยฉัน ฉันรู้ว่าเขาเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง แต่เขาก็เป็นนักสอดแนมที่ดีมากเช่นกัน”
มาร์เซลเริ่มโกรธแจสเปอร์แล้วในขณะนี้ เพราะเขามีความมั่นใจในการตัดสินของตัวเอง สิ่งที่เขาเห็นในตัวโนอาห์คือโนอาห์ไม่ใช่นักเวทย์ระดับต่ำ พรของโนอาห์น่าจะสูงพอๆกับเขา หรืออาจจะอยู่ในระดับ B หรือแม้กระทั่งระดับ A เลยด้วยซ้ำ มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่มาร์เซลจะเสียพรสวรรค์ด้านเวทยมนตร์อันยอดเยี่ยมนี้ไปและให้เขาไปอยู่ในต่ำแหน่งสอดแนม
“แจสเปอร์ ฉันตัดสินใจไปแล้ว และที่ฉันตัดสินใจแบบนี้เพราะฉันคิดว่ามันดีที่สุดสำหรับกลุ่มของเรา จากที่ฉันเห็นพรของเขา เขาเป็นนักเวทย์ระดับสูง รู้ไหมว่าการหานักเวทย์แบบนี้มันยากแค่ไหนกัน” เขาอธิบายให้แจสเปอร์ฟัง และเขายังพูดต่อว่า
“ยิ่งกว่านั้นนายบอกว่าเขาเก่งในด้านการสอดแนม แต่ฉันคิดว่ามันยากมากที่จะเป็นทั้งคนสอดแนมและนักเวทย์ได้พร้อมๆกัน ดังนั้นจากสิ่งที่เขาแสดงให้ฉันเห็นฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักเวทย์ได้ดีกว่าคนสอดแนมอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่มาร์เซลพูด แจสเปอร์ก็เริ่มรู้สึกอยากจะดึงหูของตัวเองออกด้วยความหงุดหงิด ถ้ามาร์เซลได้เห็นโนอาห์ในป้อมปราการป่าก็อบลินแล้วละก็ เขาคงรู้ว่าแจสเปอร์กำลังพูดถึงอะไร โนอาห์มีเวทมนตร์แห่งไฟที่ทรงพลังมากและสร้างความเสียหายได้มากก็จริง แต่นั่นไม่ใช่เวทมนตร์ที่แจสเปอร์ชื่นชมมากที่สุด สิ่งที่เขาชื่นชมมากที่สุดก็คือการระเบิดที่ส่งโนอาห์จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ทันที ถ้าแจสเปอร์ได้รับพรนั้น เขาก็คงจะเข้าใกล้ระดับ D มากขึ้นไปอีก
แต่เมื่อแจสเปอร์เห็นการขมวดคิ้วที่ก่อตัวขึ้นบนใบหน้าของมาร์เซล เขาจึงตัดสินใจเงียบ เขารู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาโนอาห์จะใช้ทักษะนั้นเองอย่างแน่อนน ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่มาร์เซลจะตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง แต่สำหรับตอนนี้แจสเปอร์จะต้องอดทนกับภารกิจกระโดดไปรอบๆเพื่อพยายามโค่นล้มหมูป่าจากข้างด้านบนนกเพียงคนเดียวไปก่อน
อย่างที่มาร์เซลได้พูดกับทุกคนในช่วงเริ่มต้นของการบุกป้อมปราการ เพราะแจสเปอร์เป็นผู้สอดแนมเพียงคนเดียวในทีม พวกเขาจึงจำเป็นต้องหยุดเป็นครั้งคราวเพื่อที่จะให้แจสเปอร์ได้พักผ่อนก่อนที่พวกเขาจะได้ไปต่อ เนื่องจากแจสเปอร์เป็นคนเดียวที่จะต้องเอาหมูป่าลงจากตัวของนกคลั่ง
หลายครั้งที่แจสเปอร์มองโนอาห์ราวกับกำลังหลอกให้เขาแสดงฝีมือให้คนอื่นเห็นเพื่อที่เขาจะได้พักผ่อน แต่โนอาห์กลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นสัญญาณเหล่านี้และเดินต่อไปอย่างใจเย็นราวกับกำลังเดินผ่านสวนสาธารณะ โดยที่เขาไม่ทำให้ตัวเองเหงื่อออกแม้แต่หยดเดียว ในทางกลับกันตอนนี้แจสเปอร์มีเหงื่อออกและเสื้อผ้าของเขาก็เปียกเป็นอย่างมาก
คนที่เหลือในกลุ่มได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อโนอาห์แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาปฏิบัติต่อโนอาห์ด้วยความเฉยเมยและดูถูกเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่มีใครที่คิดกับเขาแบบนั้นได้อีกต่อไป บางคนถึงกับพยายามเริ่มสนทนากับเขา เพราะพวกเขารู้ดีว่าด้วยความแข็งแกร่งของโนอาห์ เขาอาจจะเข้าร่วมทีมได้ ไม่มีทางที่มาร์เซลจะไม่ยอมให้นักเวทย์ผู้ทรงพลังเข้ากลุ่มของพวกเขา
โนอาห์เริ่มไม่อยากคุยกับคนเหล่านี้ เขาต้องการรักษาระยะห่างเล็กน้อยและไม่อยากพูดถึงเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากเรื่องสำคัญ แต่เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเขาจะได้พบกับคนเหล่านี้ในเกือบทุกป้อมปราการจากนี้ไปซึ่งพวกเขาจะต้องเชื่อใจกัน โนอาห์ก็ทิ้งปัญหาที่มีกับคนเหล่านี้ไว้และพยายามเป็นมิตรมากขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้มีความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคตและเพิ่มพลังในการต่อสู้ให้กับกลุ่มของพวกเขา
ระหว่าง “เดินเล่นในสวนสาธารณะ” ของโนอาห์ กลุ่มของเขาก็ได้จัดการฆ่ามอนเตอร์หลายตัวระหว่างทาง คนเดียวที่เหนื่อยมากที่สุดคือแจสเปอร์และผู้ถูกเลือกที่ต่อสู้ในระยะประชิด พวกเขาต้องวิ่งไปฆ่าหมูป่าที่ตกลงมาจากนกที่โนอาห์ไม่ได้ฆ่ามันในอากาศ
โนอาห์เริ่มตระหนักได้ว่าการควบคุมลูกไฟของเขานั้นไม่เป็นประโยชน์สำหรับเขาในระยะยาว เนื่องจากปริมาณพลังงานที่เขาต้องใช้เมื่อเทียบกับที่เขาได้รับจากการเผาซากศพมันไม่คุ้มกัน เพราะเขาต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติถึง 4 เท่า และยิ่งเมื่อโนอาห์พยายามปรับการเล็งลูกไฟแล้วพลาด ทำให้เขาต้องใช้พลังงานมากขึ้นไปอีก
ถ้าหากคำนวณจากพลังงานที่เขามีในตอนนี้แล้วถ้าเขาทำตามขั้นตอนนี้ต่อไป โนอาห์จะใช้พลังงานหมดในป้อมปราการเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นเขาจึงต้องเลิกใช้ลูกไฟกับหมูป่าที่ตกลงมาจากนกคลั่ง
ปริมาณค่าประสบการณ์ที่โนอาห์ได้รับในป้อมปราการนี้ดีมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้แยกตัวออกจากกลุ่ม แต่เนื่องจากกลยุทธ์ในการกำจัดมอนเตอร์ของเขา ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์สูงขึ้นจากปกติอย่างมาก
น่าเสียดายที่ “วันหยุด” ที่ใช้ไปใน “สวนสาธารณะ” ที่โนอาห์คิดว่าเขามาเดินเล่นและได้ค่าประสบการณ์ไปง่ายๆก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกรีดร้องที่แตกต่างจากปกติที่พวกเขาเคยได้ยินมา
“กี้!!!”
“บ้าเอ๊ย คราวนี้อะไรอีกล่ะ” แจสเปอร์ถามเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่าเขาอารมณ์ไม่ดี
อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆไม่ได้สนใจต่อความรู้สึกของเขาและเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเสียงร้องที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน
“เสียงกรีดร้องแบบนี้แสดงว่าเราอยู่ใกล้กับรังของหัวหน้าป้อมปราการไม่มากแล้ว จากการคำนวณของฉัน เราเคลียร์พื้นที่รอบป้อมปราการมาแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็น เสียงกรีดร้องนี้จะต้องเป็นหัวหน้าของป้อมปราการอย่างแน่นอน” ชายวัยกลางคนที่มีแผนที่อยู่ในมือเริ่มพูดกับตัวเอง ชายคนนี้เป็นนักธนูของกลุ่ม เขาได้ศึกษาการทำแผนที่มามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชี่ยวชาญด้านการทำแผนที่สำหรับป้อมปราการ และสิ่งนี้ช่วยให้การบุกป้อมปราการง่ายขึ้นมาก มากจนทำให้เขาเป็นผู้เขียนแผนที่อย่างเป็นทางการของกลุ่มนี้
แต่เขาก็ยังไม่ได้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น คนอื่นๆก็เช่นกัน เนื่องจากพวกเขาเคยมาที่ป้อมปราการนกคลั่งมาแล้วครั้งหนึ่ง และเสียงกรีดร้องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องแบบนี้
เสียงนกกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็ปรากฏทางทิศเหนือ บางครั้งก็ปรากฏทางทิศตะวันออก คราวต่อมาปรากฏทางทิศใต้ ราวกับว่ามันอยู่รายล้อมกลุ่มของพวกเขา ซึ่งเหตุการณ์นี้มันเหมือนกับนักล่าที่ทำกับเหยื่อของพวกมัน
โนอาห์ไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้ว่านกตัวนี้เป็นนกคลั่งอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังมากกว่าตัวอื่นๆ โนอาห์รู้สึกราวกับว่าเขาได้ยินเสียงคำรามของสิงโตตัวโตที่โตเต็มวัยพร้อมกับเสียงคำรามของลูกสิงโตตัวเล็กๆ แม้ว่าจะรู้ว่าทั้งสองเป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่มันก็ยังมีความแตกต่างในเสียงคำราม และความแตกต่างนี้ก็สร้างความรู้สึกที่แตกต่างกันให้กับผู้ฟังโดยสิ้นเชิง
ผู้ถูกเลือกคนที่อ่อนแอที่สุดบางคนถึงกับมือสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนี้
มาร์เซลหัวหน้ากลุ่มก็เช่นกัน เขารู้ว่าเขาต้องระดมทีมเพื่อไม่ให้พวกเขาสับสนว่าต้องทำอะไรและไม่ให้ทีมของเขาจบลงด้วยการถูกซุ่มโจมตีและสังหาร แต่เขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน แต่ในฐานะผู้นำของมาร์เซลเขาคิดอย่างรวดเร็วถึงคำสั่งที่สมเหตุสมผลที่สุดและตะโกนใส่ทุกคนว่า
“เร็ว! มารวมตัวกันและเข้าสู่รูปแบบการต่อสู้กับหัวหน้าป้อมปราการนี้ เราไม่รู้ว่าเรากำลังเจอกับอะไรอยู่ แต่เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องที่เลวร้ายที่สุด!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของมาร์เซลคนที่ไม่ได้สูญเสียสติจากเสียงร้องของนกก็เริ่มทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว โดยพวกเขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลและปลอดภัยที่สุดที่ต้องทำ แม้แต่แจสเปอร์ที่ตอนนี้เขากำลังเหนื่อยอยู่นิดหน่อย เขาก็วิ่งหนีเข้ามารวมกับกลุ่มเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งอยู่ตามลำพังและมีโอกาสถูกมองว่าเขาเป็นเหยื่อ
เมื่อมองจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง โนอาห์ก็พยายามระบุว่าเกิดอะไรขึ้น มอนเตอร์ตัวนี้คือตัวอะไรกันแน่ อะไรทำให้มอนสเตอร์ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้น? แต่ยิ่งเขาถามตัวเองมากเท่าไหร่ คำถามก็เกิดขึ้นในหัวมากขึ้นเท่านั้น
จนกระทั่งสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“ฟ่อออ”
ที่ข้อมือของโนอาห์ จู่ๆลิลิธก็ตื่นขึ้นแล้วส่งเสียงขู่อย่างโกรธจัดไปที่มอนเตอร์ตัวใหญ่ที่บินอยู่รอบๆกลุ่มโดยที่มันยังไม่ได้แสดงตัวออกมา