กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1041
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1041
“พวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร บอกเขาไปว่าข้ากำลังยุ่งกับเรื่องการบริหารราชกิจ ไม่ให้เข้าเฝ้า”
มีครั้งไหนบ้างที่เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋จะไม่ทะเลาะกันเมื่อต้องอยู่ด้วยกัน
“ฝ่าบาท กระหม่อมน่ารังเกียจมากเช่นนั้นเลยหรือ หรือว่าฝ่าบาทไม่ต้องการรักษาดวงตาให้กับกระหม่อมแล้ว ทำให้ฝ่าบาทหาข้ออ้างเพื่อไล่กระหม่อมไป”
ยังไม่ทันที่คนรับใช้จะออกไปรายงาน เหวินเส่าอี๋และซือม่อเฟยก็ได้เดินเข้ามา
เหวินเส่าอี๋สวมชุดสีขาวที่ดูโดดเด่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มของเขากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา
ซือม่อเฟยโถมเข้าหากู้ชูหน่วนทันที ทว่ากลับถูกเยี่ยจิ่งหานขวางเอาไว้พร้อมกับกล่าวอย่างเย็นชา “ฝ่าบาทกำลังรักษาขาทั้งสองข้างให้ข้าอยู่ ไม่หัดดูบ้างหรือ”
“พูดเช่นนี้ก็หมายความว่า ราชกิจที่ฝ่าบาทหมายถึงคือการรักษาขาให้กับพระสวามีรองอย่างนั้นหรือ? งั้นดีเลย เช่นนั้นฝ่าบาทก็ช่วยรักษาดวงตาให้กระหม่อมด้วยแล้วกัน เป็นถึงพระสวามีแห่งรัฐจะปล่อยให้กลายเป็นคนตาบอดได้อย่างไร”
“พี่หญิง พวกเขาบอกว่าสมองของข้ามีปัญหา แต่ข้าไม่รู้เลยว่าสมองของข้ามีปัญหาอะไร พี่หญิงช่วยรักษาให้ข้าด้วยได้ไหม”
คนพวกนี้กินยาผิดเข้าไปหรืออย่างไร
เมื่อก่อนพวกเขาแทบไม่อยากมาเจอกัน แต่ตอนนี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มีเยี่ยจิ่งหานโผล่มาเมื่อไร เหวินเส่าอี๋ก็มักโผล่ตามมาด้วยทุกครั้ง
เยี่ยจิ่งหานรู้อยู่แก่ใจว่าเหวินเส่าอี๋จงใจทำให้เขาโมโห เมื่อได้ยินคำว่าพระสวามีเอกแห่งรัฐก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “ไม่รู้จักกฎการมาก่อนได้ก่อนหรืออย่างไร? ต่อให้ตอนนี้เจ้าเป็นพระสวามีเอกก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมนี้ได้”
ซือม่อเฟยคิดจะข้ามเยี่ยจิ่งหานอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ทำให้เขาโกรธจนกัดเยี่ยจิ่งหาน
“เจ้าเป็นสุนัขหรือไง?” เยี่ยจิ่งหานสะบัดแขนเพื่อหลบเขา
“พี่หญิงเรียกข้าว่าเจ้าหมาน้อย ทำไมข้าจะไม่ใช่หมาล่ะ พี่หญิง พวกเขาร้ายมากที่ไม่ให้ข้ามาหาพี่หญิงเลย โดยเฉพาะเยี่ยจิ่งหาน ข้าคิดถึงพี่หญิงเหลือเกิน โชคดีที่พี่เส่าอี๋พาข้ามา”
“เสี่ยวหูเตี๋ย เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไรหรือ?”
“ในฐานะที่กระหม่อมเป็นถึงพระสวามี การจะมาหาภรรยาของตัวเองต้องมีธุระอะไรด้วยหรือ?”
เจ้าหมอนี่ คำก็พระสวามี คำก็ภรรยาของเขา เขาจงใจยั่วยุให้เยี่ยจิ่งหานโมโหใช่ไหม?
จะมีประโยชน์อะไรกับเขาอย่างนั้นหรือ?
ความสัมพันธ์ของนางและเยี่ยจิ่งหานเป็นแค่ผู้ร่วมงานกันเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษแต่อย่างใดเลย
“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ในฐานะที่เป็นสามีเพียงคนเดียวของเจ้า การจะมาหาภรรยาของตัวเองเป็นเรื่องผิดอย่างนั้นหรือ?”
“อาม่อ เจ้ามาที่นี่ทำไมหรือ?”
“ข้าคิดถึงพี่หญิง ข้าก็เลยมาหาพี่หญิงยังไงล่ะ”
“พวกเขาสองคนดูจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไร อาม่อ เจ้าพาพวกเขาสองคนไปสงบสติอารมณ์ก่อน ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะโปรดปรานเจ้า”
เยี่ยจิ่งหานหรี่ตาลงพร้อมกับกล่าวตักเตือน “ฝ่าบาทจะโปรดปรานเขาอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เจี้ยงเสวี่ยแทบจะเอาศีรษะมุดดินไปให้ได้ตอนนี้เลย
นายท่านเป็นคนฉลาดไม่ใช่หรือ?
เหตุใดสติปัญญาถึงด้อยลงเมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องของพระชายา
นายท่านน่าจะรู้ว่าเหวินเส่าอี๋จงใจสร้างเรื่องขึ้น เขาใกล้ชิดสนิทสนมกับพระชายาออกขนาดนั้น แถมยังแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใย เพื่อให้เหวินเส่าอี๋สงสัยว่ามู่หน่วนก็คือพระชายาไม่ใช่หรือ?
“พวกเจ้ามีเรื่องอะไรพิเศษใช่ไหม? สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร มีเรื่องอะไรพวกเจ้าก็พูดคุยกันดีๆ ให้ชัดเจน”
“หมายความว่าอย่างไร?”
“พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว งั้นข้าจะพูดตรงๆ เลยแล้วกัน พวกเจ้าจะแก่งแย่งหรืออิจฉาอะไรกันก็ไม่ต้องมาแสดงต่อหน้าข้า แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะเคยปลดเปลื้องเสื้อผ้าของพวกเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินเลยอะไรกับพวกเจ้าเลย ข้าไม่ได้รู้สึกสนใจในตัวพวกเจ้าทั้งสองเลย พวกเจ้าสองคนควรจะพูดคุยกันดีๆ และปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน และก็แยกย้ายกลับกันไปได้แล้ว หากยังมีเรื่องราวที่ยังผิดใจกันพวกเจ้าก็ไปคุยกันที่อื่น หากทำไม่ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็นอนกอดกันไปเลย รอให้เช้าเรื่องเข้าใจผิดต่างๆ ก็จะคลี่คลายได้เอง”
ซือม่อเฟยยืนงุนงงไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดอะไร
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานหมองคล้ำ
ใบหน้าของเหวินเส่าอี๋ก็เคร่งขรึมลง
ผู้หญิงบ้าคนนี้
ในหัวของนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่