กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 69
“นี่ปีกของฉันเหรอ…” โนอาห์มองไปที่หลังของเขาและเห็นได้ชัดว่าเขาผิดหวังมาก เขาคาดหวังถึงปีกนางฟ้าที่ใหญ่โตและสวยงาม อย่างน้อยมันก็ควรมีความยาวอย่างน้อยสักสองเมตร แต่เมื่อโนอาห์เห็นว่าปีสีดำของเขาเป็นปีกขนาดเล็กที่มีขนาดเท่ากับปีกไก่ซึ่งยาวไม่ถึงห้าสิบเซ็นติเมตร มันก็ทำให้เขาละอายใจเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกของเขารุนแรงขึ้นในขณะที่เขามองไปที่โซฟาและเห็นลิลิธกำลังดิ้นไปมาโดยพยายามจะไม่หัวเราะโนอาห์ โนอาห์ไม่รู้ว่าเขารูได้ยังไงว่าการแสดงออกทางสีหน้าของลิลิธเป็นยังไง เพราะเธอเป็นงู แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันและรู้สึกอับอายมากขึ้นกับปีกของเขาเอง
“มันควรจะมีขนาดใหญ่กว่านี้ไม่ใช่หรอ…เกิดอะไรขึ้นกัน?” โนอาห์สงสัย เขาพูดออกมาด้วยเสียงที่ต่ำและท้อแท้ เขาคิดว่าเขาจะสามารถบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้าหลังจากที่ได้รับมันมา แต่น่าเสียดายที่ปีกคู่นี้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เราคิดว่าเขาไม่สามารถเหินลงจากที่สูงได้เลยด้วยซ้ำ
โนอาห์ขยับปีกของเขาได้ และเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกมันเป็นเหมือนแขนสองคู่ที่อยู่บนหลังของเขามานานแล้ว ทุกอย่างที่เขาคิดจะทำกับพวกมันเขาก็สามารถทำมันได้ ดังนั้นอย่างน้อยตอนี้โนอาห์ก็สนุกกับความรู้สึกที่มีสมาชิเพิ่มมาอีกสองคน
ทันใดนั้น หน้าต่างของระบบก็ลอยขึ้นมาปรากฏต่อหน้าของโนอาห์พร้อมกับอธิบายคำถามที่เขาถามออกมาตรงๆ
[ตามที่อธิบายไว้ในภารกิจ ปีกของนางฟ้าไม่ได้เกิดจากการทำงานเพียงอย่างเดียวแล้วพระเจ้าจะมอบให้เลย ทูตสวรรค์ต้องทำงานหลายอย่างให้เสร็จเพื่อที่จะทำให้ปีกของพวกเขาพัฒนาขึ้นถึงจุดที่สามารถบินได้
สำหรับทูตสวรรค์แล้วปีกของพวกเขาเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอำนาจของพวกเขาด้วยเช่นกัน เนื่องจากปีกของทูตสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่ ยิ่งมันใหญ่โตและสง่างามมากขนาดไหนนั่นก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจของเขาที่ได้รับมาจากพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น หากทายาทของลูซิเฟอร์ต้องการมีปีกที่ใหญ่โตและสง่างามซึ่งสามารถแสดงพลังอำนาจของเขาได้ ก่อนอื่นทายาทของลูซิเฟอร์จะต้องแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถที่เหมาะสม โดยการทำภารกิจที่จะเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปให้สำเร็จ โชคดี]
โนอาห์มองดูข้อความอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาลืมจุดนั้นไปแล้วจริงๆ ภารกิจยังกล่าวอีกว่าปีกคู่ที่สามของลูซิเฟอร์ยังเติบโตได้ไม่เต็มที่ในตอนที่เขาถูกขับออกจากสวรรค์ ดังนั้นมันจึงมีเหตุผลที่ปีกของเขาไม่ได้เติบโตในครั้งเดียว
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้โนอาห์ประหลาดใจก็คือข้อความที่คอยส่งมาเพื่อบอกรายละเอียดต่างๆให้กับเขานั้นดูเหมือนเป็นคำพูดของมนุษย์มากขึ้น ก่อนหน้านี้ที่โนอาห์ได้รับข้อความจากระบบข้อความเหล่านั้นดูเหมือนถูกสร้างขึ้นโดยเครื่องจักรที่ไม่มีชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปโนอาห์สังเกตเห็นว่าข้อความเหล่านี้เริ่มปรากฏมาให้เห็นบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆและบุคลิกของระบบก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้กระทั่งยังอวยพรให้เขาโชคดี
โนอาห์ปล่อยความคิดนั้นไปหลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับมันได้ไม่นาน
เมื่อเขาทดลองการขยับปีกของเขาแล้วเขาก็ใช้ทักษะที่ลูซิเฟอร์พัฒนาขึ้นมาเพื่อซ่อนปีกของเขาขณะที่มองดูตัวเองในกระจกภายในห้อง โนอาห์สังเกตเห็นว่าเมื่อเขาต้องการจะซ่อนปีกของเขา ปีกของเขาจะมารวมกันอยู่บนหลังของเขาและกลายเป็นรอยสักรูปปีกคู่หนึ่งตามสัดส่วนของขนาดปีกของเขา
“บางทีเมื่อปีกของฉันใหญ่ขึ้น รอยสักก็น่าจะใหญ่ขึ้นด้วย และถ้าหากฉันได้ปีกมาอีกคู่หนึ่งฉันก็คิดว่ารอยสักปีกอีกคู่ก็จะถูกเพิ่มขึ้นมาเหมือนกัน” โนอาห์คิดขณะที่เขามองเข้าไปในกระจกและชื่นชมความละเอียดอ่อนของรอยสักของเขา
โนอาห์ไม่เคยสนใจเกี่ยวกับรอยสักมาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้ไม่ชอบมันเช่นกัน เขาแค่ไม่ได้มีความสนใจพอที่จะมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตอนนี้เขามีปีกคู่หนึ่งอยู่บนหลังของเขาแล้ว โนอาห์ชอบที่รอยสักสีดำพวกนี้ตัดกับผิวสีขาวของเขาได้ดีเป็นอย่างมาก
‘บางทีในอนาคตมันอาจจะดูไม่เลวร้ายนักก็ได้…ระบบอาจจะจัดการเรื่องอื่นๆด้วยรอยสักเหมือนกัน เพราะในขณะที่ลูซิเฟอร์หาวิธีที่จะซ่อนปีกของเขาด้วยรอยสัก บางทีเขาอาจจะรู้วิธีซ่อนสิ่งอื่นๆด้วยเช่นกัน? อย่างเช่นการเก็บอาวุธไว้ในรอยสักภายในร่างกายของตัวเอง…? นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก!’ เป็นอีกครั้งที่โนอาห์เริ่มจินตนาการถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ลิลิธมองมาที่โนอาห์ด้วยความสนใจจากระยะไกล
สำหรับเธอ มนุษย์คนนี้แตกต่างจากคนอื่นๆมาก มนุษย์ปกติที่เธอสังเกตเห็นในร้านจะตรงข้ามกับโนอาห์ ต่อหน้าคนอื่นพวกเขาจะพยายามไปมีส่วนร่วมกับคนอื่นๆ ตื่นเต้น พยายามเปิดเผยด้านดีของตนออกมา นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาพยายามสร้างความประทับใจแรกที่ดีต่อผู้อื่นโดยการที่พวกเขาจะสวมหน้ากากแสดงความเห็นอกเห็นใจและเป็นมิตรออกไป ในขณะที่โนอาห์ไม่ได้เหมือนคนพวกนั้น แทนที่เขาจะพยายามทำตัวเป็นมิตรกับคนอื่นและกลายเป็นคนไร้ความรู้สึกเมื่อมาอยู่ที่บ้าน เขากลับเย็นชากับบุคคลภายนอกจนแทบจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลย แต่เมื่อเขาอยู่ที่บ้านสถานที่ซึ่งทำให้เขารู้สึกปลอดภัย เขาจะทำตัวสบายๆมากขึ้นและทำในสิ่งที่คนจริงๆควรจะทำกัน มากกว่าการเป็นเครื่องจักรที่เขาทำในโลกภายนอก เธอชอบการกระทำนี้ของเขาเป็นอย่างมาก
โนอาห์ทิ้งความคิดเกี่ยวกับรอยสักไว้ กลับไปที่ตำแหน่งที่เขานั่งอยู่บนพื้นและไม่มองที่ลิลิธ เขายังคงรู้สึกละอายใจเล็กน้อยกับปีกที่เขาแสดงให้เธอเห็น
เธอรู้เรื่องนี้แล้ว แต่เธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์น่าอายมากขึ้น เพราะถึงแม้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสามารถเยาะเย้ยกันเหมือนเพื่อนสนิทกันได้
ขณะที่โนอาห์หยิบไข่ออกจากกระเป๋าเป้ ลิลิธก็ค่อยๆเลื้อยจากบนโซฟาแล้วปีนขึ้นไปบนไหล่ของเขาเพื่อดูว่าเขาจะทำอะไรในกระเป๋าเป้ นอกจากจะใช้ประโยชน์จากการสัมผัสร่างกายของโนอาห์เพื่อรักษาตัวเองแล้วเธอก็ชอบที่จะอยู่ใกล้ๆกับโนอาห์เพราะเธอรู้สึกสบายขึ้นมากกว่าเมื่ออยู่กับเขา
เมื่อโนอาห์หยิบไข่ออกจากกระเป๋าเป้เสร็จแล้ว เขาก็สังเกตเห็นว่าไข่ใบหนึ่งมีรอยแตกเล็กน้อย ตอนแรกความคิดที่ผ่านเข้ามาในหัวของเขาคือเขาประมาทและได้ทำลายไข่ล้ำค่าที่สามารถขายได้เงินเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อโนอาห์เห็นว่าไม่มีของเหลวไหลออกมาจากไข่ เขาก็พบว่ามันแปลก คำอธิบายเดียวที่เขาจำได้สำหรับไข่ที่ไม่มีของเหลวอยู่ภายในนั้นคือ มีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายในไข่และมันได้ใช้ของเหลวนั้นในการเลี้ยงตัวเองแล้ว
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ โนอาห์ก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขาค่อยๆหยิบไข่ออกจากกระเป๋าเป้ และทุกอย่างมันก็เป็นไปอย่างที่เขาคิดจริงๆไข่ไม่มีของเหลวใสๆไม่มีไข่แดง มีเพียงน้ำหนักเล็กน้อยในไข่ใบนั้น ราวกับว่ามีหินก้อนเล็กๆกลิ้งไปกลิ้งมาทุกครั้งที่โนอาห์ขยับไข่จากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้โนอาห์ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก โนอาห์บีบเปลือกไข่เบาๆ มันแตกออกอย่างช้าๆโดยที่มันเปราะบางเป็นอย่างมาก เมื่อโนอาห์มองเข้าไปภายในเปลือกไข่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นผสมกับความหวาดกลัวเล็กน้อย เขาก็เห็นลูกนกตัวเล็กๆตัวหนึ่ง ตัวของมันปกคลุมไปด้วยขนเส้นเล็กๆที่ยังไม่ได้ยาวมากนัก มันเป็นลักษณะของลูกนกที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน
สีตัวของนกเป็นสีแดงเข้มเกือบจะเหมือนกับสีเลือด คุณลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของโนอาห์ได้มากที่สุดในตอนที่เขามองดูนกน้อยตัวนี้ เพราะมันไม่เหมือนกับนกคลั่งโดยปกติทั่วไปที่มีสีต่างกัน เช่น สีเหลืองสดใส สีแดงสด สีฟ้าสดใส สีของหัวหน้านกคลั่งแม้ว่าจะไม่เหมือนกันในทุกๆครั้งแต่มันจะถูกสุ่มระหว่างสีเหลือและสีแดง แต่มันจะอยู่ในโทนที่มืดกว่านี้ซึ่งทำให้สีของหัวหน้านกคลั่งคล้ายจะเป็นสีดำ ผู้ถูกเลือกไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถแยกแยะสีของหัวหน้านกคลั่งได้ในระหว่างการจู่โจม เนื่องจากลักษณะที่เป็นสีแดงของป้อมปราการอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่นกน้อยมองโนอาห์ด้วยความกลัวและความอยากรู้อยากเห็น โนอาห์ก็แสดงความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกันกับเจ้าตัวเล็กตัวนั้น เขาไม่อยากจะเชื่อว่าในขณะที่เขาแบกไข่ไว้ในกระเป๋าเป้ของเขาไข่หนึ่งฟองก็จะฟักออกมาเป็นนกน้อยตัวนี้ โนอาห์คิดว่าเมื่อมอนเตอร์เกิดมามันมักจะก้าวร้าว เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขาพูดในเว็ปไซต์ที่พวกเขาอ่านเกี่ยวกับพวกมัน แต่เจ้าตัวเล็กสีแดงตัวนี้ไม่ได้แสดงความก้าวร้าวต่อโนอาห์เลยแม้แต่น้อย
“เธอรู้สึกว่ามันแตกต่างจากมอนเตอร์ตัวอื่นๆไหม ลิลิธ?” โนอาห์ถามลิลิธ เนื่องจากเธออาจจะมีประสบการณ์มากกว่าเขาในการจัดการกับเรื่องนี้ เนื่องจากเธออาศัยอยู่ท่ามกลางสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาเป็นเวลานานแล้วฃ
ลิลิธจ้องไปที่นกน้อยที่กำลังมองไปรอบๆด้วยความสงสัย มันกำลังพยายามทำความเข้าใจว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนและสังเกตว่าโนอาห์เป็นอันตรายต่อมันหรือไม่ ลิลิธตอบโนอาห์ว่า
“นี่แปลกมาก ฉันรู้สึกว่ามันไม่ต่างจากมอนสเตอร์ตัวอื่นๆเลย การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนเพียงอย่างเดียวคือวิธีที่เขาทำ เขามองมาที่นายและเขาไม่ได้มองว่านายเป็นศัตรูโดยธรรมชาติเหมือนที่มอนเตอร์ตัวอื่นๆมักจะทำเมื่อพวกมันเห็นมนุษย์เป็นครั้งแรก จริงๆแล้วเขามองนายเหมือนไม่ได้มองมนุษย์ เขามองนายเหมือนกับว่านายก็เป็นมอนเตอร์อีกประเภทหนึ่งเหมือนกัน…”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเธอโนอาห์ก็สับสน
“อาจเป็นเพราะฉันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว?” เขาพูดอย่างนั้นขณะมองไปที่แผ่นหลังของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นรอยสักที่เตือนใจว่าด้านหลังของเขามีปีกอยู่คู่หนึ่ง และปีกคู่นั้นยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากพลังงานแต่เป็นปีกที่งอกมาที่หลังของเขาราวกับว่ามันเป็นหนึ่งของเขาจริงๆเขาก็พูดว่า
“หรือบางทีฉันอาจจะกลายเป็นเหมือนลูซิเฟอร์จริงๆ โดยที่ฉันค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อยๆยังงั้นหรอ?”
คำพูดเหล่านั้นส่งผลให้โนอาห์เริ่มสับสนในตัวตนของเขาจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เขามีความคิดแบบนี้ เขาเริ่มไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขาต้องการจะเป็น และถ้าเขากลายเป็นปีศาจจริงๆในอนาคตเขาจะเป็นยังไง
แต่คำถามสุดท้ายนั้นได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว เพราะเขาจำได้ว่าระบบของเขาได้ช่วยเขาในการรักษาแม็กกี้ได้ขนาดไหน และเขาได้รับอะไรบ้างจากระบบ ดังนั้นด้วยความหวังว่าจะทำให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้นไปตามเส้นทางที่เขากำหนดไว้ โนอาห์จึงจดจ่อกับเป้าหมายของเขา พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปมากกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว