กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 102
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยคุกเข่าลงทันที พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองผู้เป็นนาย ในขณะที่กู้ชูหน่วนรีบอธิบาย “ขอโทษทีนะ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้างูน้อยน่าเกลียดนั่นจะกัดท่าน… พวกมันสายตาแย่เกินไปแล้ว ข้าจะสับพวกมันให้เป็นชิ้นๆ เดี๋ยวนี้ละ”
เยี่ยจิ่งหานโกรธ
โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
ที่ยิ่งโกรธก็คือ ทุกครั้งที่เขาถูกกู้ชูหน่วนรังแก ต้องเป็นตอนที่เขาขยับร่างกายไม่ได้ทุกครั้งไป
แม้แต่คราวนี้เขาก็ยังอ่อนแรงจนแค่จะยกมือก็ยังยกไม่ขึ้น
งูน้อย?
นั่นเรียกว่างูน้อยหรือ
เห็นได้ชัดว่ามันคืองูยักษ์ มีงูน้อยที่ไหนตัวยาวเกินสองเมตรบ้าง?
“ดูสิ มันทำร้ายตัวเองเอง ไปเข้าเฝ้าพญายมเสียแล้ว”
กู้ชูหน่วนชี้ไปที่งูตัวนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคลั่งคุณธรรม ราวกับว่างูตัวนั้นชั่วร้ายสุดขีด
งูตัวหนึ่งตายไป แต่ยังมีอีกหลายตัวในนั้น ทั้งยังมีตะขาบและแมงป่องอีกจำนวนมาก เยี่ยจิ่งหานแทบจะถูกสัตว์มีพิษเหล่านี้รุมล้อมไปทั่วทั้งร่าง
ทุกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทรมานจนเขาแทบขาดใจ
“…..”
กร็อบ!
เยี่ยจิ่งหานงอนิ้วเป็นกรงเล็บ เขาคว้าคอของกู้ชูหน่วนเอาไว้ด้วยความเร็วประหนึ่งอสนีบาต
“เจ้ารนหาที่ตาย”
คำพูดที่เยียบเย็นอึมครึมไร้ซึ่งร่องรอยของความอบอุ่นนั้นแฝงไปด้วยจิตสังหารอันหนาวเหน็บ
การที่หายใจไม่ออกอย่างกะทันหันทำให้ใบหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ
นางพลิกฝ่ามือและใช้เข็มเงินเจาะไปที่จุดฝังเข็มของเยี่ยจิ่งหานอย่างรวดเร็ว
ทว่าความเร็วของนางยังเทียบกับความเร็วของเยี่ยจิ่งหานไม่ได้
แกร็ก
เข็มเงินตกลงไปและมือของนางก็ถูกเยี่ยจิ่งหานควบคุมไว้
กู้ชูหน่วนพยายามดิ้นรน แต่มือของเยี่ยจิ่งหานเป็นเหมือนปราการเหล็กที่ยึดแน่น ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์
จะบอกว่าไม่ตกใจก็คงโกหก
ถูกนางวางยาปริมาณมากขนาดนั้น ทั้งยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการขับพิษ เยี่ยจิ่งหานยังมีความรวดเร็วขนาดนี้ นี่เขาเป็นมนุษย์ธรรมดาจริงหรือ
กู้ชูหน่วนรู้ดีว่าถ้าเขาออกแรงเพิ่มขึ้นอีกนิด คอของนางจะต้องหักอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเมื่อดิ้นรนไม่เป็นผลนางจึงฝืนยิ้มออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าช่วยชีวิตท่าน แต่ท่านกลับฆ่าข้า เป็นคนดีนี่มันยากเสียจริง”
“เจ้าน่ะหรือช่วยชีวิตข้า ฮึ กู้ชูหน่วน เจ้ามองเห็นข้าเป็นลิงที่เจ้าจะหยอกล้ออย่างไรก็ได้งั้นหรือ”
“ท่านลองเสี่ยงโชคดูสิ ดูว่าจุดตันเถียนของท่านจะยังแสบร้อนอยู่… หรือไม่”
พูดได้เพียงไม่กี่คำ พลังที่กู้ชูหน่วนมีอยู่ก็แทบจะหมดลง
เมื่อเห็นสีหน้าของนางคล้ำหมองขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนจะหยุดหายใจได้ตลอดเวลา เยี่ยจิ่งหานจึงค่อยผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เขาลองเสี่ยงโชคและพบว่าจุดตันเถียนไม่ได้เจ็บปวดมากเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน แม้ว่าพิษของเขาจะไม่กำเริบ แต่ร่างกายของเขาจะเย็นเยียบเหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง เย็นจนเขาสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาว
ตอนนี้…
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเขาไม่เย็นเหมือนที่เคย ทั้งยังมีกระแสอบอุ่นเบาบางที่ดูเหมือนจะรวมตัวกันอยู่ที่จุดตันเถียน
เยี่ยจิ่งหานตกตะลึง
เขาปล่อยมือจากนาง
หรือว่าผู้หญิงคนนี้รักษาเขาได้จริงๆ
“แค่กๆ”
กู้ชูหน่วนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยอย่างตำหนิว่า “ทำคุณบูชาโทษ”
“ใครกันล่ะที่ล้อเล่นกับข้า” ตั้งแต่เติบโตมา เขายังไม่เคยถูกใครทำให้อับอายได้ขนาดนี้
“ใครล้อเล่นกับท่าน ท่านลองดูสัตว์พิษในหม้อของท่านสิ”
เยี่ยจิ่งหาน ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยหันไปมองและเห็นว่าสัตว์มีพิษที่อยู่ในหม้อตายหมดแล้ว ร่างไร้ชีวิตของพวกมันลอยอยู่หนาแน่นบนผิวน้ำ เห็นแล้วชวนให้ตกใจ
กู้ชูหน่วนพึมพำ “พิษในร่างกายของท่าน แม้แต่สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงเหล่านี้ยังหวาดกลัว ท่านคิดว่าพวกมันจะทำอะไรท่านได้”
จะทำอะไรไม่ได้ได้อย่างไร
พวกมันกัดเขามิใช่รึ
แม้จะไม่อันตรายมากแต่ก็หยามหน้าเขาเป็นอย่างมาก