กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1008
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1008
“ยืนให้ดี อย่าทำเหมือนเป็นโรคกระดูกอ่อน”
“ท่านอ๋องเสวี่ยบอกว่าตอนนี้เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว สามีภรรยาก็ควรจะใกล้ชิดสนิทสนมและรักใคร่กัน และทางที่ดี…..ทางที่ดีก็ควรมีลูกด้วยกัน”
แม้ว่าซือม่อเฟยจะโง่เขลา แต่เขากลับเป็นคนที่กู้ชูหน่วนรักและเอ็นดู
ตอนนี้คนโปรดของนางได้ถูกสั่งสอนไปในทางที่ผิด มีหรือที่นางจะไม่โกรธเคือง
“ส่งคนมาที่นี่ ลงโทษท่านอ๋องเสวี่ยอีกหนึ่งแสนตำลึง และนำมามอบให้ข้าภายในสามวัน”
“ฝ่า….ฝ่าบาท จวนท่านอ๋องเสวี่ยได้นำไปจำนองถึงห้าครั้งแล้ว และไม่สามารถจำนองได้อีกแล้ว ท่านอ๋องเสวี่ย….ไม่มีเงินแล้วเพคะ”
“หากเขาไม่มีเงิน เจ้าก็รับโทษแทนเขา”
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปแจ้งท่านอ๋องเสวี่ยให้นำเงินหนึ่งแสนตำลึงมาให้ภายในสามวันเพคะ”
ซือม่อเฟยกล่าวอย่างรู้สึกผิด “ท่านพี่หญิงโกรธหรือ”
“อาม่อของข้าเป็นเพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตามความต้องการของคนอื่น ในใจของข้าแล้ว เจ้าเป็นคนที่ดีที่สุดเสมอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซือม่อเฟยก็โถมเข้ามากอดนางอีกครั้งและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ท่านพี่หญิงดีกับข้าที่สุดเลย”
“อ้อใช่ ท่านพี่หญิงกำลังตามหาเจ้าเสือน้อยอยู่ใช่หรือไม่?”
“เจ้าหรือหรือว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“รู้สิ นั่นไง เขาอยู่ที่นั่น”
ซือม่อเฟยชี้ไปที่ภาพวาดภูเขาและแม่น้ำที่อยู่ที่ผนัง และแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
กู้ชูหน่วนเดินมาหยุดอยู่ที่ภาพวาดดังกล่าว จากนั้นก็ฉีกภาพวาดดังกล่าวออกและเผยให้เห็นช่องเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่
จากนั้นกู้ชูหน่วนก็เปิดช่องลับนั้น
จากนั้นก็มองเห็นศีรษะของเจ้าเสือน้อย
นางรีบคว้าหางของเจ้าเสือน้อย
“โอ๊ย…..เจ็บๆๆ นายท่าน ข้าเจ็บเหลือเกิน”
“ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายครั้ง เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจข้าเลย?”
“ข้าไม่มีเงิน ข้าไม่มีเงินแล้ว ฮือๆ…..”
“ข้าบอกหรือว่าจะขอเงินเจ้า?”
แววตาของเจ้าเสือน้อยเป็นประกายและไม่นานมันก็ยิ้มได้อีกครั้ง
หลายวันมานี้นางก็พูดเช่นนี้ไม่ใช่หรือ ทว่าสุดท้ายนางก็พยายามคิดหาวิธีเอาเงินของมันไปจนหมด
มันอุตส่าพยายามเก็บออมอยู่นาน รวมกันแล้วก็ไม่ใช่เงินจำนวนมากมายอะไร แต่กลับถูกนางเอาไปจนหมด
เมื่อนึกถึงเมื่อครั้งก่อนที่นางหลอกล่อเอาเงินเก็บของมันไป แถมยังบอกว่าหากชนะสงครามมันสามารถหยิบเอาทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่อยู่ในท้องพระคลังได้ตามอำเภอใจ แต่สุดท้าย……
ท้องพระคลังกลับไม่มีทรัพย์สมบัติและของมีค่า ทว่ากลับยากจนเสียยิ่งกว่าอะไร
เจ้าเสือน้อยกล่าวออกมา “ข้าไม่มีเงินหรอก แต่หากเอาชีวิตข้าก็พร้อมเสมอ”
“ดูความตระหนี่ของเจ้าสิ วางใจได้ ข้าจะไม่เอาชีวิตของเจ้าและไม่เอาเงินของเจ้าด้วย ข้าเพียงต้องการหนังเสือของเจ้าเท่านั้น”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เจ้าเสือน้อยตกใจจนตัวสั่น
หนัง…..
หนังเสือ?
จะเอาหนังเสือไปทำอะไร?
นายท่านคิดจะฉีกหนังเสือของมันไปขายอย่างนั้นหรือ?
“เจ้าเป็นถึงเสือดำโบราณในตำนาน และหนังเสือของเจ้าจะต้องมีมูลค่าอย่างมากแน่ หากนำไปประมูลจะต้องทำเงินได้มหาศาล เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน เจ้ามอบหนังของเจ้าให้กับข้า วางใจได้ หนังของเจ้าจะค่อยๆ งอกเงยออกมาในไม่ช้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็กลับมาเป็นเจ้าเสือน้อยที่น่ารักเหมือนเคย”
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะออกไปข้างนอก ข้าจะออกไปข้างนอก”
“ถอดหนังเสร็จเจ้าก็สามารถออกไปข้างนอกได้”
“ฮือๆ…..นายท่านกำลังรังแกข้า”
“ใครบอกให้เจ้าเป็นอสูรร้ายตัวโปรดของข้าล่ะ อาม่อ เอามีดมาให้ข้า”
“อ้อ…..ท่านพี่หญิงมีดอยู่นี่แล้ว เราจะถลกหนังเสือของเขาจริงหรือ? ข้าว่าดวงตาของเจ้าเสือน้อยก็สวยงามดี ไม่เช่นนั้นเราควักลูกตาเขาไปขายดีหรือไม่?”
“ความคิดนี้ไม่เลว ฤดูหนาวใกล้จะมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็ตัดเอ็นของเขาออกมาด้วย ว่ากันว่าสามารถนำไปบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดีเชียว”
“อ๋า……ข้าไม่ยอม นายท่าน ข้าไม่ยอม ฮือๆ…..”
“ไม่ยอมก็ได้ นอกเสียจากว่าเจ้าจะยอมจ่ายแทนผู้ซื้อเหล่านั้นเสีย?”
“เงินอะไร?”
“เงินค่าหนังเสือ ลูกตาเสือและเอ็นเสือไงล่ะ”
“นายท่าน นายท่านกำลังหลอกใช้ข้า”
“เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ได้”
“ข้าไม่ ข้ายอมตาย แต่หากต้องการเงินข้าไม่มีให้หรอก”
“ได้ เช่นนั้นข้าก็จำใจต้องทำ เฮ้อ ถึงอย่างไรข้าก็มีอสูรตัวโปรดมากมาย มีหรือไม่มีเจ้าก็ไม่สำคัญอะไร ข้าคงต้องยอมสละเจ้าไป”
“นายท่าน นายท่านรักและเอ็นดูข้าที่สุด ฮือๆ นายท่านไม่มีทางทำเช่นนั้นกับข้าอย่างแน่นอน…..”
“เจ้าก็นำเงินออกมาแต่โดยดี แล้วข้าจะรักและเอ็นดูเจ้าเหมือนเดิม”
“ไม่มีเงิน”
“งั้นข้าถามเจ้าว่าข้าเป็นเจ้านายของเจ้าหรือไม่?”
“ใช่”
“เจ้านายมีปัญหา เช่นนั้นเจ้าก็ควรยื่นมือเข้าช่วยไม่ใช่หรือ”
“ใช่ แต่ข้าไม่มีเงิน…..”
“ร่างกายของเจ้าก็เป็นของข้า นับประสาอะไรกับเงิน เจ้าค่อยหาใหม่ในภายหลังก็ได้ไม่ใช่หรือ”
“ไม่มีเงิน”
“เจ้าไม่ยอมใช่หรือไม่? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็อย่าโทษข้าแล้วกัน”
กู้ชูหน่วนยกมีดขึ้นและคิดจะถลกหนังเสือของเจ้าเสือน้อย ทำให้เจ้าเสือน้อยตกใจจนตัวสั่นและทำได้เพียงยอมจำนนอย่างลำบากใจภายใต้การครอบงำของเงินในตัวนาง
“ถูกต้อง นี่ต่างหากถึงเป็นเจ้าเสือน้อยของข้า ข้าสัญญาว่าหลังจากเหตุการณ์วิกฤติของรัฐปิงดีขึ้น และหากมีเงิน ข้าจะมอบให้เจ้ากองเท่าภูเขา และให้เจ้าเลือกทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังได้ตามอำเภอใจ”
“นายท่านก็พูดเช่นนี้ทุกครั้ง รัฐปิงยากจนแสนเข็ญมากแค่ไหนท่านเองก็รู้อยู่แก่ใจดี”
กู้ชูหน่วนลูบหัวของเจ้าเสือน้อยและกล่าวอย่างแน่วแน่ “ไม่มีทาง ตอนนี้แค่ชั่วคราวเท่านั้น รัฐปิงจะต้องกลับมาเป็นใหญ่ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน และจะกลายเป็นรัฐที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยมากที่สุด ราษฎรของรัฐปิงทุกคนจะต้องอยู่อย่างมีความสุขและไม่อดอยาก”
เมื่อเดินออกจากห้องตำราหลวง อาม่อก็กล่าวว่า “ท่านพี่หญิง ท่านมักหลอกเงินจากเจ้าเสือน้อยและสัตว์ตัวอื่น ตอนนี้พวกเขาต่างหวาดกลัวท่านกันหมดแล้ว”
“ก็ข้าไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ หากข้ามีเงิน ข้าคงไม่ต้องไปเอาเงินของพวกเขามาหรอก”
“ฝ่าบาท ในที่สุดข้าน้อยก็ตามหาฝ่าบาทเจอพ่ะย่ะค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้เป็นวันที่ฝ่าบาทจะต้องกลับบ้านพร้อมกับพระสวามีพ่ะย่ะค่ะ”
“วันที่ต้องพาสามีกลับบ้าน?”
ปกติแล้วชาวบ้านทั่วไปจะพาสามีกลับบ้านฝ่ายหญิงหลังจากที่แต่งงานได้สามวัน
เหตุใดจักรพรรดิถึงจำเป็นต้องมีประเพณีนี้ด้วย?
ช่างแปลกประหลาดมาก
“ใช่แล้ว ตอนนั้นก่อนที่จะอภิเษกสมรส ฝ่าบาทได้สัญญากับพระสวามีแล้วว่าจะกลับบ้านและยังจะนำของขวัญไปมอบให้ และวันนี้ก็เป็นวันที่ต้องกลับบ้านแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เอ่อ……
นางเป็นคนสัญญากับพวกเขาอย่างนั้นหรือ?
ท่านอ๋องเสวี่ยต่างหากล่ะ
“กลับไปที่เผ่าเพลิงฟ้า หรือตระกูลเหวิน หรือว่ากลับไปที่บ้านของเยี่ยจิ่งหานและอาม่อ?”
“แน่นอนว่ากลับบ้านของพระสวามีเอก ตามหลักบรรพบุรุษที่ทำกันมา เยี่ยกุ้ยเหรินและม่อกุ้ยเหรินไม่มีสิทธิ์ขอร้องให้ฝ่าบาทกลับบ้านพร้อมกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”
ซี๊ด……
แผ่นหลังรู้สึกหนาวเหน็บ
กู้ชูหน่วนรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
และเมื่อหันหลังไป เยี่ยจิ่งหานก็ได้นั่งอยู่บนรถเข็นไม่ไกลออกไป
ห่างกันเพียงเล็กน้อย และบทสนทนาเมื่อสักครู่เขาต้องได้ยินทั้งหมดแน่
กู้ชูหน่วนโบกมือและให้ขันทีออกไป
เมื่อซือม่อเฟยเห็นเยี่ยจิ่งหาน เขาก็ยิ้มออกมาและตะโกนอย่างดีใจ “พี่เยี่ย”
รอยแตกปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เยือกเย็นของเยี่ยจิ่งหาน
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?”
“พี่เยี่ยยังไงล่ะ เราสามคนได้แต่งงานกับท่านพี่หญิงแล้ว ท่านและเหวินเส่าอี๋ต่างเป็นพี่ชายของข้า ต่อจากนี้ไปเราสามคนก็จะได้ใช้ผู้หญิงคนเดียวกัน”
กู้ชูหน่วนแทบอยากเอามืออุดปากของเขา
พูดอะไรไม่คิดเลยจริงๆ
เมื่อเห็นแววตาของเยี่ยจิ่งหานค่อยๆ มืดลง กู้ชูหน่วนก็ลากอาม่อออกไปสองสามก้าว
“ท่านพี่หญิงลากข้าออกมาทำไม ข้ายังมีเรื่องจะถามพี่เยี่ยว่าจะคอยดูแลปรนนิบัติท่านพี่หญิงยังไงอยู่เลย”
“เจ้าหุบปากได้หรือไม่”
“หยุดเดี๋ยวนี้”
เยี่ยจิ่งหานตะโกนออกมาและทันใดนั้นเขาก็มาอยู่ตรงหน้าของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนฝืนพูดออกไป “ดูแล้วอาการบาดเจ็บของเจ้าดีขึ้นอย่างมาก และวรยุทธ์ก็กลับมามากแล้ว”
“อะไรคือเยี่ยกุ้ยเหริน?”
“จะมีอะไรได้อีก ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือว่าตอนที่ข้าหมดสติไป เมื่อข้าตื่นขึ้นมาข้าก็กลายเป็นจักรพรรดินี และยังได้แต่งงานกับพวกเจ้าทั้งสามคน”
“ข้าหมายความว่าเหตุใดเหวินเส่าอี๋ถึงได้เป็นพระสวามีเอก แต่ข้ากลับเป็นเพียงกุ้ยเหริน?”