กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1011
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1011
“เหวินเส่าอี๋ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือว่าหลังจากงานอภิเษกสมรสจะต้องกลับเผ่าเพลิงฟ้าไปกับกระหม่อม ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วเจ็ดวันเต็มๆ ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะยื้อไปอีกนานแค่ไหน?”
“อ้อใช่ยังไม่ได้กลับเผ่าเพลิงฟ้าเลย งั้นก็กลับวันนี้แล้วกัน”
“เยี่ยจิ่งหานไม่ใช่คนของเผ่าเพลิงฟ้า เขาจะติดตามไปด้วยไม่ได้”
“แต่เขาเป็นคนของข้า ยังไงเขาก็ไปได้”
“พูดเช่นนี้ ฝ่าบาทคิดจะพาเขาไปด้วยแน่นอนใช่หรือไม่?”
แววตาของเหวินเส่าอี๋หรี่ลงและเผยให้เห็นการตักเตือน
แต่ก แต่ก แต่ก….
ไม่ไกลออกไปก็เห็นเยี่ยจิ่งหานสวมชุดสีม่วงนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีขันทีคนหนึ่งเข็นเข้ามา
น้ำเสียงของเขาเย็นชา “ในเมื่อฝ่าบาทตกลงแล้ว เช่นนั้นก็จะปฏิเสธไม่ได้”
เยี่ยจิ่งหานมองไปยังเหวินเส่าอี๋ ทั้งสองจ้องหน้ากันและรัศมีอาฆาตก็แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
แม้จะรู้ว่าพวกเขาอาจเป็นพี่น้องกัน แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด
ทว่ากลับมีเพียงความแค้นที่ฝังลึก
มีเพียงความเป็นความตาย
“เผ่าเพลิงฟ้าไม่ต้อนรับเจ้า”
“เจ้าเป็นเพียงพระสวามีตำแหน่งเล็กๆ เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”
“เจ้าเป็นเพียงกุ้ยเหริน เจ้ากลับไม่แสดงความเคารพเมื่อเห็นข้า”
กู้ชูหน่วนปวดหัว
แค่ต้องการหาที่พักผ่อนเท่านั้นเอง
มีเรื่องมากมายที่ยังจัดการไม่เสร็จ แถมยังต้องพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาสองคน คิดว่านางไม่เหนื่อยหรือไง?
“มู่หน่วน”
เยี่ยจิ่งหานตะโกนเรียก ทำให้กู้ชูหน่วนดึงสติขึ้นมาได้
“เจ้าจะเลื่อนตำแหน่งให้ข้าไม่ใช่หรือ? รีบเลื่อนขั้นเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการเป็นพระสวามี”
“ฝ่าบาท เยี่ยจิ่งหานเป็นเพียงกุ้ยเหริน ทว่ากลับกล้าเรียกชื่อของฝ่าบาทออกมา ตามกฎแล้วต้องได้รับโทษอย่างหนักด้วยการโบยหนึ่งร้อยครั้งและจับไปขังที่ตำหนักเย็น”
“…….”
พวกเจ้าทะเลาะกันโดยไม่ดึงข้าเข้าไปเกี่ยวข้องได้หรือไม่?
ข้าเป็นจักรพรรดินีที่ยากจนที่สุดมันง่ายมากเลยหรือ?
ยังไม่ทันที่กู้ชูหน่วนจะพูดอะไร กาวกงกงก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เยี่ยกุ้ยเหรินช่างกล้าหาญมาก ท่านกล้าไม่เคารพต่อฝ่าบาท….ปัง…..อ๊า…..”
ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ กาวกงกงก็กระเด็นลอยออกไปกระแทกเข้ากับต้นมะเดื่อและกระอักเลือดออกมา และขยับไม่ได้อยู่นาน
“มีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุก ปกป้องจักรพรรดินี”
ทหารอารักขาต่างชักดาบออกมาและพากันคุ้มกันกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ
ทว่าพวกเขาหาอยู่นานก็หาไม่เจอว่าผู้บุกรุกอยู่ที่ไหน?
และยิ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายกาวกงกง
กู้ชูหน่วนกลอกตาและโบกมือ “กาวกงกงอายุมากแล้ว คงแค่ปวดหลัง พวกเจ้าออกไปเถอะ ที่นี่ไม่มีผู้บุกรุก”
ปวด…..
ปวดหลัง?
แค่ปวดหลังก็ทำให้ตัวเองกระเด็นลอยออกไปได้ แถมยังกระแทกไปโดยต้นมะเดื่ออย่างนั้นหรือ?
แม้ว่าทหารอารักขาจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งและทำได้เพียงถอยออกไปคุ้มกันอยู่บริเวณรอบนอก
เหวินเส่าอี๋ยิ้ม “ฝ่าบาท เยี่ยกุ้ยเหรินกระทำผิดและไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตา หากไม่ทำการลงโทษ เกรงว่าวังหลังและรวมถึงรัฐปิงคงไม่ยอมแน่พ่ะย่ะค่ะ”
กู้ชูหน่วนปรบมือและกล่าวอย่างเห็นด้วย “เจ้าพูดมีเหตุผล เช่นนั้นก็ลงโทษเยี่ยกุ้ยจวินเป็นเงินห้าหมื่นตำลึงก็แล้วกัน”
“เลื่อนตำแหน่ง”
เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมาอย่างหลุดปาก รวมกับไม่สนใจเงินจำนวนห้าหมื่นตำลึงนั้นเลยสักนิด
“ก็ได้ เหม่ยเหรินห้าแสนตำลึง จวินจื่อหนึ่งล้านตำลึง กุ้ยจวินสิบล้านตำลึง หวงกุ้ยจวินยี่สิบล้านตำลึง เจ้าต้องการตำแหน่งไหนอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ต่างมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างไม่เชื่อสายตา
นางยากจนจนเสียสติไปแล้วหรือไง?
ขายตำแหน่งขุนนางไม่พอ แม้แต่ตำแหน่งสนมในวังหลังก็หยิบยกมาขายด้วย?
และที่สำคัญก็คือนางบอกราคาสูงเช่นนี้ คิดว่าพวกเขาโง่อย่างนั้นหรือ?
ไม่ คิดว่าเยี่ยจิ่งหานโง่อย่างนั้นหรือ
เยี่ยจิ่งหานกัดฟันกรอด “ข้าต้องการตำแหน่งพระสวามี”
“พระสวามีหรือ เอ่อ…..เอ่อ…..เหวินเส่าอี๋ ในฐานะที่เจ้าเป็นพระสวามี ทว่าเจ้ากลับไม่ได้ทำหน้าที่พระสวามี แต่งงานมาได้สิบวันแล้วแต่ก็ไม่เคยเห็นเจ้ามาคอยปรนนิบัติข้า เจ้าเป็นพระสวามีที่ไม่ได้ความเอาเสียเลย”
เหวินเส่าอี๋ “…….”
ผู้หญิงคนนี้ ได้เป็นจักรพรรดินีแค่สมองกลับไม่ได้ฉลาดขึ้นเลยหรือ?
นางเป็นจักรพรรดินี หากนางไม่เรียกให้เข้าเฝ้า สนมในวังหลังจะกล้าริเริ่มขอปรนนิบัติได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงการร่วมหลับนอน แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะนิ่งเฉยมากแค่ไหนก็ดูไม่พอใจ
ให้เขาร่วมหลับนอน?
อย่าพูดเล่นไปเลย
เขาเป็นผู้ชาย
เป็นผู้ชายทั้งแท่ง
“ความอกตัญญูมีอยู่สามประการ แต่ที่เป็นที่สุดของความอกตัญญูก็คือ การไร้ทายาทสืบสกุล แต่งงานมาแล้วสิบวัน แต่เจ้ากลับไม่สามารถทำให้ข้าตั้งครรภ์ได้ ข้ามีสิทธิ์ที่จะยกเลิกตำแหน่งของเจ้าได้ทุกเมื่อ ในฐานะที่เจ้ารู้ว่าผิดและยอมแก้ไข ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง นำเงินมาประมูลตำแหน่งพระสวามีกับเยี่ยกุ้ยเหริน ใครที่ประมูลสูงก็จะได้ตำแหน่งไปครอบ”
เหวินเส่าอี๋ “……”
เยี่ยจิ่งหาน “…….”
กู้ชูหน่วน “ไม่ได้ยินหรือไง? หมายความว่าเริ่มประมูลตำแหน่งพระสวามีได้ และผู้ที่ประมูลสูงก็จะได้ตำแหน่งไปครอง ใครก็สามารถเข้าร่วมประมูลได้”
มุมปากของเหวินเส่าอี๋กระตุกขึ้นเล็กน้อย
บอกว่านางไม่ฉลาดก็ดูจะยกย่องชื่นชมนางเกินไปแล้ว
แม้แต่เยี่ยจิ่งหานที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของเหวินเส่าอี๋ก็ยังทนต่อไปไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้ นางไม่มีเงินจนบ้าไปแล้วหรือไง
นางคิดมาได้ทุกเรื่อง
เพื่อเงิน แม้แต่ความซื่อตรงทางศีลธรรมก็ไม่มีเหลือ
นำตำแหน่งพระสวามีออกมาประมูล นางคิดได้อย่างไร
จู่ๆ เยี่ยจิ่งหานก็ชื่นชมเหวินเส่าอี๋
ถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้ต้องอับอายเช่นนี้ เขายังอยู่เฉยได้
สูงส่ง
สูงส่งมาก
ฝูกวงและลั่วอิ่งสัญญาว่าจะคอยปกป้องคุ้มครองกู้ชูหน่วนหนึ่งปี ทำให้พวกเขาคอยติดตามอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนไปด้วยทุกเมื่อ
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ฝูกวงก็แทบอยากเอามือกุมหน้าผาก
เขาคิดว่านายท่านของเขาหน้าด้านมากพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเทียบกับมู่หน่วนแล้วนั้นกลับสู้ไม่ได้เลยสักนิด
“ไม่พูดอะไร? งั้นก็ตกลงเช่นนี้แล้วกัน”
กู้ชูหน่วนเดินผ่านพวกเขาและหันหลังเดินจากไป ก่อนจะเดินจากไปก็ได้กล่าวออกมา
“อ้อใช่ ในเมื่อตำแหน่งพระสวามีของเสี่ยวหูเตี๋ยยังรอการพิจารณา เช่นนั้นเรื่องการกลับไปยังเผ่าเพลิงฟ้าก็เว้นได้ก่อน รอให้เจ้าประมูลตำแหน่งพระสวามีได้ก่อนแล้วข้าค่อยกลับไปเผ่าเพลิงฟ้ากับเจ้า”
เหวินเส่าอี๋ไปขวางทางกู้ชูหน่วน
“ฝ่าบาท แม้ว่าเผ่าเพลิงฟ้าของกระหม่อมในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งจะมีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ทว่าก็ถือเป็นเผ่าที่มีประวัติความเป็นมากว่าพันปีและมีอำนาจกว้างขวาง อีกทั้งทรัพย์สมบัติก็มีมากมาย ยอดฝีมือก็มีเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน หากฝ่าบาทจะยกเลิกตำแหน่งพระสวามีของกระหม่อม ฝ่าบาทคิดว่าพี่น้องในเผ่าเพลิงฟ้าของกระหม่อมจะยอมอย่างนั้นหรือ”
กู้ชูหน่วนฝืนยิ้ม
“ความผิดของเจ้ามีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ข้าจะยกเลิกได้อย่างไร ไม่ยกเลิกๆ”
เหวินเส่าอี๋น้ำเสียงเย็นชาและดูนางแสดงต่อไป
เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ฝ่าบาท เช่นนั้นแล้วตำแหน่งของข้าล่ะ”
“เงิน นำเงินมาซื้อ ขอเพียงแค่ราคาสมเหตุสมผลเรื่องทั้งหมดก็จะง่ายขึ้น”
“เช่นนั้นฝ่าบาทก็บอกราคามาเลย กระหม่อมต้องการแค่ตำแหน่งพระสวามี”
สองคนนี้บ้าไปแล้วหรือไง
ปกติก็ไม่เห็นพวกเขาจะอยากได้ตำแหน่งพระสวามีอะไรนี่เลย
และไม่เห็นว่าพวกเขาจะชอบนางสักเท่าไร
ทว่าตอนนี้กลับทะเลาะกันเรื่องตำแหน่งพระสวามี
จะมีปัญหากับเยี่ยจิ่งหานไม่ได้
แต่เหวินเส่าอี๋ก็มีปัญหาด้วยไม่ได้
กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าพูดมาเช่นนี้ หากข้าไม่บอกเป็นตัวเลขออกมา เกรงว่าเจ้าคงไม่พอใจ เอาเช่นนี้ ข้าไม่ได้ต้องการมากมายอะไร ข้าต้องการเพียงห้าสิบล้านตำลึงเท่านั้น”
ตำแหน่งพระสวามี ห้าสิบล้านตำลึง?
เหตุใดนางถึงไม่ไปเป็นโจร?
ห้าสิบล้านตำลึงสามารถซื้อเมืองได้ตั้งกี่เมือง?
กู้ชูหน่วนกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจจึงรีบพูดขึ้นมา “ตำแหน่งพระสวามีน่ะหรือ เป็นผู้นำของคนนับหมื่น มีหลายคนต่างต้องการแต่ไม่อาจได้ครอบครอง แค่เงินห้าสิบล้านตำลึง สำหรับเจ้าแล้วก็ไม่ได้มากมายอะไร หากเจ้าไม่ต้องการ ยังมีคนอื่นอีกมากมายที่ต้องการจ่ายด้วยเงินห้าสิบล้านตำลึงเพื่อแลกกับตำแหน่งพระสวามี”
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “แค่เงินห้าสิบล้านตำลึง?”
แค่?
“ไม่ถูกหรือ ใครๆ ก็รู้ว่าเสี่ยวเยี่ยเยี่ยเป็นถึงเทพแห่งสงครามที่ไม่อาจเทียบได้ในรัฐเยี่ย แถมยังเป็นท่านอ๋อง จากฐานะของเจ้าแล้ว ห้าสิบล้านตำลึงที่ข้าพูดไปยังน้อยไปสำหรับเจ้าด้วยซ้ำ”
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะ
“ฮึ ฝ่าบาทช่างรู้จักชมเชยคนอื่นเหลือเกิน”
เหวินเส่าอี๋หรี่ตาลงและกล่าว
“เขาใช้เงินห้าสิบล้านตำลึงเพื่อซื้อตำแหน่งพระสวามี เช่นนั้นแล้วกระหม่อมล่ะ ไม่ทราบว่าฝ่าบาทคิดจะทำอย่างไรกับกระหม่อมอย่างนั้นหรือ?”