กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 67
“เฮ้อ ฉันคิดว่าฉันกำลังจะตายจริงๆซะแล้ว” แจสเปอร์พูดด้วยสีหน้างุนงงในขณะที่เขามอง้ดูท้องฟ้าสีฟ้าของดาวเคราะห์ซีต้าอย่างมีความสุข
ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆไม่เคยได้มองดูท้องฟ้าสีครามแล้วมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิตของพวกเขาเลย
“แว๊บหนึ่ง ฉันคิดว่าหลุมฝังศพของฉันจะอยู่ใต้ท้องฟ้าสีแดงซะแล้ว” นักเวทย์สายฟ้าในกลุ่มกล่าวขณะใช้โทรศัพท์มือถือของเขาที่เพิ่งหยิบออกมาจากตู้เก็บสัมภาระและถ่ายภาพท้องฟ้าสีฟ้าเพื่อใช้เป็นพื้นหลังของโทรศัพท์มือถือ
โนอาห์เข้าใจความรู้สึกของพวกเขา เพราะโนอาห์ก็คิดเช่นเดียวกับพวกเขาเหมือนกัน โนอาห์คิดว่าเขากำลังจะตายในป้อมปราการนั้น แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับผู้ถูกเลือกระดับ E แต่มอนสเตอร์ตัวนั้นก็มีระดับเหนือกว่าพวกเขาทั้งหมดหลายระดับ โนอาห์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะมีพลังเพียงพอที่จะทำให้มีดสั้นของเขาแทงทะลุผิวหนังของมอนสเตอร์ตัวนั้นหรือเปล่า อีกทั้งเขาก็ไม่รู้อีกว่าเปลวไฟของเขาได้ชำระบาปเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับมอนเตอร์ตัวนั้นได้จริงหรือไม่ เพราะขนาดหัวหน้าก็อบลิน หรือ หัวหน้าหมูป่าเปลวไฟของเขาก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับพวกมันได้มากนัก นับประสาอะไรกับนกตัวนั้น
หลังจากให้ข้อมูลต่างๆกับตัวแทนรัฐบาลแล้ว โนอาห์ก็ได้รับแจ้งว่าเขาได้เลื่อนระดับจากระดับ F ไปเป็นระดับ E เนื่องจากการทำงานที่ยอดเยี่ยมที่เขาทำในป้อมปราการทั้งสองที่เขาเข้าร่วมซึ่งทั้งสองป้อมปราการมีระดับ E
ผู้ถูกเลือกอาจพยายามหลอกรัฐบาลในการให้ข้อมูลต่างๆเพื่อเลื่อนระดับของตัวเอง แต่ถ้าหากการให้ข้อมูลของแต่ละคนไม่ตรงกัน ผู้ถูกเลือกที่ให้ข้อมูลเท็จจะได้รับโทษหนักมาก และด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆจึงเลิกพยายามให้ข้อมูลเท็จเพื่อยกระดับของตัวเอง
แน่นอนว่ายังมีคนพยายามทำแบบนั้นแต่พวกเขาก็ต้องล้มเหลวอย่างน่าสมเพช และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่โนอาห์สนใจ สิ่งที่โนอาห์สนใจจริงๆในตอนนี้คือ เขาจะหาเงินได้จากไข่ที่อยู่ในกระเป๋าของเขาได้ขนาดไหนกันแน่
โนอาห์ได้บอกตัวแทนรัฐบาลว่าเขาได้รับไข่นกออกมาจากป้อมปราการนี้ด้วย แต่เขาบอกว่าเขาก็ไม่รู้ว่าพวกมันมาจากนกอะไร เขาแค่คิดว่ามันมาจากนกคลั่ง
รัฐบาลได้คิดหาวิธีที่จะรองรับผู้ถูกเลือกที่นำไข่มอนเตอร์ออกมาจากป้อมปราการแล้ว เพราะทุกวันนี้การนำไข่ออกมาจากป้อมปราการเป็นเรื่องธรรมดามาก ตัวแทนของรัฐบาลจึงออกใบรับรองให้กับโนอาห์ว่าเขาสามารนำไข่ออกไปได้ และสมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มก็ไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
ที่เขาบอกกับตัวแทนของรัฐบาลเพราะเขาต้องการใบรับรองเพื่อที่จะนำไข่เหล่านี้ไปขาย เนื่องจากร้านขายมอนเตอร์ที่ได้รับความนับถือส่วนใหญ่พวกเขาจะไม่รับซื้อไข่ถ้าหากคนนำมาขายไม่มีใบรับรองจากรัฐบาลมาด้วย เพราะเขากลัวว่าพวกเขาจะได้รับมอนเตอร์ที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้มาไว้ในมือของพวกเขาเอง
หลังจากจบป้อมปราการนี้ โนอาห์ก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมทีมอย่างเป็นทางการ ซึ่งเขายอมรับด้วยความยินดี เมื่อกลับถึงบ้าน โนอาห์เปิดกระเป๋าเป้สะพายหลังและเริ่มหยิบไข่ออกมาอย่างระมัดระวัง
เมื่อเข้าไปในห้องนั่งเล่นของบ้านซึ่งอุณหภูมิอุ่นขึ้นและสบายขึ้น ลิลิธก็ตื่นขึ้นและขยับจากข้อมือของเขาไปที่แขนของโนอาห์เพื่อไปที่ไหล่ และดูสิ่งที่โนอาห์กำลังทำด้วยความอยากรู้อยากเห็น
โนอาห์ที่ไม่รู้ว่าลิลิธตื่นขึ้นแล้วเขาก็ตกใจที่จู่ๆลิลิธก็พูดอยู่ข้างๆเขาว่า
“นี่คืออะไรงั้นหรอ?”
เมื่อเห็นว่าเธอดีขึ้นแล้ว โนอาห์ก็รู้สึกกังวลน้อยลงและตอบเธอขณะที่เขาหยิบไข่ออกจากกระเป๋าอย่างระมัดระวัง
“พวกมันคือไข่ของมอนเตอร์ ฉันเชื่อว่าพวกมันคือไข่ของมอนเตอร์ตัวนั้นที่เธอทำให้มันกลัว นี่มันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นกันแน่?” ในที่สุดโนอาห์ก็ถามสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดในตอนนั้นออกมา
เมื่อได้ยินคำถาม ลิลิธก็ถอนหายใจและตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ฉัน…จำสิ่งต่างๆได้มากขึ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โนอาห์ก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกกังวลที่จะรู้ว่าเธอต้องบอกอะไรเขา
“นอกจากชื่อของฉันแล้วในใจของฉันก็ยังมีความรู้สึกภาคภูมิใจมาก มากจนมันกลายเป็นความเย่อหยิ่ง ฉันก็จำเหตุผลไม่ค่อยได้ แต่ฉันรู้ว่าฉันทำอะไรที่น่าภาคภูมิใจไว้มากๆ และเมื่อนายกำลังตกอยู่ในอันตรายจากมอนเตอร์ตัวนั้น ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น ฉันกลัวเสียงที่มันทำเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันรู้สึกขุ่นเคืองมากกว่ากลัว ฉันก็เลยทำตามสัญชาตญาณ ฉันขู่มันเพราะมันสร้างปัญหาให้กับนาย” ลิลิธขอโทษหลังจากอธิบายเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เธอขอโทษในเรื่องที่เธอหมดสติไป เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยหลังจากที่เธอขู่มอนเตอร์ตัวนั้น
โนอาห์ประหลาดใจเล็กน้อยกับคำตอบของเธอ เขามีสมมติฐานที่เป็นไปได้สามอย่าง อย่างแรกเธอฟื้นคืนความทรงจำของเธอได้บางส่วนแล้ว อย่างที่สองเธอมีความทรงจำอยู่แล้วแต่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร อย่างที่สามเธอไม่รู้อะไรเลยและทำมันโดยสัญชาตญานของเธอเท่านั้น
โนอาห์ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจากการเอาสมมติฐานทั้งสามของเขามาร่วมกัน เธอแทบจะจำอะไรไม่ได้เลยและสิ่งที่เธอพอจะจำได้มันก็เพียงพอที่จะกระตุ้นสัญชาตฐานของเธอและแสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วเธอมีความทรงจำอื่นๆอยู่ในตัวของเธออีกด้วย และสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีใครอธิบายให้โนอาห์ฟังได้ว่าทำไมเธอถึงมีความทรงจำเหล่านี้ ทั้งๆที่เธอเพิ่งจะเกิดมาได้ไม่นาน
เธอบอกเขาว่าเธอมีความทรงจำที่เก่ามาก แต่ผู้ดูแลร้านมอนเตอร์ยืนยันว่าเธอเพิ่งเกิดจากไข่ที่พบในป้อมปราการและเธอฟักออกมาจากไข่ในตอนที่เธออยู่ในร้าน
น่าเสียดายที่โนอาห์รู้ว่าเขาจะไม่ได้คำตอบสำหรับข้อสงสัยของเขา ถ้าหากเขาถามเธอในตอนนี้
“ฉันเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดถึงแล้ว ไม่ต้องกังวล เธอช่วยฉันได้มากจริงๆ มอนเตอร์ตัวนั้นตั้งใจจะฆ่าฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่รู้เหตุผลก็ตาม สำหรับตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเราคือการรักษาเธอให้เธออยู่ในสภาวะที่พร้อมที่สุดก่อนจะให้เธอจดจ่อกับความทรงจำอีกครั้ง มันจะไม่เป็นผลดีสำหรับเธอทั้งทางร่างกายและจิตใจหากจะปล่อยให้เธออยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไป”
เมื่อได้ยินสิ่งที่โนอาห์พูด ลิลิธรู้สึกอบอุ่นภายในใจ เธอเป็นเพียงแค่งู เธอจำได้ว่าเธอมีชีวิตอยู่อย่างงูเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะรับรู้ว่ามนุษย์รู้สึกอย่างไรและประพฤติตนอย่างไรเป็นเรื่องที่ไม่ปกติสำหรับเธอ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันไม่ปกติแต่เธอก็อยากจะทำตัวเหมือนพวกเขาในทุกวิถีทาง เธอพยายามเอาตัวเองมาแทนที่โนอาห์และคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ มันทำให้เธอรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะเชื่อในสิ่งที่เธอพูด
ในหัวเล็กๆของเธอ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอเชื่อใจเขามากนั่นคือเธอเห็นเขาแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ มันเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดที่พวกเขาสบตากันตั้งแต่ในร้าน และมันทำให้เธอเปิดใจให้กับเขาโดยที่เธอไม่เคยเปิดใจให้กับใครมาก่อน
“ฉันดีใจที่ได้ช่วยนายจากนกตัวนั้น และฉันก็รู้สึกขอบคุณมากที่นายให้ฉันได้อยู่กับนาย ฉันไม่เคยรู้สึกดีกับร่างกายของฉันมาก่อนจนกระทั่งได้มานอนอยู่บนข้อมือของนาย”
โนอาห์ก็คิดแบบเดียวกับเธอ เธอและเขามีความเชื่อมโยงนี้ร่วมกัน อาจจะบอกได้ว่ามันเป็นเพราะลูซิเฟอร์หรือมากกว่านั้นเพราะระบบทายาทของลูซิเฟอร์ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้โนอาห์ก็นึกถึงหน้าต่างที่ยังคงเปิดอยู่ที่มุมมองของเขา
โนอาห์รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะเต็มใจยอมรับได้ง่ายๆ การลงนามในสัญญาที่จิตวิญญาณของคุณจะเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณของคนอื่นนั้นเสี่ยงเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ พวกมอนสเตอร์ยอมรับมันเพราะพวกมันไม่มีสติปัญญาที่จะเข้าใจความหมายของมันได้ในระยะยาว แต่สำหรับลิลิธแล้วแม้ว่าเธอจะมีสติปัญญาสูงราวกับมนุษย์ แต่บางครั้งเธอก็แสดงถึงวุฒิภาวะของผู้ใหญ่ออกมา โนอาห์รู้สึกว่าเธอจะยอมรับมัน เขารู้สึกได้ว่าถ้าเขาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเธอสัญชาตญาณจะบอกให้เขาอยู่กับเธอและยอมรับมันอย่างแน่นอน
และมันก็ไม่ต่างจากที่เขาคิดไว้ ลิลิธหลังจากได้ยินโนอาห์อธิบายเกี่ยวกับสัญญานี้แล้ว เธอก็ไม่ได้คิดมากมายและยอมรับเงื่อนทันที
เมื่อโนอาห์ถามเหตุผลกับเธอเพื่อให้แน่ใจ เธอก็ให้คำตอบเหมือนที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด
“สติปัญญาของฉันร้องบอกให้ฉันปฏิเสธสัญญานี้ทันที เพราะมันอันตรายสำหรับฉันที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับนายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในทางกลับกันสัญชาตญาณของฉันก็กรีดร้องให้ฉันยอมรับสัญญานี้ไม่ว่าฉันจะต้องทำอะไรก็ตาม และในความทรงจำเล็กๆน้อยๆที่ฉันเห็นที่ซึ่งฉันกำลังภาคภูมิใจมาก ฉันก็เห็นว่าฉันควรเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะเขาคนนั้นได้ช่วยฉันจากอะไรหลายๆอย่างอย่างเห็นได้ชัด”
คำตอบที่เธอให้นั้นทำให้โนอาห์มั่นใจในตัวเลือกของเขามากขึ้น ดังนั้นโดยที่เขาไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่านี้ พลังงานที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา รูปดาวห้าแฉกคู่หนึ่งลอยออกมาอยู่ระหว่างพวกเขาก่อนที่จะบินเข้าไปหาพวกเขาทั้งคู่ อันหนึ่งสลักเข้าไปที่หน้าผากของลิลิธขณะที่อีกอันถูกสลักลงบนหลังมือของโนอาห์
ทันทีที่ดาวห้าแฉกเข้ามาในหลังมือของโนอาห์ เขาก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลิลิธซึ่งเคยแข็งแกร่งมากก่อนหน้านั้น ตอนนี้กลับแข็งแกร่งขึ้นสองถึงสามเท่า ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมาหลายปีและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างกัน เมื่อใดก็ตามที่โนอาห์ต้องการ เขาสามารถทำให้รอยนั้นหายไปหรือปรากฏเป็นรอยสักได้
ทันทีที่เครื่องหมายรูปดาวห้าแฉกหายไป หน้าต่างสีดำก็ปรากฏขึ้นลอยอยู่ตรงหน้าของเขา มันทำให้โนอาห์นึกถึงอย่างอื่น นอกจากข้อความที่เขาต้องอ่านตอนนี้เกี่ยวกับสัญญาที่ทำกับลิลิธแล้ว เขายังมีอีกข้อความที่เขาไม่มีเวลาอ่านก่อนหน้านี้นั่นคือการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปีกของเขา