กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1025
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1025
“มัวทำอะไรกันอยู่ที่นี่ จะอยู่ให้ความอบอุ่นกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
ฝูกวงและลั่วอิ่งต่างมองไปที่เยี่ยจิ่งหาน เยี่ยจิ่งหานโบกมือ ทำให้ทั้งสองออกไป
สีหน้าของกู้ชูหน่วนไม่พอใจ
นี่คือองครักษ์ของนางหรือองครักษ์ของเยี่ยจิ่งหานกันแน่
“เตียงอยู่ที่นั่น ต้องการนอนก็ปลดเสื้อผ้าสิ”
“ห้าแสนตำลึง”
กู้ชูหน่วนกล่าว “ห้าแสนตำลึง? ให้ข้าหรือ? เงื่อนไขคืออะไร?”
“เลือดหนึ่งถ้วย”
“ทองคำ?”
“ได้”
“แค่ใช้เลือดเพื่อสัมผัสรับรู้ได้ถึงดวงวิญญาณเท่านั้นหรือ?”
“ใช่”
“ได้”
“ตกลง”
เลือดหนึ่งถ้วยแลกกับทองคำห้าแสนตำลึง คุ้มค่าอย่างมาก
เจ้าหมอนี่บอกว่าไม่มีเงินๆ ดูเหมือนว่าเขาจะยังมีสมบัติอยู่อีกจำนวนมาก
กู้ชูหน่วนกำลังจะสั่งให้คนไปหยิบถ้วย เยี่ยจิ่งหานก็กล่าวขึ้น “ไปที่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ก่อนแล้วค่อยทำการเรียกดวงวิญญาณ”
“ไม่มีปัญหา”
ขอเพียงแค่มีเงิน จะไปไหนก็ได้
กู้ชูหน่วนพยายามค้นหาในห้องตำราหลวงและในที่สุดก็หาแก้วได้หนึ่งใบ
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “เจ้าหยิบแก้วมาทำอะไรหรือ?”
“ก็เตรียมไว้ใช้ทำพิธีเรียกดวงวิญญาณอย่างไรล่ะ เร็วเข้า ประเดี๋ยวข้ายังต้องไปที่เรือนอี้หยุนอีก”
“ถ้วยล่ะ”
“ข้ามีวิธีของข้า ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรอก”
กู้ชหน่วนจูงมือเยี่ยจิ่งหานเดินทางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เราไปบริเวณไหนของทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างนั้นหรือ?”
“เรือนอี้หยุน”
“ได้”
ตั้งแต่ที่ผ่านงานอภิเษกสมรสมา จักรพรรดินีก็ไม่เคยได้บรรทมที่เรือนอี้หยุนเลยสักคืน และยังไม่เคยเรียกพบหวงกุ้ยจวินสักครั้ง ทำให้ในวังหลวงต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าจักรพรรดินีไม่ทรงโปรดหวงกุ้ยจวิน และที่แต่งงานกับเขาก็เป็นเพราะรัฐปิงต้องการเงินตำลึงและเสบียงอาหารเท่านั้น
เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว หวงกุ้ยจวินจึงหมดสิ้นประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง
ทำให้คนในวังต่างไม่ได้ใส่ใจดูแลหวงกุ้ยจวินอย่างดีเท่าที่ควร
ทำให้เรือนอี้หยุนดูว่างเปล่าและรกร้าง
ครั้งนี้จักรพรรดินีพาพระสวามีรองมาในตอนกลางดึก ทำให้คนในวังไม่เพียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่กลับรู้สึกว่าจักรพรรดินีต้องการหย่าร้างกับหวงกุ้ยจวิน
เมื่อประตูใหญ่ของเรือนอี้หยุนเปิดออก ทุกคนต่างคุกเข่าลงและแสดงความเคารพพร้อมกับส่งเสียงร้องสรรเสริญ
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองเรือนอี้หยุนที่กว้างใหญ่ ทว่ากลับมีคนรับใช้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น กำแพงแกะสลักและอาคารทาสีถูกทิ้งร้างเนื่องจากไม่ได้รับความใส่ใจดูแล
หวงกุ้ยจวินของนางก็ไม่ต่างไป
กู้ชูหน่วนกล่าว “หวงกุ้ยจวินอยู่ที่ไหนหรือ?”
“กราบทูลฝ่าบาท หวงกุ้ยจวินบรรทมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าขันทีกล่าว “ฝ่าบาทเสด็จมา พวกเจ้ายังไม่รีบไปเชิญหวงกุ้ยจวินให้ตื่นจากบรรทมอีกหรือ”
“ร่างกายของหวงกุ้ยจวินไม่แข็งแรงเท่าไรนัก และรับสั่งห้ามให้ข้าน้อยเข้าไปรบกวนพ่ะย่ะค่ะ”
“บังอาจ ฝ่าบาทเสด็จเดินทางมาด้วยพระองค์เอง”
คนรับใช้ของเรือนอี้หยุนต่างพากันคุกเข่า ทว่าแต่ละคนแน่วแน่และไม่ขยับไปไหน โดยไม่เห็นหัวหน้าขันทีอยู่ในสายตา ทำให้หัวหน้าขันทีโกรธมาก
กู้ชูหน่วนโบกมือและกล่าวว่า “ในเมื่อหวงกุ้ยจวินไม่สะดวก เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปรบกวนเขา ปล่อยให้เขาพักผ่อนเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าขันทีรีบกล่าว “ฝ่าบาท เอ่อ…..”
“ออกไปให้หมด เจ้าด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ…..”
หัวหน้าขัทีเหมือนจะพูดอะไรอีกแต่ก็หยุดเอาไว้และไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี จากนั้นจึงถอยออกไป
ชั่วพริบตาที่นี่ก็เหลือเพียงกู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหาน
กู้ชูหน่วนมองไปรอบๆ เรือนอี้หยุนและหรี่ตาลงพร้อมกับหัวเราะ
“ดูเหมือนว่าหวงกุ้ยจวินของข้าก็ไม่ธรรมดา มียอดฝีมือระดับหกขั้นสูงสุดสองคน แถมยังมีระดับหกขั้นต้นอีกสิบคนคอยปกป้องคุ้มกัน ฮึฮึฮึ เกรงว่าจะเป็นการรวมตัวของยอดฝีมือระดับสูงของดินแดนวิญญาณเยือกแข็งไว้ที่นี่ทั้งหมดอย่างแน่นอน”
“จริงด้วย”
ไม่เพียงแต่ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งเท่านั้น แม้แต่ดินแดนเยี่ยอวี่ก็ถือว่าหายากอย่างมาก
และที่สำคัญก็คือ ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งยังมียอดฝีมืออีกเป็นจำนวนมากที่พวกเขาไม่เคยได้พบเจอ
เรือนอี้หยุนที่ดูว่างเปล่าและรกร้าง ทว่าบริเวณโดยรอบกลับเต็มไปด้วยยอดฝีมือระดับหกที่แข็งแกร่งคอยคุ้มกันดูแล ที่นี่ต่างหากที่เป็นสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากมากที่สุดในวังหลวง
และเพราะเหตุนี้ ทำให้จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยได้เห็นรูปร่างหน้าตาของหวงกุ้ยจวินเลยสักครั้ง
และไม่เคยได้เหยียบย่ำเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้เลย
ไม่ว่าเขาหรือเหวินเส่าอี๋ก็ไม่สามารถเข้ามาได้
กู้ชูหน่วนจ้องมองเยี่ยจิ่งหานอย่างเย้ยหยัน “ฉะนั้น เจ้าจงใจหลอกล่อให้ข้าพาเจ้ามาที่นี่?”
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะอย่างเย็นชาและกลอกตามองบนใส่นาง “ที่นี่แล้วกัน”
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากห้องนอนของอี้หยุนเฟย และเป็นสถานที่อยู่ในจุดศูนย์กลางของเรือนอี้หยุนที่สุด ถือเป็นสถานที่ที่มีโอกาสหาดวงวิญญาณของอาหน่วนเจอได้มากที่สุด
“ที่นี่?”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองไปรอบๆ และถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ
ที่นี่เป็นประตูทางเข้าห้องนอนของเขา มาทำพิธีเรียกดวงวิญญาณอยู่หน้าทางเข้าห้องนอนของคนอื่นแบบนี้ไม่ดีกระมัง?
เยี่ยจิ่งหานเลือกสถานที่ได้เก่งมาก
กู้ชูหน่วนลังเลใจเล็กน้อย
มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่แอบดักซุ่มคุ้มกันปกป้องหวงกุ้ยจวินจำนวนมาก หากทำพิธีขึ้นที่นี่ หากพวกเขาขับไล่ออกไปหรือทำร้ายร่างกายขึ้นมา เช่นนั้นคงเสียหน้าแย่ เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงจักรพรรดินีของรัฐปิง
เมื่อนึกถึงความสำคัญของดวงวิญญาณนั้นต่อเยี่ยจิ่งหาน เซี่ยวอวี่เซวียนและเหวินเส่าอี๋ กู้ชูหน่วนกัดฟันแน่น
“ได้ ที่นี่ก็ที่นี่”
นางหยิบแก้วขึ้นมาและใช้มีดเล่มเล็กทำการกรีดข้อมือของตัวเอง เพื่อให้เลือดไหลลงไปในแก้ว
เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้วเหมือนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น “อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการใช้แก้วแทนถ้วย”
“ขอเพียงแค่ได้ผล ใช้อะไรก็เหมือนกัน”
“เลือดไม่พอจะทำให้ไม่สามารถการอัญเชิญดวงวิญญาณออกมาได้อย่างไม่เต็มที่”
“วางใจได้ ข้าสัญญาว่าได้ผลเช่นเดียวกัน”
นางศึกษาค้นคว้ามานานถึงทางลัดนี้ คงไม่มีทางไร้ผลอย่างแน่นอน
เลือดของกู้ชูหน่วนไหลออกมากว่าครึ่งแก้ว นางยังพึมพำท่องคาถาเพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณ
เวลาผ่านไป…..
ภายในแก้วยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานเคร่งเครียดอย่างมาก
กู้ชูหน่วนรู้สึกงุนงง
หรือเพราะเลือดไม่เพียงพออย่างนั้นหรือ?
“ไม่ต้องรีบร้อน พิธีการอันเชิญดวงวิญญาณมีสองขั้นตอน ข้ายังทำพิธีไม่เสร็จ”
นางปล่อยเลือดให้ไหลออกมาอีกอย่างไม่รีรอ และไม่นานเลือดก็เต็มแก้ว
พิธีการอัญเชิญดวงวิญญาณเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง
ทว่า…..เวลาผ่านไป
เวลาผ่านไปนานขึ้น
ยิ่งเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เลือดที่อยู่ในแก้วก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
เยี่ยจิ่งหานถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าบอกว่าได้ผลเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
“หรือดวงวิญญาณของนางไม่ได้อยู่ที่นี่ ก็เลยทำให้สัมผัสไม่ได้”
“แต่มันไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสรับรู้ได้ว่าดวงวิญญาณของอาหน่วนอยู่ที่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้หรือไม่”
“เอ่อ….อาจเป็นไปได้ว่าดวงวิญญาณของนางล่องลอยไปที่อื่นแล้ว ก็เลยไม่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวังหลวงอีก ทำให้ไม่สามารถสัมผัสรับรู้ได้”
เยี่ยจิ่งหานเก็บกลั้นความโกรธและพูดเสียงดัง “เจ้าหลอกข้า”
“ข้าจะไปหลอกเจ้าเพื่ออะไร หรืออาจเป็นเพราะข้าไม่ตั้งใจมากพอ ทำให้การอัญเชิญดวงวิญญาณไม่ประสบผลสำเร็จ ข้าจะลองดูอีกครั้ง”
หัวใจของเยี่ยจิ่งหานแทบระเบิดออก
เพราะกลัวว่าพิธีอัญเชิญเรียกดวงวิญญาณของอาหน่วนมาไม่ได้
เวลาผ่านไป เยี่ยจิ่งหานก็เริ่มกังวลมากขึ้น
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เลือดในแก้วยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น
ครั้งนี้แม้แต่กู้ชูหน่วนเองก็ไม่มีความมั่นใจเหลืออยู่แล้ว
วิธีการที่มีก็ใช้ไปหมดแล้ว ทว่าเลือดในแก้วกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น
“ใช้ถ้วยนี้”
ไม่รู้ว่าเยี่ยจิ่งหานหาถ้วยใบใหญ่มาจากไหน
มีขนาดราวๆ อ่างล้างหน้าขนาดเล็กใบหนึ่ง
มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุก “ถ้วยใหญ่เช่นนี้ ข้าเกรงว่าเมื่อเลือดไหลออกมาหมดข้าคงตายไปเสียก่อน”
“ทองคำหนึ่งล้านตำลึง”
“น่าดึงดูดใจมาก แต่ชีวิตสำคัญกว่า”
เยี่ยจิ่งหานหันกลับไปเข็นรถเข็นออกไป
กู้ชูหน่วนอดใจไม่ได้
ผู้ชายคนนี้อารมณ์เสียเหลือเกิน
นางบอกว่าชีวิตสำคัญกว่า นั่นเป็นเพราะราคาที่เขาเสนอมาไม่สูงเท่าไร
จากความฉลาดของเขา เขาก็ควรจะรู้ว่านางต้องการต่อรองราคากับเขาไม่ใช่หรือ