กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 7
ในขณะที่โนอาห์ทำการทดสอบและทดลองต่างๆด้วยพรใหม่ของเขา อีกทางด้านหนึ่งของท่อระบายน้ำ ผู้ถูกเลือกอีกกลุ่มกำลังเดินแยกกันเป็นสองกลุ่มผ่านอีกด้านของท่อระบายน้ำ
วัยรุ่นแต่ละคนถืออาวุธของตัวเองและเดินหน้าไปในรูปแบบที่น่าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด
ในกลุ่มของพวกเขามีผู้ถูกเลือก 7 คน มี 5 คนเป็นผู้ถูกเลือกระดับ E และอีก 2 คนเป็นผู้ถูกเลือกระดับ D และผู้ถูกเลือกระดับ D ก็คือแฮร์รี่และเวนดี้
แฮร์รี่เป็นผู้ใช้พลังน้ำแข็งอยู่ด้านหลังของขบวนพร้อมกับเวนดี้ซึ่งเป็นนักบวช ในกลุ่มยังมีคนสองคนที่ใช้ธนูและอีกสี่คนที่จะต่อสู้แบบตัวต่อตัวนั้นคือเอมี่คนที่บอกเวนดี้ว่าโนอาห์อ่อนแอแค่ไหน
เมื่อกลุ่มนี้เดินไปตามท่อระบายน้ำเพียงไม่กี่นาที และไม่เห็นสัตว์ประหลาดปรากฏตัว เนื่องจากพวกเขายังเด็กความอดทนของพวกเขาจึงมีไม่มาก ในที่สุดพวกเขาก็ลดความปลอดภัยในกลุ่มลงเพื่อพูดคุยกันแทน
“สัตว์ประหลาดอยู่ที่ไหน?” เอมี่ถามด้วยความกังวลเล็กน้อยในขณะที่เธอถือดาบไว้ในมือ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือเพราะพวกมันเห็นว่าฉันกำลังไล่ฆ่าพวกมัน พวกมันก็เลยตัดสินใจหลบซ่อนตัวหรือเปล่า?” เด็กชายที่ถือโล่ขนาดใหญ่กล่าว
“พวกมันคงกลัวเมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของพวกเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งของแฮร์รี่” หญิงสาวกล่าวชื่นชมแฮร์รี่ก่อนที่จะเข้าไปในประตู เธอถือคันธนูไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง
“พวกมันเป็นแค่มอนสเตอร์ระดับ F เธอคิดว่าพวกมันจะกล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราจริงๆหรอ ทำไมพวกเราไม่ตรงไปที่ห้องราชาแห่งหนูและฆ่ามันตอนนี้เลยละ ฉันไม่อยากทนกับกลิ่นเน่าๆ พวกนี้อีกต่อไปแล้ว!” แฮร์รี่กล่าว
“มันไม่อันตรายเกินไปหน่อยหรอ มีใครหาข้อมูลของราชาแห่งหนูมาหรือเปล่า?” เวนดี้ถามด้วยความกังวลเล็กน้อย
“ห๊ะ ทำไมต้องหาข้อมูลกับมันด้วย นี่เป็นเพียงป้อมปราการระดับ F เท่านั้น พวกเราแค่ต้องไปที่ห้องของราชาแห่งหนูและฆ่ามันเร็วๆ” เด็กชายถือขวานเล่มใหญ่กล่าว
“งั้นพวกเรา…” ก่อนที่เอมี่จะพูดจบประโยค ด้านหน้าของพวกเขาก็มีหนูสามตัวแอบมองอยู่เหนือผิวน้ำ พวกมันมองไปที่เด็กๆทั้ง 7 คน
เมื่อพวกเขาเห็นหนูทั้งสามตัวที่มีขนาดเท่ามอเตอร์ไซค์ วัยรุ่นบางคนก็เกิดอาการกลัวทันที
เวนดี้มองไปที่ดวงตาคู่หนึ่งของพวกมันที่มีขนาดเท่ากับลูกเทนนิสสองลูก เมื่อเห็นแบบนั้นเวนดี้ก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากพลางจินตนาการถึงขนาดของปากของสัตว์ประหลาดเหล่านี้
เมื่อเห็นมนุษย์เริ่มกลัวหนูจึงใช้โอกาสนี้พุ่งตัวเข้าหาเหยื่อของพวกมัน แม้ว่าพวกวัยรุ่นจะมีจำนวนมากกว่าหนู แต่หนูมีการประสานงานซึ่งกันและกันได้ดีมากกว่า ดังนั้นพวกวัยรุ่นจึงเริ่มมีบาดแผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงระหว่างการต่อสู้หนูตัวหนึ่งได้กัดข้อเท้าของเด็กผู้ชายที่ถือดาบสองเล่ม เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ขาของตัวเอง เด็กชายคนนั้นจึงทิ้งอาวุธของตัวเองโดยสัญชาตญาณและใช้พรของเขาอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับตัวเอง เพราะเขาต้องการหนีออกจากหนูตัวนั้น
แต่น่าเสียดายที่หนูได้จมฟันลงไปที่ขาของเด็กชายแล้ว เด็กชายพยายามที่จะทำให้มันหลุดออกไปจากขาของเขา แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะฟันของหนูซี่ใหญ่มาก ฟันของมันค่อยๆแทะและฉีกผ่านเนื้อของเด็กชายมากขึ้นเรื่อยๆ จนตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด
แฮร์รี่รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขาใช้พรของตัวเองอย่างเต็มที่และเหวี่ยงก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ไปทางหนูที่กัดขาของเด็กชายไว้ แต่นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เพราะหนูตัวนั้นยังคงกัดอยู่ที่ขาของเด็กชายคนนั้นและเหวี่ยงตัวของเด็กชายคนนั้นลงไปในน้ำโสโครก หลังจากนั้นมันก็อุ้มเด็กชายคนนั้นไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของเนื้อที่ถูกฉีกออกจากขาของเด็กชาย เสียงร้องไห้แห่งความสิ้นหวังของเด็กชายดังก้องไปทั่วท่อระบายน้ำนั้น
เสียงเด็กชายร้องขอความช่วยเหลือดังก้องไปอีกสักพักก่อนที่เสียงนั้นจะค่อยๆเงียบลงไป ห่างออกไป จนสุดท้ายเสียงทุกอย่างก็หายไปเหลือเพียงความเงียบในบริเวณนั้น
ตอนนี้วัยรุ่นในกลุ่มทุกคนรู้ว่าพวกเขาโง่ขนาดไหนที่พวกเขามาที่นี่เพียงกลุ่มเดียว พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดได้ และพวกเขามั่นใจเพราะพวกเขาเป็นผู้ถูกเลือกระดับ E และ D แต่จากความคิดของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขามั่นใจเกินไป และนั่นก็ทำให้พวกเขาอยู่ใกล้ความตาย
หลังจากสูญเสียเพื่อนร่วมทางวัยรุ่นอีก 6 คนก็สิ้นหวังและเริ่มใช้สกิวของพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้งกับหนูอีกสองตัวที่เหลือจนกระทั่งหนูไม่สามารถต่อสู้ได้และตายลงไป
เหล่าวัยรุ่นนั่งลงอยู่ที่มุมหนึ่งของท่อระบายน้ำ พวกเขาไม่สนใจกลิ่นเหม็นเน่าพวกนี้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่พวกเขาสนใจคือเขาต้องการสถานที่พักผ่อนที่สะดวกสบาย เตียงนอนที่ดี และพวกเขาไม่ต้องการจะกลับมาที่นี่อีก แต่พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถออกไปได้ โดยไม่มีเหตุผล เพราะพวกเขาเซ็นสัญญากับรัฐบาลแล้วว่าก่อนที่พวกเขาจะออกไปได้ พวกเขาต้องจัดการป้อมปราการให้สำเร็จก่อน
“รอย…ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะไม่ได้เห็นรอยอีกแล้ว…” เอมี่ถอนหายใจขณะที่เธอหยุดน้ำตาไม่ให้ร่วงเมื่อเธอจำเด็กที่ถูกหนูจับตัวไปได้
“เอาล่ะพ่อเตือนฉันแล้วให้ระวังและเตรียมตัวรับมือกับความสูญเสียไว้ด้วย…แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้” เด็กชายที่ถือโล่กล่าว
ในขณะที่พวกเขาพักผ่อนและโศกเศร้าเวนดี้ใช้พรของเธอในการรักษาอาการบาดเจ็บที่ทุกคนได้รับระหว่างการต่อสู้ ในขณะที่เธอร้องไห้และโทษตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยรอยได้
เมื่อถึงจุดหนึ่งคำพูดที่เอมี่พูดกับเธอบนรถบัสก็เข้ามาในความคิดของเวนดี้ทันที
“เขามักจะรอดออกไปพร้อมกับสมาชิกหนึ่งหรือสองคนของทีมบุกเสมอ”
เมื่อคิดถึงโนอาห์เวนดี้ก็มองไปรอบๆ เพื่อมองหาผู้ถูกเลือกที่มักจะออกไปอย่างมีชีวิตพร้อมกับคนอื่นๆอยู่เสมอ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
เธอรู้ดีว่าการที่ใครบางคนสามารถมีชีวิตอยู่เป็นเวลานานในป้อมปราการและสามารถมีชีวิตรอดออกไปบ่อยครั้ง คนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถและความรู้เกี่ยวกับป้อมปราการอย่างมากแน่ๆ เธอจึงรู้สึกว่าหากเธออยู่กับเขาเธอจะต้องรอดชีวิตออกไปได้ แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ถึงเธอมองไปรอบๆแต่เธอไม่เห็นเงาของเขาเลย
‘ถ้าฉันไปคุยกับเขา เขาอาจจะบอกวิธีเอาตัวรอดจากป้อมปราการนี้กับฉันก็ได้ ตอนนี้ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้ยังไง’ เวนดี้คิดกับตัวเองในขณะที่เธอมองไปที่เอมี่ด้วยสายตาที่โกรธเคือง ในขณะที่เอมี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเวนดี้ถึงได้โกรธเธอ
เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาพวกผู้ใหญ่ก็ได้มาถึงจุดที่พวกวัยรุ่นอยู่ แต่พวกเขาทำตามกลยุทธ์ที่โนอาห์แนะนำและผู้นำของเขาเห็นด้วย คือนิ่งเงียบและดูการต่อสู้ที่ดุเดือดของพวกวัยรุ่น แม้ว่าพวกเขาจะเห็นเด็กชายตายไปต่อหน้า แต่พวกเขาก็ไม่ขยับสักนิดเดียว
พวกเขาเห็นคนตายมามากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างจนถึงจุดที่พวกเขาไม่รังเกียจที่จะเห็นเด็กหยิ่งผยองบางคนต้องลำบากและตายไป หลายคนพอใจและเห็นด้วยกับความคิดของโนอาห์ที่ปล่อยให้วัยรุ่นเป็นเหยื่อล่อ เพราะวัยรุ่นพวกนั้นสามารถเป็นทั้งเหยื่อล่อและยังสามารถกำจัดหนูพวกนั้นให้กับพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่ต้องได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
เมื่อเห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อนหน้าที่เป็นคนหยิ่งผยองตอนนี้เป็นคนถ่อมตัวมากขึ้น ชายที่มีแผลเป็นจึงตัดสินใจที่จะรวมทั้งสองกลุ่มเข้าด้วยกัน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีแนวโน้มในการฆ่าราชาแห่งหนูมากขึ้น เนื่องจากถ้าเขาจะต้องต่อสู้กับราชาแห่งหนูเพียงกลุ่มคนแค่ 8 คน มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากมาก และตอนนี้พวกเขาก็สังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกออกไปเกี่ยวกับหนู แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร…
เมื่อกลุ่มของชายมีแผลเป็นปรากฏตัวขึ้นและพวกวัยรุ่นสังเกตุเห็น พวกเด็กๆมีความสุขขึ้นทันที เพราะในที่สุดก็มีคนมาช่วยพวกเขา แต่แฮรี่กลับลุกขึ้นยืนและตะโกนออกไปด้วยความโกรธว่า
“ทำไมพวกคุณถึงไม่มาช่วยพวกเรา!”
เมื่อได้ยินคำถามของแฮรี่ชายผู้มีรอยแผลเป็นก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วตอบกลับไปว่า
“แล้วทำไมพวกเราต้องช่วยด้วย?”
เมื่อได้ยินคำถามของชายคนนั้นแฮรี่ก็พูดไม่ออก เพราะจริงๆแล้วพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรที่จะต้องมาช่วยพวกเขาจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงรอย แฮรี่ก็รู้สึกแย่และพูดออกมาอีกครั้ง
“พวกเรามาที่นี่ด้วยกัน ดังนั้นพวกคุณจะต้องช่วยพวกเรา!”
เมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นไม่สนใจเหตุผล เขาเพียงต้องการตำหนิคนอื่นอื่น ชายคนหนึ่งในกลุ่มก็ไม่ทนกับเขาอีกต่อไป เขาเดินไปข้างหน้าแฮรี่และคว้าคอของเด็กชายแล้วยกเขาขึ้นจากพื้น
“แกคิดว่าแกกำลังคุยกับใครอยู่ ไอ้หนูถ้าแกรู้สึกแย่ที่เพื่อนตัวน้อยของแกตายแล้วละก็ แกต้องการให้ฉันส่งแกไปนรกพร้อมกับเขาที่นี่ตอนนี้เลยไหม ที่พวกเรามาที่นี่เพราะจะพาแกไปฆ่าราชาแห่งหนู เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการชนะและโอกาสในการอยู่รอดภายในนี้ เรามีกัน 13 คนแล้วและมันก็จะไม่พลาดเกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีก แกเข้าใจไหม?” ชายคนนั้นถามในขณะที่เขาจับลำคอของเด็กชายไว้แน่น
เมื่อมองไปที่ชายคนนั้นที่จับคอเสื้อคอเขาอยู่ ในที่สุดแฮรี่ก็รู้สึกกลัวตายเป็นครั้งที่สองตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในป้อมปราการแห่งนี้ เขามองเข้าไปในดวงตาของชายคนนั้นและรู้ว่าถ้าเขาทำอะไรไม่ดีอีกละก็ ผู้ชายคนนี้จะต้องฆ่าเขาในทันที แฮรี่พยักหน้าเห็นด้วยอย่างสิ้นหวังและขอร้องให้ชายคนนั้นปล่อยมือจากคอของเขาด้วยความกลัว
เมื่อล้มลงกับพื้นแฮรี่ก็รู้อับอายอย่างมากในขณะที่เขาต้องสูดอากาศเหม็นเน่านี้อย่างหนัก ภายในใจของแฮรี่ เขาสาบานว่าจะต้องแก้แค้นทุกคนที่บังคับให้เขาต้องเจอเรื่องแบบนี้