กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 83
“ช่วยฉันด้วย…” คนแคระพูดด้วยน้ําเสียงสั่นคลอน แม้ทุกๆคนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่ทุกก็เข้าใจเจตนาของเขา
“เขาพูดภาษาอะไร? ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด” แจสเปอร์พูตขณะที่มองไปยังคนอื่นๆในกลุ่ม แต่ทุกคนก็มีสีหน้าสับสนราวกับใบหน้าของเขาเอง
“ไม่รู้สิ ดูเหมือนเขาจะเศร้าๆนะ” ผู้รักษาประจํากลุ่มพูดขณะมองดูคนแคระด้วยความเป็นห่วง เธอเป็นคนหนึ่งที่มีลูกพี่ลูกน้องเป็นคนแคระ และเมื่อเธอมองไปที่คนแคระคนนี้ เธอก็สามารถสรุปได้ว่าเขามีอายุประมาณ 13 ปี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถเข้าใจภาษาอื่นได้
คนแคระมองดูใบหน้าของแต่ละคนในกลุ่มและตระหนักได้จากการแสดงออกถึงความสงสัยบนใบหน้าของพวกเขาด้วยภาษาแปลกๆที่พวกเขาพูด พวกเขาไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดได้ เหมือนกับคนแคระที่เขาก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่มนุษย์กําลังพูดเหมือนกัน แต่กลับมีมนุษย์คนหนึ่งในหมู่พวกเขาที่มองดูคนแคระด้วยสีหน้าที่ต่างออกไป
“นายเข้าใจฉันไหม?” คนแคระพูดด้วยเสียงต่ำกับมนุษย์คนนั้น ขณะที่มนุษย์คนอื่นๆกําลังโต้เถียงกันเกี่ยวกับบางสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ มีเพียงมนุษย์ผมดําที่ถือมีดสั้นอยู่ในมือ เท่านั้นที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ด้วยความประหลาดใจของคนแคระ มนุษย์คนนั้นกลับพยักหน้ายืนยัน แต่ก่อนที่คนแคระจะตื่นเต้นและได้พูดอะไรออกมาดังๆ มนุษย์คนนั้นก็ทําเครื่องหมายโดยวางนิ้วลงที่ปากเหมือนพยายามบอกเขาว่าอย่าทําให้คนอื่นรู้ว่าเขาเข้าใจ
เมื่อคนแคระคิดว่าเขาไม่มีทางเลือกมากนัก คนแคระก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อยืนยันให้มนุษย์รู้ว่าเขาเข้าใจแล้ว
จากนั้นในมุมมองของคนแคระมนุษย์คนนั้นก็หันกลับไปยังกลุ่มของเขาและพูดบางอย่างที่คนแคระสามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ออกมา ราวกับว่าเขากําลังพูดภาษาของคนแคระ ภาษาคูซดูลอยู่ยังไงยังงั้น และนี่ก็เป็นเรื่องที่ทําให้คนแคระประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ทําให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั่นคือสิ่งที่มนุษย์คนนั้นพูด
“ ฉันคิดว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา บางที่ญาติของเขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่และเหลือเขาไว้เพียงคนเดียว?” โนอาห์แนะนําด้วยเสียงที่สงบๆ
คนแคระตัวเล็กสามารถเข้าใจสิ่งที่โนอาห์พูดได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเขาเป็นเด็กที่ฉลาด เขาจึงเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าโนอาห์พยายามจะทําอะไร
เขาไม่ต้องการให้เพื่อนของเขารู้ว่าพวกเขาสามารถสื่อสารกันได้ คนแคระเด็กไม่เข้าใจเหตุผลของโนอาห์ แต่ถ้าเขาร่วมมือกับมนุษย์คนนี้แล้วจะช่วยให้เขารอดจากที่นี่ได้ คนแคระตัวน้อยก็ไม่ต้องคิดซ้ำอีกครั้งเลยด้วยซ้ำ เขายอมร่วมมือกับมนุษย์คนนี้โดยแสร้งว่าเขาทําเป็นไม่เข้าใจกันและกันต่อไป
นั่นคือสิ่งที่โนอาห์ต้องการเพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงเข้าใจสิ่งที่คนแคระกําลังพูดถึง ในขณะที่ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆไม่เข้าใจ
สําหรับโนอาห์ มันเหมือนกับว่าคนแคระพูดภาษาอังกฤษได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่มีผู้ถูกเลือกคนไหนที่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
คําตอบสําหรับคําถามนั้นมันถูกตอบมาในรูปแบบของหน้าต่างสีดําที่คุ้นเคยซึ่งลอยอยู่ตรงหน้าโนอาห์ หน้าต่างบอกว่าเขาในฐานะผู้สืบสายเลือดของลูซิเฟอร์ เขาจะสามารถสื่อสารกับทุกสายพันธุ์ในภาษาใดก็ได้ตราบเท่าที่เขาต้องการทําเช่นนั้น
(ในฐานะเจ้าแห่งนรก ลูซิเฟอร์จัดการกับมนุษย์ทุกหนทุกแห่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลายเป็นผู้ปกครองนรกสําหรับเผ่าพันธุ์อื่นๆ เช่น คนแคระ เอลฟ์ โนมส์ แพนด้า เนกอส โทรลล์ นางเงือกและเงือก ปอบ ออร์ค (ตราบใดที่พวกเขามีสติปัญญาพอที่จะพูด) คนกบ เซนทอร์ และ เผ่าพันธุ์อื่นนับไม่ถ้วนจากทั่วจักรวาล เพื่อจัดการกับเผ่าพันธุ์เหล่านี้ ลูซิเฟอร์ก็ได้พัฒนาวิธีการพูดคุยของเขาให้สามารถพูดคุยกับทุกเผ่าพันธุ์ได้โดยไม่ต้องพึ่งภาษา และสิ่งนี้ถูกรวมเข้ากับระบบ ทําให้ผู้ใช้มีความสามารถแบบเดียวกัน
โนอาห์ประหลาดใจกับสิ่งนี้ ทุกวันนี้มนุษยชาติได้นําภาษาอังกฤษมาใช้เป็นภาษาสากล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในประเทศใดในโลกภาษาพูดที่พวกเขาจะใช้มักจะเป็นภาษาอังกฤษเสมอ แน่นอนว่ายังมีรูปแบบต่างๆอยู่บ้าง เช่น สําเนียงการพูดต่างๆ และการใช้คําบางคําจากดาวเคราะห์ดวงอื่น
ด้วยเหตุนี้ฟังก์ชันนี้จึงไม่ค่อยมีประโยชน์สําหรับโนอาห์เมื่อพูดถึงมนุษย์คนอื่น แต่เมื่อพูดถึงสายพันธุ์อื่น มันสมบูรณ์แบบมาก
มนุษย์ที่บุกป้อมปราการเอลฟ์กล่าวว่าพวกเขาพยายามสื่อสารกันด้วยคําพูด แต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเข้าใจกันได้ และเมื่อเป็นยังงั้นหลังจากนั้นสงครามก็เริ่มต้นขึ้น พวกเขาต้องฆ่าพวกเอลฟ์ แต่ตอนนี้โนอาห์สามารถเข้าใจคนแคระคนนี้ได้อย่างสมบูรณ์ และตามที่ระบบกล่าวตราบใดที่ อีกคนมีสติปัญญาเพียงพอที่จะพูด แม้ว่าจะเป็นออร์คโนอาห์ก็จะสามารถสื่อสารกับมันได้
แต่โนอาห์ไม่อยากให้ผู้ถูกเลือกคนอื่นรู้ว่าเขาสามารถเข้าใจเด็กคนนี้ได้ เพราะถ้าหากเป็นยังงั้น เขาอาจจะต้องพูดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่กําลังรับผิดชอบกับการบุกป้อมปราการครั้งนี้ และนั่นคงจะสร้างปัญหาให้กับโนอาห์อีกมากมาย ซึ่งแน่นอนเขาไม่มีความสามารถในการจัดการหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น
“ฉันไม่ต้องการถูกจับไปวิเคราะห์เหมือนกับหนูทดลอง” นั่นคือสิ่งที่เขาคิด
เมื่อได้ยินคําแนะนําของโนอาห์ ผู้ถูกเลือกอีกคนก็มองดูสีหน้าของคนแคระและตระหนักถึงสถานการณ์ของเขาและการกระทําของเขา เป็นไปได้มากที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กคนนี้ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ สําหรับฉันแล้วเขาดูไม่เห มือนมอนสเตอร์พวกนั้น ดังนั้นฉันคิดว่าเราน่าจะพยายามช่วยเขาด้วย” แจสเปอร์พูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“อืม…” มาร์เซลเอามือแตะคางแล้วมองดูคนแคระตัวน้อยที่มองผู้พูดทุกครั้ง แต่มันก็มีสีหน้าสับสนราวกับกําลังพยายามเข้าใจสิ่งที่พวกเขากําลังพูด
“เห็นได้ชัดว่าเราไม่เข้าใจเขาและเขาก็ไม่เข้าใจเรา เราจะทํายังไงเพื่อให้เราสามารถสื่อสารกับเขาได้”
ผู้ถูกเลือกครุ่นคิดและพยายามหาทางแก้ไขให้ได้ เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้เด็กคนนี้ตายโดยไม่มีเหตุผล จนกระทั่งโนอาห์เสนอวิธีแก้ปัญหาออกมาดังๆ
“แม่ของฉันมีความเข้าใจภาษากายที่น่าฟังมาก ตั้งแต่ฉันยังเด็กแม่ก็สอนฉันมาเสมอ ฉันไม่ได้เรียนรู้มันมากจนฉันกลายเป็นเครื่องจับเท็จของมนุษย์ แต่ฉันได้เรียนรู้มากพอที่จะเข้าใจว่าใครบางคนหมายถึงอะไร ฉันเชื่อว่าถ้าเขาพยายามแสดงท่าทางในขณะที่พูดออกมาดังๆฉันอาจจะเข้าใจได้ว่าเขาหมายถึงอะไร”
เมื่อได้ยินสิ่งที่โนอาห์กล่าว ผู้ถูกเลือกทุกคนก็เลิกคิ้วขึ้นและประหลาดใจเล็กน้อย นี่เป็นทักษะที่มีประโยชน์มาก และมันก็อธิบายได้ว่าทําไมโนอาห์ถึงเข้าใจในสิ่งที่คนแคระพยายามจะพูดในก่อนหน้านี้ในขณะที่คนอื่นๆไม่เข้าใจ
เพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขาพูดโนอาห์เดินเข้าไปใกลคนแคระและพูดช้าๆพร้อมแสดงท่าทางทุกอย่างที่เขาพยายามจะพูด
คนแคระสามารถเข้าใจทุกอย่างที่โนอาห์พูด แต่เขาก็แสร้งทําเป็นสนใจในสิ่งที่โนอาห์ทําท่าทางแทนสิ่งที่โนอาห์กําลังพูด
“เราต้องการช่วยนาย นายต้องการอะไร?” โนอาห์ถาม
คนแคระแสร้งทําเป็นนึกถึงสิ่งที่โนอาห์พูดและแสดงท่าทางกลับขณะพูดภาษาคูซดูล ซึ่งเป็นภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจนอกจากโนอาห์
“พ่อแม่ของฉันถูกมอนสเตอร์เหล่านี้พาตัวไป ฉันจําได้ว่าพ่อของฉันเข้าร่วมกับผู้ชายคนอื่นๆ เพื่อพยายามปกป้องทุกคน แต่ฉันไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นยกเว้นว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ดูเหมือนจะไม่พยายามทําร้ายผู้หญิง ฉันหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ของฉัน” คนแคระเริ่มมีเสียงสั่นเครือ ก่อนที่จะเริ่มร้องไห้และไม่สามารถที่จะพูดได้อีก
ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆมองดูโนอาห์และรอฟังคําตอบ
โนอาห์แสร้งทําเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยายามหาสิ่งที่พูดให้เข้าใจในสิ่งที่เขาวางแผนไว้ จนในที่สุดเขาก็ตอบไปว่า
“เขาพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่มาบุกรุกที่นี่ และในขณะที่พวกผู้ชายพยายามปกป้องผู้หญิงและเด็ก พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มอนสเตอร์พวกนั้นกลับไม่ได้พยายามทําร้ายผู้หญิงอย่างน่าประหลาด”
เมื่อได้ยินคําอธิบายของโนอาห์ ผู้ถูกเลือกทั้ง 14 คนก็เบิกตากว้างและพูดไม่ออก ในมุมมองของพวกเขา เด็กคนนั้นเพียงแคโบกมือไปเหมือนกับดาบและเลียนแบบมอนสเตอร์พวกนั้นเท่านั้น แต่จากการกระทําแบบนั้นโนอาห์กลับสามารถเข้าใจเป็นคําพูดแบบนี้ได้ทั้งหมด
“แน่ใจนะว่าเขาพูดแบบนั้น?” นักเวทย์สายฟ้าถามด้วยน้ําเสียงไม่แน่ใจ
“ฉันแน่ใจประมาณ 90% อาจมีบางอย่างประมาณ 10% ของข้อมูลที่หายไป แต่ฉัน เชื่อว่าฉันจับสาระสําคัญของมันได้แล้ว” โนอาห์กล่าวขณะที่เขาหันไปมองคนแคระที่ฟื้นจากอารมณ์ของเขาได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ถูกเลือกมองหน้ากันด้วยสีหน้าตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าการอ่านท่าทางทางร่างกายและการแสดงออกทางสีหน้าจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการสื่อสารกับผู้อื่นโดยไม่ต้องใช้คําพูด
ในความคิดของพวกเขาถ้ามนุษย์ที่บุกเข้ามาที่ป้อมปราการเอลฟ์มีคนแบบโนอาห์อยู่ในทีม สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นย่อมแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน บางทีมนุษย์อาจได้รู้จักกับพวกเอลฟ์ที่จะนําพามนุษยชาติไปสู่อีกระดับหนึ่ง
โนอาห์เริ่มสร้างทฤษฎีด้วยข้อมูลที่เขาได้รับในป้อมปราการแห่งนี้ หากสิ่งที่ระบบพูดนั้นถูกต้อง คนแคระและเอลฟ์อาศัยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ในป้อมปราการที่ถูกสมมติขึ้น เหมือนที่คนทั่วไปเชื่อกัน และชิ้นส่วนพลังศักดิ์สิทธิ์ที่โนอาห์ดูดซับจากคนแคระที่เขาเผา อาจเป็นพรถูกที่มอบให้แก่พวกเขาโดยพระเจ้าองค์เดียวกันกับที่มนุษย์ได้รับพร และหากเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง สิ่งที่ผู้ถูกเลือกคิดเกี่ยวกับการนำมนุษยชาติพัฒนาไปสู่อีกระดับหนึ่งก็จะเป็นไปได้จริงๆ และโนอาห์ก็จะมีบทบาทสําคัญในเรื่องนั้น