กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1006
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1006
“วังหลังไม่ได้มีเพียงเหวินเส่าอี๋ อาม่อและเยี่ยจิ่งหานหรอกหรือ? พวกเขาแค่สามคนจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายมากมายเช่นนั้นเลยหรือ?”
“ไม่เพียงแค่นั้น วังหลังมีคุณชายอยู่กว่าหนึ่งพันคน”
กู้ชูหน่วนแทบตกเก้าอี้
กว่าพันคน?
กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่ท่านอ๋องเสวี่ย
นางต้องการให้เขาอธิบายมาให้ชัดเจน ไม่งั้นเขาก็อย่าได้คิดเป็นท่านอ๋องเสวี่ยอีกเลย
“ฝ่าบาท คุณชายเหล่านั้นล้วนเป็น…..ล้วนเป็นคนที่ผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้นหลงเหลือเอาไว้ พวกเขาล้วนเป็นชายหนุ่มรูปงามจากทั่วทั้งรัฐปิงและต่างถูกส่งบังคับให้เข้ามายังวังหลวง และส่วนใหญ่แล้วก็ถูกผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้นกระทำย่ำยีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เพราะเรื่องนี้มีผลต่อชื่อเสียงของราชวงศ์ กระหม่อมจึงไม่กล้าให้พวกเขาออกไปและก็ไม่อยากจัดการฆ่าสังหารพวกเขาลง จึงทำให้เรื่องเป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”.
“ปล่อยพวกเขาออกไปเถอะ ต่อให้พวกเขาไม่พูดออกไป ตอนนี้ภายนอกก็เผยแพร่กันอย่างทั่วถึงแล้ว ยังจะมาห่วงอะไรกับชื่อเสียงเหล่านั้นอีก”
“ฝ่าบาท ทักษะอันชั่วร้ายที่ฝึกฝนโดยผู้หญิงชั่วร้ายนั้นรุนแรงอย่างมาก หลังจากแปดเปื้อนแล้ว คุณชายเหล่านั้นก็พิการลงเสียส่วนใหญ่ ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวยากลำบาก อีกทั้งแต่ละพื้นที่ก็เต็มไปด้วยภัยพิบัติ เมื่อออกไปแล้วพวกเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัย เกรงว่าพวกเขาก็คงไม่ยอมออกไปด้วยเช่นกัน และคุณชายบางคนที่มีฐานะร่ำรวย พวกเขาล้วนต่างเย่อหยิ่งและเมื่อถูกผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้นย่ำยี….พวกเขาก็ไม่มีหน้าไปสู้คนอื่นได้อีก ฉะนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมออกไปด้วยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เอ่อ…..ท้องพระคลังไม่มีเงินไม่ใช่หรือ? กระหม่อมจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบ ผลก็คือคนส่วนใหญ่ล้วนไม่ต้องการออกไปจากที่นี่”
“ปล่อยให้พวกเขาอยู่วังหลังนานไปก็ไม่เหมาะ เอาเช่นนี้ หากยอมออกไปจะมอบเงินให้สิบตำลึงและให้ที่ดินอีกหนึ่งแห่ง หากไม่ยอมออกไปก็อยู่ที่นี่ต่อไป”
“ฝ่าบาท คนเหล่านั้นมีจำนวนเกือบหมื่นคน หากมอบเงินให้คนละสิบตำลึงละก็ ต้อง…..เราไม่มีเงินพอที่จะให้พวกเขาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
กู้ชูหน่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ท้องพระคลังไม่มีเงินแล้วจริงๆ
การประดิษฐ์ตัวอักษร ภาพวาด และวัตถุโบราณจำนวนมากก็ถูกนางปฏิเสธไปจนหมด
ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาต่างถูกจับมาเป็นเชลยและต้องพิการลง
หากอยู่ในวังหลวงนานไปเรื่อยๆ เรื่องการกินอยู่ก็จะเกิดปัญหาขึ้น
“เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะนำเงินส่วนตัวเป็นเงินชดเชยให้กับพวกเขาเอง”
“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาทแทนคุณชายเหล่านั้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“รีบไปจัดการ”
ท่านอ๋องเสวี่ยยังคงยืนเฉยและไม่กล้าพูดออกมา
“จะพูดอะไรก็พูดมาได้เลย”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทก็เห็นแล้วว่าตอนนี้ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติ และเงินก็ขาดแคลนอย่างหนัก ฝ่าบาท….หากฝ่าบาทยังมีเงินส่วนตัวอีกละก็ พอจะ……ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ…..”
กู้ชูหน่วนกล่าวออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ได้”
นางได้นำสมบัติของตัวเองออกมาบริจาคหมดแล้ว นางจะมีเงินที่ไหนอีก?
เงินที่ต้องมอบให้บรรดาคุณชายเหล่านั้น นางก็กำลังคิดไม่ตกว่าจะไปหามาจากที่ไหน
ช่วงนี้นางมักหยิบยืมเงินของเจ้าเสือน้อยมาใช้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เอาแต่หลบหน้านาง และไม่ว่านางจะเรียกยังไงมันก็ไม่ออกมา
ไม่เพียงแค่เจ้าเสือน้อย บรรดาอสูรร้ายตัวอื่นๆ ก็ต่างหลบหน้านางราวกับเจอโรคระบาดยังไงยังงั้น
ท่านอ๋องเสวี่ยกลับกล้าบอกให้นางนำเงินออกมา
ฝันไปเสียเถอะ
ท่านอ๋องเสวี่ยยิ้มและกล่าวว่า “เอ่อ….วันข้างหน้าก็จะคืนให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างหากกระหม่อมมีเงิน กระหม่อมจะคืนให้ฝ่าบาทเป็นสองเท่าเลย ตกลงไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทขายสูตรการปรุงยาอายุวัฒนะดีหรือไม่? สูตรลับการปรุงยาอายุวัฒนะที่ฝ่าบาทเคยขายเมื่อก่อนนั้น สำนักพรรคใหญ่รวมถึงรัฐใหญ่ๆ ต่างก็แย่งชิงกัน และทำเงินได้เป็นจำนวนมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋องเสวี่ย เจ้าคิดแผนการให้ตกลงมาที่ข้าอย่างนั้นหรือ?”
“กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าว่าเจ้ากล้าออกจะตายไป”
นางขายสูตรลับยาอายุวัฒนะไปแล้วเท่าไร?
อย่างน้อยก็กว่าร้อยสูตรเลยกระมัง?
นางได้ขายไปหมดแล้ว นางจะเอาที่ไหนมาขายอีก?
“ฝ่าบาท อันที่จริงกระหม่อมยังมีอีกหนึ่งวิธีที่พอจะหาเสบียงอาหารมาได้ไม่น้อย และเพียงพอที่จะจัดการกับปัญหาการขาดแคลนเสบียงอาหาร”
กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจ
“วิธีการอะไร?”
“แต่งงานกับรัฐอี้พ่ะย่ะค่ะ”
“แต่งงาน? หยางโม่หรือว่าหยางม่าน?”
“ฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ”
กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป
“จักรพรรดิอี้ไม่มีพระธิดา และมีเพียงพระโอรสคนเดียว ในอนาคตตำแหน่งจักรพรรดิจะต้องตกเป็นของพระโอรสอี้อย่างแน่นอน หากฝ่าบาทอภิเษกสมรสกับเขา เช่นนั้นรัฐอี้อาจตกเป็นของฝ่าบาทในอนาคตก็เป็นได้ เพียงแค่เสบียงอาหารยังจะกลัวว่าขาดแคลนอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
กู้ชูหน่วนหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ
นางรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว
ว่าท่านอ๋องเสวี่ยคนนี้เอาแต่คิดยัดเยียดผู้ชายให้กับนาง
ไม่ เขายังคิดจะขายนางอีกด้วย
กู้ชูหน่วนถามกลับ “แต่งงานกัน? ฟังดูไม่เลว แต่ข้าเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐ จักรพรรดิอี้เองก็มีพระโรสเพียงคนเดียว และการสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิในอนาคต เจ้าคิดว่าหากเราแต่งงานกันจริงละก็ เขาจะต้องมาอยู่ที่นี่ หรือว่าข้าจะต้องแต่งออกไปอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอนว่าองค์ชายอี้จะต้องแต่งเข้ามาสิพ่ะย่ะค่ะ”
“เขาเป็นถึงทายาทผู้สืบทอดราชบัลลังก์ เขาจะยอมแต่งเข้ามาอย่างนั้นหรือ?”
“กระหม่อมได้เคยส่งสาส์นไปยังจักรพรรดิอี้ จักรพรรดิอี้ไม่ทรงมีปฏิเสธ และยังสัญญาว่าจะมอบข้าวสารจำนวนมากเพื่อเป็นสินสอดทองหมั้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮึ…..
ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์
เขาคิดจะขายนางจริงๆ ด้วย
“ข้าวสารจำนวนมาก ข้าก็ยังพอมีค่าอยู่ไม่น้อยเชียว”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทแต่งงานกับองค์ชายอี้ อย่างน้อยก็มีคนคอยดูแลปรนนิบัติอยู่ข้างกาย และยังสามารถจัดการปัญหาขาดแคลนเสบียงอาหารของรัฐปิงไปได้ ฝ่าบาทคิดเห็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้าคิดว่า เสด็จอาหล่อเหลารูปงามมาก แม้ว่าอายุจะมากแล้ว แต่ก็ยังคงเผยให้เห็นความหล่อเหลาไม่เปลี่ยน อีกทั้งที่จวนก็ไม่มีพระชายา ข้าคิดว่าควรจะหาคนสนิทรู้ใจมาคอยปรนนิบัติเสด็จอาก่อนจะดีกว่า”
“เอ่อ….ฝ่าบาท ฝ่าบาทก็รู้ว่าหลังจากที่พระชายาได้จากไป กระหม่อมก็ได้สาบานว่าจะไม่แต่งงานกับใครอีก”
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าจะได้เงินบริจาคจำนวนเท่าไรสำหรับตำแหน่งพระชายาอย่างนั้นหรือ?”
หลิงเอ๋อร์หัวเราะและรีบกล่าวอย่างจริงจัง “อย่างน้อยคงสักสามแสนตำลึงเพคะ ท่านอ๋องเสวี่ยเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ข้าน้อยคาดว่าตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องเสวี่ยอย่างน้อยที่สุดจะต้องบริจาคเงินจำนวนกว่าห้าแสนตำลึงเพคะ”
กู้ชูหน่วนลูบคางและพยักหน้าจริงจัง
“ห้าแสนตำลึง นี่ถือเป็นเงินจำนวนไม่น้อยที่สามารถนำมาซื้อเสบียงอาหารและเสื้อผ้านุ่งห่มได้จำนวนมากเชียว”
“หากขายตำแหน่งพระชายารองอีกสองตำแหน่งละก็ ต้องหาเงินเพิ่มได้อีกหลายแสนตำลึงแน่ คงไม่ยากอะไรใช่หรือไม่?”
“ฝ่าบาทจะทรงตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้? ท่านอ๋องเสวี่ย ข้าอุตส่าห์พยายามทำเพื่อราษฎรของรัฐปิง หรือเจ้าไม่ต้องการช่วยอะไรเลย”
“ฝ่าบาท กระหม่อมทำเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ ฝ่าบาทให้กระหม่อมทำอะไรก็ได้ ยกเว้นเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม่ได้”
“เจ้าทำไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าทำได้อย่างนั้นหรือ?”
ท่านอ๋องเสวี่ยแทบร้องไห้ออกมา
เขาก็แค่หวังดีกับฝ่าบาท และหวังดีต่อรัฐปิงเท่านั้น
รัฐอี้ถือเป็นรัฐขนาดใหญ่ยิ่งกว่ารัฐปิงเสียอีก
หากสามารถแต่งงานกับพวกเขาได้ก็มีแต่จะได้รับประโยชน์ต่างๆ นานา
เหตุใดฝ่าบาทถึงคิดไม่ได้นะ
“ประกาศราชโองการของข้าออกไปว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้จัดการแต่งตั้งพระชายาให้กับท่านอ๋องเสวี่ย ใครที่มอบเงินบริจาคจำนวนมาก ตำแหน่งพระชายาก็จะตกเป็นของคนนั้น อ้อใช่ นอกจากพระชายาเอกแล้วนั้น ยังสามารถแต่งตั้งพระชายารองได้อีกเจ็ดคน พร้อมสนมอีกสิบคน”
“เพคะ”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท ขอฝ่าบาทได้โปรดยกเลิกราชโองการด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้ ดำเนินการตามนี้”
“ฝ่าบาท”
“หากเจ้ากล้าพูดอีกคำเดียว ข้าจะสั่งให้แต่งตั้งพระชายารองให้กับเจ้ายี่สิบคน”
“……”
“เจ้าทำหน้าเศร้าเช่นนี้ให้ผีที่ไหนดูหรือ?”
เขาใช้โอกาสตอนที่นางยังสลบอยู่แต่งตั้งพระสวามีให้นางถึงสามคน นางยังไม่โกรธอะไร ตอนนี้เขากลับโกรธเคืองอย่างนั้นหรือ?
ท่านอ๋องเสวี่ยนิ่งเงียบอยู่นานก่อนจะกล่าวออกมา “ฝ่าบาทต้องการให้กระหม่อมไปตาย กระหม่อมก็ต้องไปตายพ่ะย่ะค่ะ”
ความหงุดหงิดที่กู้ชูหน่วนมีอยู่ก็เริ่มผ่อนคลายลง และอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขา “ท่านอ๋องเสวี่ย เจ้าบอกให้ข้าแต่งงานกับรัฐอี้ แต่ข้ามีพระสวามีอยู่แล้ว หากข้าจะแต่งงานจริง เจ้าจะให้ข้าแต่งตั้งพระโอรสอี้อย่างไร แล้วสถานะของเขาจะเป็นเช่นไร?”
“เขาเป็นถึงพระโอรสเพียงคนเดียวของจักรพรรดิอี้ เจ้าว่าเขาจะยอมเป็นอนุสวามีของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“หากไม่ยอมเป็นอนุ เจ้าจะเอาพระสวามีไปไว้ที่ไหน? ข้าเพิ่งจะผ่านพิธีอภิเษกสมรสกับพระสวามี จากนั้นเจ้าจะให้ข้ายกเลิกตำแหน่งพระสวามีของเหวินเส่าอี๋อย่างนั้นหรือ?”