กำเนิดใหม่ทายาทจอมมาร (Lucifer’s Descendant System) - ตอนที่ 87
[ขอแสดงความยินดีด้วย! สกิล [อุโมงค์นรก] ของคุณเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 02]
เมื่อเห็นคําเตือน โนอาห์ก็ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะการต่อสู้ครั้งนี้กําลังมุ่งหน้าไปสู่ความเป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่สามารถช่วยพวกเขาในการฆ่าบอสตัวนี้โดยไม่มีใครตายก็คือเหตุการณ์ที่พลิกผันครั้งใหญ่และความสามารถในการเพิ่มเลเวลก็เหมือนกับเหตุการณ์ที่โนอาห์ต้องการ
[ผู้ใช้: โนอาห์ สเติร์น]
[เลเวล: 03]
[ประสบการณ์: 131/1,600]
[HP: 14/14]
[ความแข็งแรง: 14]
[ความคล่องตัว: 14]
[ความแข็งแกร่ง: 14]
[สกิละ
เปลวไฟจากนรก เลเวล: 03 : 104/2,500
คําอธิบายสกิล: เทคนิคที่ประกอบไปด้วยการอัญเชิญเปลวไฟแห่งนรกขึ้นมา เปลวไฟแห่งนรกไม่ต่างไปจากเปลวไฟธรรมดา แต่หลังจากชําระคนบาปและบาปมากมายมันก็กลายเป็นเปลวไฟที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถเผาได้กระทั้งเทพเจ้าแห่งเปลวเพลิง เพื่อเพิ่มพลังของความสามารถนี้คุณ จะต้องเผาบาปหรือคนบาป]
[** หลังจากถึงเลเวล 03 ร่างกายของผู้ใช้จะปรับตัวให้เข้ากับเปลวไฟได้ดีขึ้นและควบ คุมเปลวไฟได้เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น นอกจากนี้เปลวไฟยังสามารถชําระล้างมนุษย์ที่สึกกร่อนจาก บาปได้แล้ว ยิ่งบาปของมนุษย์มากเท่าใด ผลประโยชน์ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น **]
[หลักแห่งไฟ เลเวล: 02 ร่างกายของผู้ใช้จะปรับตัวให้เข้ากับเปลวไฟได้ดีขึ้นและการควบคุมมันก็เป็นธรรมชาติมากขึ้นเล็กน้อยนอกจากนี้ยังทําให้มนุษย์ได้รับการกัดกร่อนจากบาป มนุษย์ที่มีบาปเพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถชําระล้างได้)
[อุโมงค์นรก เลเวล: 02 : 0/1,500
ทักษะที่สามารถทําให้เปิดอุโมงค์สู่นรกและออกไปที่อื่นได้ในเสี้ยววินาทียิ่งระยะทางไกลมากเท่าไหร่พลังงานที่จะใช้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น]
[**หลังจากถึงเลเวล 02 ผู้ใช้จะใช้พลังงานในการเคลื่อนที่แต่ละครั้งน้อยลง นอกจากนี้ความเร็วในการเคลื่อนย้ายแต่ครั้งจะถูกเพิ่มขึ้น และเนื่องจากผู้ใช้ใช้ความสามารถในการเคลื่อนย้ายบ่อยครั้งผู้ใช้จึงได้รับการรับรู้พื้นที่เพิ่มเติมอีกด้วย แม้ว่าผู้ใช้จะหลับตาผู้ใช้ก็สามารถรับรู้พื้นที่โดยรอบได้)
ทันทีที่ทักษะของโนอาห์พัฒนาขึ้น เขาก็สามารถมองเห็นรอบๆตัวของเขาได้ในแบบ 360 องศาและแม้แต่ในระหว่างการเคลื่อนย้ายเทเลพอร์ต เขาก็รู้อยู่เสมอว่าเขาอยู่ที่ไหนและอยู่ตรงไหนของพื้นที่นั้น
ระยะทางที่เขาสามารถเห็นได้ด้วยการรับรู้ใหม่ของเขานั้นไม่เกินสองถึงสามเซนติเมตรรอบๆตัวเขา แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้โนอาห์มีปฏิกิริยาตอบสนองมากพอที่จะหลบหรือโจมตีด้วยเทเลพอร์ตของเขา
เพราะสําหรับโนอาห์แล้วการได้รับมุมมองเพิ่มเติมรอบตัวของเขามันเป็นการบอก เขาว่าเขาควรจะเทเลพอร์ตออกไปหรือว่าเขาควรจะโจมตีต่อ
ด้วยทักษะใหม่ที่เขาเพิ่งได้รับ โนอาห์มั่นใจว่าอย่างน้อยเขาจะไม่ตายจากบอส ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพลังงานสําหรับการเทเลพอร์ตแต่ละครั้งยังลดลงอีกด้วย โนอาห์มั่นใจว่าเขาจะสามารถดึงความสนใจของบอสมาที่ตัวเขาเองได้ ในขณะที่ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆโจมตีมัน
น่าเสียดายสําหรับโนอาห์ เขาไม่ใช่คนเดียวที่เปิดใช้งานความสามารถใหม่
ทันทีที่ดวงตาของบอสเปลี่ยนเป็นสีแดง ซากศพของมอนสเตอร์รอบๆโนอาห์ก็ลุกขึ้นจากพื้นราวกับว่าพวกมันมีชีวิตอีกครั้ง สิ่งนี้ทําให้โนอาห์กลัวมาก เพราะเขาไม่คาดคิดว่ามอนสเตอร์เหล่านั้นจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
โชคดีที่เขาได้เผาและชําระล้างซากศพของมอนสเตอร์ไปบางส่วนแล้ว มันจึงไม่ได้เยอะมากเท่ากับตอนแรกที่พวกเขาสู้กับพวกมัน และตอนนี้โนอาห์ยังต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์พวกนี้ทั้งๆที่เขายังต้องเผชิญกับบอสที่แข็งแกร่งผิดปกติอีกด้วย โนอาห์จึงกังวลอย่างมาก
โชคดีที่เขาไม่ได้อยู่คนเดียวในป้อมปราการ เมื่อโนอาห์ไม่รู้ว่าต้องทํายังไง ผู้ถูกเลือกอีกคนหนึ่งก็รีบไปหามอนสเตอร์ตัวเล็กๆนั่นเพื่อกําจัดพวกมันให้สิ้นซากและไม่ให้พวกมันเขาไปรบกวนโนอาห์
พวกเขารู้ว่ามอนสเตอร์พวกนี้จะเป็นอุปสรรค์ของโนอาห์ในการต่อสู้กับบอส ดังนั้นแทนที่พวกเขาจะปล่อยให้มันเขาไปวุ่นวายกับโนอาห์พวกเขาจึงเข้าไปจัดการมันแทน
เมื่อเห็นนักรบของกลุ่มหันความสนใจไปที่มอนสเตอร์ที่อ่อนแอกว่า โนอาห์ก็มีความรู้สึกไม่ดีและมองไปที่ภูเขาซากศพของคนแคระ เขากลัวว่าศพพวกนั้นจะกลายเป็นซอมบี้เหมือนกันแต่โชคดีที่ศพของคนแคระไม่ได้รับการฟื้นคืนชีพเหมือนมอนสเตอร์
บอสไม่ยอมให้โนอาห์คิดต่อไปในขณะที่มันวิ่งเข้าหาเขา
มันคํารามด้วยความโกรธ อย่างน้อยเสียงคํารามนี้ก็เตือนโนอาห์ให้สนใจบอสและบอก ให้เขาสร้างช่องว่างให้กับแนวหลังเพื่อโจมตีบอสด้วยเวทย์มนตร์และลูกธนูต่อไป
แม้แต่แจสเปอร์ก็ยังวิ่งและสลับไปมาระหว่างการโจมตีของบอสและมอนส เตอร์ตัวเล็กๆด้วยความเร็วสูงแต่ความสนใจของบอสไม่เคยละทิ้งจากโนอาห์ ราวกับว่ามนุษย์คนนี้เป็นศัตรูที่มันสาบานไว้ว่าจะต้องฆ่าให้ได้
น่าเสียดายที่ถึงแม้การต่อสู้จะดําเนินต่อไปเช่นนี้ โนอาห์ก็ยังมองไม่เห็นว่าพวกเขาจะเอาชนะมอนสเตอร์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร มันคล่องแคล่วมากจนโนอาห์ไม่มั่นใจในการโจมตีของตัวเขาเอง เขาไม่กล้าโจมตีมันในระยะประชิด ทั้งหมดที่เขาทําได้คือการปล่อยพลังจากระยะไกลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การต่อสู้ดําเนินต่อไปเรื่อยๆ ที่ละเล็กทีละน้อยร่างกายของบอสเริ่มลุกเป็นไฟมากขึ้นเรื่อยๆ
โนอาห์รู้สึกเหมือนเป็นนักสู้วัวกระทิงจากยุคมืดของมนุษยชาติเมื่อหลายร้อยปีก่อน แม้ว่าจะไม่มีการสู้วัวกระทิงในอารยธรรมมนุษย์อีกต่อไป แต่วัฒนธรรมและเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังคงดําเนินต่อมาจนถึงทุกวันนี้
โนอาห์ได้ยินมาว่าลูกหลานของชาวสเปนถึงกับสร้างวัวอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสู้วัวกระทิงต่อไปแต่โนอาห์ไม่ได้สนใจถึงขนาดที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับมัน แต่ถึงกระนั้นเพราะเขาได้ยินเรื่องนี้มามากในชั้นเรียนวัฒนธรรมโบราณในตอนที่เขายังเด็ก โนอาห์จึงรู้สึกว่าเขาเป็นนักสู้วัวกระทิงทุกครั้งที่บอสผ่านเขาไป
แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาหลายนาทีในการโจมตีบอส แต่การโจมตีพวกนั้นก็ไม่ ได้ทําให้มันอ่อนแอลงแต่อย่างใด ผิวหนังของสิ่งมีชีวิตตัวนี้หนามากจนเปลวไฟของโนอาห์เจาะเข้าไปทําเสียหายให้กับร่างกายของมันได้ยากมาก และหลังจากครั้งแรกที่มันโดนไฟของโนอาห์ปล่อยเข้าไปในปากมันก็ไม่กล้าอ้าปากของมันใกล้กับโนอาห์อีกต่อไป
โนอาห์สามารถเห็นได้จากระยะไกลว่านักธนูและนักเวทย์เริ่มหมดแรงจากการโจมตีโดยไม่หยุด ไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อใดก็ตามที่มอนสเตอร์ปกติตาย บอสจะกรีดร้องและพวกมันก็คืนชีพขึ้นมาแม้ว่าหัวของพวกมันจะถูกตัดขาด แต่ซากของมอนสเตอร์ก็จะมารวมกันอีกครั้งและพวกมันก็จะเริ่มโจมตีพวกเขาอีก
เรื่องนี้บังคับให้โนอาห์ต้องเผาศพของมอนสเตอร์ตัวเล็กในขณะที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่พวกมันจะได้ไม่ถูกบอสคืนชีพได้อีก
เพราะเมื่อใดก็ตามที่ส่วนนั้นของมอนสเตอร์ถูกเผาด้วยเปลวไฟของโนอาห์ ส่วนนั้นของมอนสเตอร์ก็จะไม่สามารถคืนชีพได้อีกต่อไป
แต่การต่อสู้ครั้งนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นอยู่ดี นักเวทย์เริ่มหมดแรง แจสเปอร์ก็เริ่มหมดแรงนักรบก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมอนสเตอร์ตัวเล็กๆ และโนอาห์ก็เปียกไปด้วยเหงื่อจากความพยายามในการจัดการกับบอสตัวนี้
การต่อสู้ดําเนินต่อไปในลักษณะนี้ ทีละเล็กทีละน้อย มอนสเตอร์ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้เนื่องจากเปลวเพลิงของโนอาห์ แต่ทุกคนก็ยังเหนื่อยมากอยู่ดี
หน้าผากของโนอาห์เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
“ฉันทําอะไรไม่ได้แล้ว..? ฉันไม่สามารถจัดการกับบอสตัวนี้คนเดียวได้ ถ้านักรบคนอื่นๆสามารถช่วยฉันได้ ฉันก็จะมีสมาธิมากขึ้นในการเผามัน แต่ถ้าฉันยังเป็นคนเดียวที่โจมตีมันในระยะใกล้แบบนี้ละก็ ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะจัดการกับมันได้นานกว่านี้ไหม” โนอาห์คิด
ในที่สุดเขาก็เริ่มสิ้นหวัง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาสามารถตายในป้อมปราการแห่งนี้ได้จริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หากกลุ่มของเขาเริ่มตายโนอาห์จะต้องเสี่ยงทุกอย่างที่มีเพื่อหนีไปยังทางเข้าโดยการเทเลพอร์ต และเขาจะต้องไปโดยที่เขาหวังว่าประตูมิติจะเปิดออกแต่เนื่องจากป้อมปราการแห่งนี้ผิดปกติเป็นอย่างมาก โนอาห์จึงสงสัยว่าประตูมิติจะเปิดให้เขาออกไปจริงๆหรือเปล่า
“อาาาาาาาาา!!!
บิ๊กบูลกรีดร้องในขณะที่รู้สึกเจ็บขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเขามองลงมาบิ๊กบูลก็เห็นว่าซอมบี้มอนสเตอร์ตัวหนึ่งฟื้นขึ้นมาอีกครั้งและกัดหน้าแข้งของเขาอย่างแรงโดยใช้ฟันของมันที่สามารถบดกระดูกของคนแคระได้ มันสามารถฉีดขาของบิ๊กบูลออกได้หากเขาไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เสียงกรีดร้องของบิ๊กบูลทําให้คนทั้งกลุ่มสั่นคลอนเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขาไม่เคยมีปัญหาในการจัดการกับป้อมปราการด้วยกันมาก่อน เมื่อเห็นว่าคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสทําให้ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆเริ่มสงสัยในโอกาสที่จะประสบความสําเร็จในป้อมปราการแห่งนี้ทันที
*บู๊ม*
เสียงระเบิดของโนอาห์เมื่อเขาเทเลพอร์ตกลับไปกลับมาคือสิ่งที่ทําให้ทีมยังคงต่อสู้กับมอนสเตอร์ต่อไป เนื่องจากโนอาห์เป็นความหวังของกลุ่มในจิตใจของพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาพบเจอได้เสมอ คนกลุ่มนี้จึงเชื่อว่าตราบใดที่โนอาห์ยังไม่เป็นอะไร เขาก็จะหาวิธีจัดการกับมอนสเตอร์พวกนี้ได้และนําชัยชนะมาสู่พวกเขา
แต่แล้วก็มีอีกเสียงร้องอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นทําให้คนทั้งกลุ่มตกใจ
“อ๊ากกกกกกก!!!”
แต่คราวนี้มันเป็นเสียงกรีดร้องจากคนที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
คนกลางห้องคนที่หลบการโจมตีของบอสอย่างไม่ลําบาก บางครั้งถึงกับแสดงความสนุกเหมือนกับว่าเขาสามารถทําแบบนี้ได้ทั้งวัน คนๆนั้นคือคนที่กรีดร้อง
โนอาห์คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและกุมข้อมือของเขาเอาไว้ราวกับว่ามีบางอย่างกัดเขาและเขาก็สูญเสียมือจากการถูกกัดนั้น