กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1010
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1010
ไม่รู้ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนจะตกลงมาจากข้างบนหรือไม่
เซี่ยวอวี่เซวียนให้ความสำคัญกับขวานผานกู่อย่างมาก
เขาไม่มีทางโยนขวานผานกู่ทิ้งริมแม่น้ำอย่างแน่นอน
นอกจากว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ เช่นเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ขวานผานกู่ได้อยู่กับเซี่ยวอวี่เซวียนตั้งแต่ก่อนที่เขาจะหายตัวไป
ทว่าจักรพรรดินีตัวปลอมกลับบอกว่าเขาได้ตายไปแล้ว
ถ้าหากเขาตายไปแล้ว เหตุใดขวานผานกู่ถึงปรากฏขึ้นที่นี่?
จักรพรรดินีตัวปลอมคิดอยากได้ครอบครองขวานผานกู่มาตลอดเลยไม่ใช่หรือ? นางไม่มีทางทิ้งขวานผานกู่ไว้ที่นี่อย่างแน่นอน
มีเพียงทางเดียวคือ เซี่ยวอวี่เซวียนอาจจะยังไม่ตาย เขาได้หนีมาที่นี่และบาดเจ็บสาหัส ฉะนั้นขวานผานกู่ก็เลยปรากฏขึ้นที่นี่โดยบังเอิญ?
เมื่อนึกถึงความน่าจะเป็นนี้ กู้ชูหน่วนก็ไม่สนใจเรื่องที่จะต้องตามเหวินเส่าอี๋กลับบ้านและคิดเพียงพยายามตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนให้เจอโดยเร็ว
เพราะกลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียวเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้
กาวกงกงถือเป็นหัวหน้าขันที เขาเดินวนไปมาอย่างร้อนใจและพยายามพูดเกลี้ยกล่อม “ฝ่าบาท ใกล้จะมืดแล้วและพระสวามีก็รอฝ่าบาทอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ หาก…หากยังเสียเวลาอยู่ที่นี่และเมื่อฟ้ามืดลง ถึงตอนนั้นก็จะไม่เป็นฤกษ์มงคลแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“รอให้หาเซี่ยวอวี่เซวียนเจอแล้วค่อยไป”
“ฝ่าบาท ที่นี่ยังมีคนอื่นตามหาอยู่เป็นจำนวนมาก หากหาเจอพวกเขาจะร้องรีบไปรายงานฝ่าบาทแน่นอน เช่นนั้นเรากลับไปก่อน…..”
ซี๊ด…..
มีสายตาอันเยือกเย็นกำลังจ้องเขม็ง
กาวกงกงและหลิงเอ๋อร์ไม่กล้าพูดอะไรอีกและทำได้เพียงหุบปากอย่างร้อนรนกระวนกระวายใจ
ไม่รู้ว่าฝูกวงโผล่มาจากไหนและหยิบเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดออกมา “นายท่านดูนี่สิ”
เลือดบนเสื้อผ้าได้แห้งลงและมีรอยขาดเป็นจำนวนมาก
ล้วนแล้วแต่เป็นรอยจากการเสียดสีต้นไม้
กู้ชูหน่วนจำได้ว่าเป็นเสื้อผ้าของเซี่ยวอวี่เซวียน
“ข้าเดาไว้ไม่ผิดว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนยังไม่ตาย เขาอยู่ใกล้ๆ ที่นี่ ฝูกวงเจ้าหาเจอมาจากที่ไหนหรือ?”
“ตรงกลางของภูเขาลูกนั้นขอรับ”
“แม่ทัพหลิน ส่งคนไปที่ภูเขาลูกนั้นเพื่อค้นหาและห้ามละเลยแม้แต่หย่อมหญ้าใดๆ ต่อให้ต้องขุดดินให้ลึกลงไป พวกเจ้าก็ต้องตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนให้เจอให้ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว
ภายในหุบเขาต่างเต็มไปด้วยเสียงร้องตะโกนและคบไฟเพื่อความสว่าง
กู้ชูหน่วนก็ลงมือค้นหาด้วยตัวเอง ทว่ากลับไม่พบเบาะแสเลยแม้แต่นิดเดียว
หลิงเอ๋อร์กล่าว “ฝ่าบาทเพคะ ใกล้ได้เวลาพักผ่อนแล้วนะเพคะ”
“เจ้ามีเวลามีพูดให้ข้าไปพักผ่อน เจ้าเอาเวลานี้ไปช่วยกันออกตามหาจะดีเสียกว่า”
“เพคะ…..”
ทุกคนต่างไม่ได้โง่
จากการแสดงออกวันนี้นั้น คุณชายเซี่ยวที่เป็นข่าวลือจะต้องมีความหมายและมีความสำคัญกว่าพระสวามีและเยี่ยกุ้ยเหรินอย่างมากแน่
หากไม่สำคัญฝ่าบาทมีหรือจะละเลยเรื่องสำคัญของรัฐ ละเลยการกลับบ้านกับพระสวามีและลงมือออกค้นหาด้วยตัวเองที่นี่
ดูท่าแล้วพวกเขาจำเป็นต้องตามหาคุณชายเซี่ยวให้เร็วที่สุด
หากสามารถตามหาคุณชายเซี่ยวได้เร็ว ฝ่าบาทจะต้องมอบรางวัลอย่างามให้พวกเขาอย่างแน่นอน
ยิ่งคิดเช่นนั้น
ทุกคนก็ต่างพากันพยายามตามหาอย่างสุดชีวิต
ตำหนักเฟิ่งหลวน
เหวินเส่าอี๋สวมชุดสีขาวและยืนตัวตรงราวกับเทวดาบนสวรรค์ และจากนั้นก็จ้องมองท้องฟ้าที่มิดที่อยู่นอกหน้าต่างเสมือนกับกำลังรออะไร
หนึ่งชั่วยามผ่านไป สองชั่วยามผ่านไป สามชั่วยามผ่านไปจนถึงท้องฟ้ามืดลงก็ไม่เห็นวี่แววของกู้ชูหน่วนปรากฏขึ้นมา
ตั้งแต่งานพิธีอภิเษกสมรสจนถึงวันนี้ นางมาที่ตำหนักของเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและไม่เคยได้มาอีกเลย
และวันกลับบ้านวันนี้นางแทบไม่ให้เกียรติเขาเลยสักนิด และทิ้งเขาให้รออยู่ที่นี่
ธรรมเนียมการกลับบ้านฝ่ายชายเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
เขาแต่งงานกับนางก็เพื่อพานางกลับไปยังเผ่าเพลิงฟ้าในวันนี้
แต่วันนี้กลับ….
“ฝ่าบาทยังไม่กลับมาหรือ?”
“อีกไม่นานฝ่าบาทก็กลับมาขอรับ”
ฟ้ามืดแล้ว
ต่อให้กลับมา จะกลับไปที่เผ่าเพลิงฟ้าตอนนี้ก็ไม่เหมาะสมแล้ว?
เหวินเส่าอี๋โบกมือ
จากนั้นก็มีชายชุดดำปิดบังใบหน้าเข้ามาคุกเข่าหน้าเขา
“นายท่าน จักรพรรดินีได้ไปที่หุขเขาอวินซานแล้วขอรับ ว่ากันว่าซือม่อเฟยหาขวานผ่านกู่เจอที่นั่น จักรพรรดินีสงสัยว่าเซี่ยวอวี่เซวียนยังไม่ตายจึงได้ส่งกองกำลังจำนวนมากไปช่วยกันค้นหาเบาะแสของเซี่ยวอวี่เซวียนขึ้นที่นั่น”
“เจอขวานผานกู่อีกแล้วหรือ”
“ขอรับ รองหัวหน้าเผ่าได้สั่งให้คนออกไปแย่งชิงขวานผานกู่กลับมาแล้วขอรับ”
“ของในมือนางจะแย่งชิงไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ บอกให้พวกเขาแยกย้ายไปได้แล้ว ข้าจะเป็นคนเอาขวานผานกู่กลับมาเอง”
“ขอรับหัวหน้าเผ่า เช่นนั้นแล้วเซี่ยวอวี่เซวียน?”
“แอบส่งคนไปตามหา หากเร็วกว่าพวกเขาก็จัดการฆ่าได้เลย หากช้ากว่าพวกเขาก็ค่อยหาโอกาสกำจัดทิ้งเสีย”
“ขอรับ”
ชายชุดดำหายไปจากตำหนักเฟิ่งหลวน
เหวินเส่าอี๋มองไปยังพระจันทร์เสี้ยวด้วยสีหน้าโศกเศร้า
ใครคือคนที่ปลอมตัวเป็นอดีตจักรพรรดินีกันแน่ นางรู้ความลับมากมายเช่นนั้น หรือนางจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเยี่ยจิ่งหาน?
หลังจากวันที่ต่อสู้กันที่ลานพิธีนางก็ได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย จากระดับวรยุทธ์ของนางแล้วต่อให้วรยุทธ์ของมู่หน่วนเพิ่มมากขึ้นมากแค่ไหน ก็ไม่อาจฆ่านางได้ง่ายๆ
ตามหาผู้หญิงคนนั้นอยู่นานก็ไม่มีวี่แววอะไร ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
คนแบบนี้หากคิดจะล้างแค้นแล้วละก็ เผ่าเพลิงฟ้าจะต้องเดือดร้อนอย่างมากแน่
ภายในหอราตรี
เยี่ยจิ่งหานกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นและในมือก็ถือขลุ่ยหยกขาวและมองออกไปยังนอกตำหนัก
อีกไม่นานก็ถึงยามจื่อแล้ว (ห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง)
ผู้หญิงคนนั้นยังไม่กลับมาเลย
ดูท่าแล้วการกลับไปเผ่าเพลิงฟ้าวันนี้คงต้องล้มเลิกลงแน่ๆ
หากเขาเดาไม่ผิด ขวานผานกู่จะต้องตกอยู่ในมือของมู่หน่วนและมู่หน่วนได้มอบให้กับเซี่ยวอวี่เซวียน
เซี่ยวอวี่เซวียนรักใคร่อาหน่วนมาก ขวานผานกู่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถเปิดรอยแตกร้าวของห้วงมิติเวลาได้ เซี่ยวอวี่เซวียนไม่มีทางทิ้งมันไว้ริมแม่น้ำเพียงลำพังอย่างแน่นอน
เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
เงาหนึ่งแวบเข้ามาและจากนั้นชายชุดดำก็คุกเข่าต่อหน้าเยี่ยจิ่งหานและกล่าวอย่างนอบน้อม “นายท่าน จักรพรรดินีได้ส่งคนจำนวนมากออกไปตามหาคุณชายเซี่ยว เราจึงไม่กล้าออกค้นหาอย่างเปิดเผย ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เจอเบาะแสและร่องรอยของคุณชายเซี่ยวเลย แต่เราค้นพบว่าเผ่าเพลิงฟ้าเองก็ได้แอบทำการค้นหาคุณชายเซี่ยวด้วยเช่นกัน”
“ต้องหาเซี่ยวอวี่เซวียนให้เจอก่อนเผ่าเพลิงฟ้า และค้นหาเบาะแสของเขาให้เจอ”
“ขอรับนายท่าน เช่นนั้นขวานผานกู่ละขอรับ สั่งให้คนแย่งชิงกลับมาเลยหรือไม่ขอรับ”
“ของที่อยู่ในมือของนางมีหรือที่นางจะยอมปล่อยไปง่ายๆ ข้าจะเป็นคนเอาขวานผานกู่กลับมาเอง”
“ขอรับ”
“ยังไม่มีเบาะแสของชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยอีกหรือ?”
“ข้าน้อยรู้สึกผิดอย่างมากที่ตอนนี้ยังไม่สามารถตามหาร่องรอยของหัวหน้าทั้งสองเจอ”
เดิมทีเยี่ยจิ่งงหานไม่ต้องการถามเรื่องประวัติภูมิหลังและความเป็นมาของเหวินเส่าอี๋ แต่เมื่อนึกถึงว่าที่นี่คือดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง ทหารอารักขาเองก็ไม่ได้รายงานและอาจไม่มีเบาะแสอะไร จากนั้นจึงทำได้เพียงโบกมือให้เขาถอยออกไป
พวกเขาล้วนเกิดและเติบโตที่เดินแดนเยี่ยอวี่ มีหรือที่จะค้นหาข้อมูลของพวกเขาอย่างง่ายดายที่ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งแห่งนี้
เมื่อนึกถึงกู้ชูหน่วน ทำให้เยี่ยจิ่งหานรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
เหลือเพียงดวงวิญญาณสามดวง แค่รวบรวมดวงวิญญาณอีกสามดวงให้ครบก็สามารถทำให้อาหน่วนฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้
เหตุใดดวงวิญญาณที่เหลืออีกสามดวงถึงค้นหาได้ยากเย็นแสนเข็ญเช่นนี้
หนึ่งวัน
สองวัน
สามวัน
ผ่านไปแล้วห้าวันก็ยังตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนไม่เจอ
เรื่องต่างๆ ในรัฐยังรอให้กู้ชูหน่วนจัดการอีกมากมาย
ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติ แต่ละวันมีผู้คนตายลงนับไม่ถ้วน
รวมถึงเผ่าเพลิงฟ้าก็เอาแต่เร่งรัด
แม้ว่ากู้ชูหน่วนคิดจะพยายามตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนต่อไปก็ไม่อาจทำได้
นางเป็นจักรพรรดินีของรัฐปิง ความเป็นความตายของราษฎรทุกคนล้วนตกเป็นภาระหน้าที่ของนาง
เมื่อกลับไปยังวังหลวง
ราชโองการสาส์นที่กราบทูลกองเป็นพะเนินภูเขา
และเมื่อนางอ่านจบเวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ
หลังจากฝืนออกจากห้องตำราหลวงด้วยรอยคล้ำใต้ตาก็เห็นเหวินเส่าอี๋ยืนอยู่ภายนอกและจ้องมองนางด้วยรอยยิ้ม
เขาเป็นพระสวามีแล้ว แต่เขายังคงสวมชุดเหมือนเก่า ยังคงสวมชุดสีขาว ผมครึ่งหนึ่งของเขาใช้เพียงหยกขาวเสียบไว้และอีกครึ่งหนึ่งก็ปล่อยยาวสยาย เขาโดดเด่นอย่างงดงามและไม่อาจเทียบได้