กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1017
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1017
เหวินเส่าอี๋เงียบลง
เขายกมือขึ้นมาควานหาอะไรบางอย่างบนโต๊ะ และจากนั้นก็รินน้ำชาให้ตัวเองดื่มจนหมด ราวกับต้องการปกปิดความคิดที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง
เขายังไม่รู้ว่าจะตอบนางอย่างไรดี
กู้ชูหน่วนหัวเราะและกล่าวออกมา “เรื่องในอนาคตค่อยพูดกันก็ได้ มาเถอะ ข้าจะฝังเข็มให้เจ้าก่อน”
ยังไม่ทันที่เหวินเส่าอี๋จะพูดอะไรกู้ชูหน่วนก็หยิบเข็มเงินออกมาและเล็งตำแหน่งอย่างแม่นยำก่อนที่จะฝังเข็มลงไปสามเข็ม
เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้วและกำถ้วยน้ำชาแน่น
“จะรู้สึกเจ็บมาก เจ้าต้องอดทนเอาไว้”
“ลงมือได้”
ความเจ็บอันเล็กน้อยแค่นี้เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในใจของเขาสักนิดเดียว
เมื่อสามปีก่อน เขาเห็นกู้ชูหน่วนลงมือตัดศีรษะพ่อของเขาต่อหน้า ฆ่าสังหารคนของเผ่าของเขาทั้งหมด ความเจ็บปวดแบบนั้นต่างหากที่เป็นความเจ็บปวดถึงขั้วกระดูก
เหวินเส่าอี๋หลับตาลงและพยายามไม่นึกถึงอดีตที่ผ่านมา
ยิ่งการฝังเข็มเจ็บปวดมากเท่าไร ในใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้น
“เสี่ยวหูเตี๋ย เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ามีจิตใจดีมากแค่ไหน แม้ทุกครั้งเจ้าจะพูดว่าเจ้าต้องการฆ่าข้า และหลายครั้งที่เจ้าเตรียมพร้อมลงมือ แต่สุดท้ายเจ้าก็หยุดการกระทำนั้นลง”
“เจ้าไม่เพียงแค่หยุดลง แต่ทุกครั้งที่ข้าพบเจอกับอันตราย เจ้าก็จะคอยช่วยเหลือโดยไม่นึกถึงชีวิตของตัวเอง”
“เจ้าหน้าตาดีแถมยังมีจิตใจดี ความดีแบบนี้ไม่มีทางแสร้งขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”
“ต่อให้กลับไปยังดินแดนเยี่ยอวี่ ต่อให้เจ้ากลับไปล้างแค้นเผ่าอวี้ เจ้าก็ไม่มีทางลงมืออย่างอำมหิตเลือดเย็นเช่นนั้นกับเด็ก คนแก่และผู้หญิงเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินนางพูดถึงเผ่าอวี้ ร่างกายของเหวินเส่าอี๋ก็ขยับและคิดอยากออกไป
กู้ชูหน่วนบังคับให้เขานั่งลง
“ข้ากำลังทำการฝังเข็มให้เจ้าอยู่ หากเจ้าขยับไปมาละก็ ระวังจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ล่ะ”
“เจ้าช่างพูดมากเหลือเกิน”
เพราะเขาขยับทำให้เขาเจ็บปวดจนร้องซี๊ด
นี่คือการฝังเข็มวิธีไหนกัน
เขารู้สึกว่าสมองของเขาแทบจะระเบิดออกมา
“ตั้งแต่วันแรกที่เจ้ารู้จักข้า เจ้าก็คงรู้ว่าข้าไม่ใช่คนเงียบขรึมอะไร”
“……”
“เสี่ยวหูเตี๋ย ดินแดนเยี่อวี่และดินแดนวิญญาณเยือกแข็งต่างกัน ตอนนั้นพวกเจ้าเขามายังดินแดนวิญญาณเยือกแข็งได้อย่างไร? เจ้าบอกให้ข้ารู้ได้หรือไม่”
“……”
“เจ้าชอบผู้หญิงแบบไหนหรือ”
“……”
“เจ้าได้ชื่อว่าเป็นพระสวามีของข้า คาดว่าคงยากที่เจ้าจะแต่งงานในอนาคตได้อีก เหตุใดเจ้าไม่คอยช่วยเหลือข้าภายในสามปี และหลังจากสามปีข้าก็จะปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระ”
“……”
กู้ชูหน่วนพึมพำออกมาอย่างยืดยาว
จู่ๆ สีหน้าของเหวินเส่าอี๋ก็ไม่แสดงความรู้สึกอะไร ทว่าในใจของเขากลับรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ในขณะที่กำลังคิดจะให้นางหยุด จู่ๆ เขาก็ปวดศีรษะขึ้นมาและไม่นานความเจ็บก็มลายหายไปทันที
“เอาล่ะ ข้าไม่อาจรับปากได้ว่าชำระล้างเลือดคลั่งไปได้เท่าไร แต่ก็คาดว่าคงดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงแหบแห้งและเหน็ดเหนื่อยของนาง
หลังจากที่ฝังเข็มเสร็จนางก็ได้บอกย้ำถึงสิ่งที่ควรระมัดระวังและกู้ชูหน่วนก็ไม่พูดอะไรอีก เหวินเส่าอี๋รู้ดีว่าเมื่อสักครู่ที่ทำไปนั้นเพื่อต้องการพูดเบี่ยงเบนความสนใจของเขาเท่านั้น
“อันที่จริงเจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ ความเจ็บปวดแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรข้าได้”
“แต่ข้าไม่ต้องการให้เพื่อนของข้าต้องทุกข์ทรมาน ไม่ได้หรือ?”
“……”
“อดทนไปไม่กี่เดือน ต่อให้ไม่สามารถเป็นเหมือนเดิมได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง วันนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ข้าจะตามเจ้ากลับไปที่เผ่าเพลิงฟ้าแล้วกัน”
“เอี๊ยด…..”
ประตูถูกปิดลงและเหลือเพียงเหวินเส่าอี๋คนเดียว
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า แผ่นหลังของเหวินเส่าอี๋ที่นั่งอย่างเดียวดายและแววตาที่เผยให้เห็นความโศกเศร้าและไม่สดใสอย่างเดิม
จู่ๆ เงาดำก็แวบเข้ามา
“หัวหน้าเผ่า รองหัวหน้าเผ่าขอให้ท่านกลับไปยังเผ่าเพลิงฟ้าในวันพรุ่งนี้ เพื่อรับของขวัญสินสอดชิ้นสุดท้าย”
เหวินเส่าอี๋เก็บซ่อนความรู้สึกและกล่าวเพียง “รู้แล้ว”
“หัวหน้าเผ่า ดวงตาของท่าน”
“ไม่เป็นไร”
องครักษ์ไม่ได้ไปไหนและยังคงคอยปรนนิบัติเหวินเส่าอี๋ต่อไป
เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้ว “ยังมีธุระอะไรอีก?”
“ไม่….ไม่มีขอรับ”
“เรียกระดมพลทั้งหมดเพื่อค้นหาอดีตจักรพรรดินีตัวปลอมคนนั้นให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“ขอรับ”
“ไปได้แล้ว”
องครักษ์จากไปและในใจของเหวินเส่าอี๋ก็เต็มไปด้วยความสงสัย
ผู้หญิงคนนั้นเคยไปที่ดินแดนเยี่ยอวี่ และรู้จักเผ่าเพลิงฟ้าและเผ่าอวี้เป็นอย่างดี อีกทั้งแววตาที่จ้องมองมู่หน่วนก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
หากคิดจะหาความจริงของการตายของพ่อของเขา เป็นไปได้ว่านางอาจจะรู้ก็เป็นได้
เขามีความรู้สึกพิเศษบางอย่างว่าการตายของเขาและพ่อของมู่หน่วนจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
เหวินเส่าอี๋ลุกขึ้นยืนและคิดจะปิดประตูเพื่อเข้านอน แต่เพราะมองไม่เห็นทำให้เขาเตะไปโดนเก้าอี้ตัวหนึ่งและเกือบล้มลง
เขาค่อยๆ ยืนตรงและสีหน้าของเขาก็เผยให้เห็นความเศร้าใจ
ภายในเมืองหลวง
กู้ชูหน่วนสวมเสื้อผ้าธรรมดาและมีฝูกวงลั่วอิ่งคอยติดตามออกลาดตระเวน
เพราะเพิ่งเกิดการต่อสู้ขึ้นไม่นาน แม้ว่าจักรพรรดินีคนใหม่จะขึ้นครองบัลลังก์ ลงภาษี ลดโทษให้กับนักโทษลง ทว่าราษฎรจำนวนมากก็ยังเกรงกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นต่างๆ นานา
เกิดภัยพิบัติทั้งทางธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นมาตลอดทั้งปี ทำให้เมืองหลวงไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเก่าและต่างเต็มไปด้วยขอทานและคนไร้ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก
ฝูกวงอธิบาย “เมืองเกาเฉิงทั้งเมืองถูกผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้นทำลายลง เมื่อพวกเขาบุกมายังเมืองหลวงก็ฆ่าคนไม่เว้น ราษฎรจำนวนมากต่างตายลงด้วยเงื้อมมือของพวกเขา ฉะนั้นหลายวันมานี้หลายครอบครัวต่างก็กำลังจัดงานศพ”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านขึ้นครองราชย์และยังไม่ได้สติฟื้นขึ้นมา ท่านอ๋องเสวี่ยไม่อนุญาตให้ประชาชนทั้งหลายจัดงานศพ เพราะเกรงว่าจะเป็นลางร้ายต่อท่าน แต่พวกเขาก็แอบจัดกันอย่างลับๆ”
“และเมื่อท่านฟื้นขึ้นมาไม่ได้โหดร้ายและบ้าคลั่งอย่างผู้หญิงคนนั้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่างจัดงานศพย้อนหลังได้อย่างอิสระ”
กู้ชูหน่วนกล่าว “งานศพก็จัดย้อนหลังได้ด้วยหรือ?”
“พวกเขานำศพไปฝังก่อน และส่วนพิธีการก็ค่อยจัดขึ้นภายหลัง”
เมืองหลวงถือเป็นสถานที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในรัฐปิง แม้มันจะดูน่าหดหู่มากแค่ไหนก็ตาม นางแทบไม่อยากจะคิดเลยว่าเมืองอื่นจะมีสภาพอย่างไร
เบื้องหน้ามีร้านขายเกี๊ยวอยู่ร้านหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกหิวจึงพาพวกเขาเดินเข้าไป
“เถ้าแก่ เอาเกี๊ยวชามใหญ่สามชาม”
“ได้เลย”
เมื่อนั่งลงได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซุบซิบนินทาของโต๊ะข้างๆ
“ได้ยินแล้วใช่ไหมว่าฝ่าบาทไม่พอใจในเรื่องอย่างว่า และเห็นว่าพระสวามีสนองความต้องการได้ไม่ดี จากนั้นเลยเลื่อนตำแหน่งกุ้งเหรินคนหนึ่งให้กลายเป็นพระสวามีรอง พระสวามีรู้สึกโมโหและร้องไห้จนมองไม่เห็นอะไรอีกเลย”
“ตุ่บ…..”
กู้ชูหน่วนสำลักน้ำชาที่กำลังดื่มเข้าไป
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
นางไม่พอใจเรื่องอย่างว่าและโมโหที่เหวินเส่าอี๋ปรนนิบัติได้ไม่ดี ทำให้เขาโมโหจนตาบอด?
“จริงหรือ พระสวามีโกรธและร้องไห้จนตาบอดเลยหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ตั้งแต่อดีตกาลนานมาจักรพรรดินีก็มีพระสวามีเพียงคนเดียว มีอย่างที่ไหนที่จักรพรรดินีจะมีพระสวามีสองคน ข้าได้ยินมาว่าเหล่าขุนนางต่างพยายามห้ามปราม ทำให้ฝ่าบาทแต่งตั้งเยี่ยกุ้ยเหรินเป็นเพียงพระสวามีรอง ไม่เช่นนั้นละก็ ฮึ……”
“เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ข้าก็คิดว่าจักรพรรดินีจะรักใคร่ประชาชนและเสียสละเพื่อประชาชนโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอย่าว่าเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะคิดผิดไป”
“ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้มีจักรพรรดินีพระองค์ไหนบ้างที่ไม่สนใจเรื่องอย่างว่า หากพระองค์ไม่คิดเรื่องอย่างว่า มีหรือจะแต่งตั้งสนมพร้อมกันทีเดียวสามคนตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ ข้ายังได้ยินมาว่า จักรพรรดินีตัวปลอมจับชายรูปงามเข้าไปในวังหลวงกว่าพันคนไม่ใช่หรือ? จักรพรรดินีปัจจุบันของเราคิดจะเก็บชายรูปงามเหล่านั้นเอาไว้”
“อ๋า….ชายรูปงามเหล่านั้นต่างก็ไม่บริสุทธิ์แล้วไม่ใช่หรือ ฝ่าบาทของเรายังต้องการอีกหรือ?”
“ก็เพราะเหตุนี้ เรื่องอย่างว่าของเขาถึงเก่งกาจมากยังไงล่ะ”
กู้ชูหน่วนพูดไม่ออก
ลั่วอิ่งกำหมัดแน่นด้วยสีหน้านิ่งเฉยและรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ฝูกวงอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก และทำได้เพียงจับมือลั่วอิ่งเอาไว้