กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1044
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1044
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าทำได้เหรอ?”
หากเขาคิดจะก่อกบฏต่อรัฐปิงเขาคงทำไปนานแล้ว และลงไม่รอถึงตอนนี้หรอก
เหวินเส่าอี๋หัวเราะ “ก็พูดยาก”
“ก็ได้ๆ รัฐปิงไม่จำเป็นให้พวกเจ้าต้องคอยปกป้องคุ้มครอง พรุ่งนี้ตอนที่ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐอี้ พวกเจ้าแค่อย่าทำตัวให้น่ารำคาญก็พอ”
กู้ชูหน่วนนอนลงบนเก้าอี้ตัวยาวพร้อมกับดึงขนสุนัขจิ้งจอกมาคลุมร่างกายเอาไว้และนอนหลับไป โดยที่ไม่สนใจออกปากไล่พวกเขาออกไป
ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรนดังออกมา เพราะทั้งสามก็ถูกนางกำนัลเร่งเร้าให้รีบออกไป
วังหลวงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เยี่ยจิ่งหานนั่งลูบแหวนหยกที่นิ้วอันเรียวยาวของเขาอย่างคุ้นเคย
ฝูกวงเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าเขาอย่างเงียบๆ พร้อมกับยกกำปั้นขึ้นกล่าว
“คารวะท่านอ๋องหาน ไม่ทราบว่าท่านอ๋องหานเรียกข้าน้อยมามีธุระอะไรหรือขอรับ?”
“ไม่มีธุระอะไรเรียกเจ้ามาไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น ทว่านายท่านคนใหม่มีงานให้ทำจำนวนมาก ข้าน้อยเกรงว่า…….”
“นายท่านคนใหม่? ดูเหมือนเจ้าจะเห็นนางเป็นนายท่านของเจ้าจริงๆ สินะ”
“นายท่านของข้าน้อยมีเพียงนายท่านคนเก่าคนเดียวเท่านั้น ทว่าข้าน้อยได้ตอบตกลงเป็นองครักษ์ให้กับนายท่านคนใหม่หนึ่งปี ฉะนั้นข้าน้อยไม่อาจผิดคำพูดได้ขอรับ”
“ช่วงนี้นางสั่งให้เจ้าทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“เอ่อ…..ท่านอ๋องหาน ได้โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วยที่ข้าน้อยไม่อาจบอกท่านอ๋องได้”
“เช่นนั้นหรือ? หากนางคิดจะทำเรื่องอันตราย เจ้าก็จะปล่อยนางทำไปอย่างหน้าตาเฉยอย่างนั้นหรือ?”
ฝูกวงไม่พูดอะไร
เขาเป็นสามีของนายท่านหญิง และถือเป็นนายท่านคนหนึ่งของเขาด้วยเช่นกัน
ตามหลักแล้วเขาควรจะบอกเยี่ยจิ่งหาน แต่……
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นคนเช่นไร?”
ฝูกวงตกใจ “นางไม่ใช่จักรพรรดินีของรัฐปิงอย่างนั้นหรือขอรับ?”
เยี่ยจิ่งหานยิ้ม และรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย “นางคือจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง และนางก็เป็นอาหน่วนด้วยเช่นกัน”
“ท่านอ๋องหมายความว่า?”
“นางคือกู้ชูหน่วน นายหญิงของเจ้า”
ฝูกวงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เยี่ยจิ่งหานอย่างเหลือเชื่อ
“ท่าน……ท่านอ๋องว่าอย่างไรนะขอรับ?”
“มู่หน่วนก็คือกู้ชูหน่วน พวกนางสองคนคือคนคนเดียวกัน หากข้าเดาไม่ผิด ในร่างกายของนางมีดวงวิญญาณของอาหน่วนอยู่ดวงหนึ่ง หรืออาจพูดได้ว่า อาหน่วนมาเข้าร่างของนาง แต่ไม่รู้เพราะอะไรทำไมนางถึงจำอะไรไม่ได้เลย”
“ท่านอ๋องหาน เรื่องนี้จะพูดเป็นเล่นไม่ได้นะขอรับ”
“เจ้าเห็นว่าข้ากำลังพูดเล่นกับเจ้าอยู่อย่างนั้นหรือ?”
ฝูกวงตัวสั่นสะท้าน และความรู้สึกที่ส่งผ่านรูม่านตาของเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจน ทั้งตกใจ ดีใจ หวาดกลัวและมีความสุข อีกทั้งความรู้สึกเหลือเชื่อที่ถาโถมสลับกันไปมา
เพราะดีใจทำให้เขาพูดออกมาด้วยอาการตัวสั่น
“นาง…..นางเป็นนายหญิงจริงหรือ? เป็นนายหญิงจริงๆ หรือขอรับ?”
หากเป็นเมื่อก่อนที่มีคนถามอะไรเซ้าซี้กับเยี่ยจิ่งหานเช่นนี้ละก็ เยี่ยจิ่งหานคงทนไม่ได้และรู้สึกหงุดหงิดไปนานแล้ว ทว่าตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก จากนั้นเขาก็ตอบเพียง “ใช่”
ฝูกวงพึมพำกับตัวเอง “ถึงว่าเหตุใดข้าน้อยรู้สึกคุ้นเคยกับนางอย่างมาก ทุกการแสดงออกและการกระทำของนางเหมือนกับนายหญิงไม่มีผิด เหตุใดข้าน้อยถึงโง่เพียงนี้ที่ไม่รู้ว่านางคือนายหญิง”
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือยังว่านางมีแผนการอะไร”
“เอ่อ……ขอรับ”
เดิมทีฝูกวงไม่อยากพูด แต่เมื่อนึกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ทำให้เขาบอกเยี่ยจิ่งหานทั้งหมดอย่างละเอียด
จากนั้นเขาก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า
“อ้อใช่ นายท่านสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณของนายหญิงทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทว่าพลังนั้นอ่อนมาก และนางเองก็กำลังคิดหาวิธีพิสูจน์อยู่ขอรับ”
“ทิศตะวันตกเฉียงใต้?”
“ขอรับ คือที่เรือนอี้หยุนขอรับ”
“เช่นนั้นเหตุใดนางถึงไม่พูด?”
“นางกลัวว่าการรับรู้ของนางจะผิดไป และถึงตอนนั้นอาจทำให้ท่านผิดหวังหรือเสียใจเอาได้ขอรับ”
“ดูเหมือนว่าข้าจำเป็นต้องไปที่เรือนอี้หยุนอีกครั้งเสียแล้ว”
“เรือนอี้หยุนมีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น ข้าน้อยเกรงว่าจะบุกเข้าไปได้ยาก ไม่เช่นนั้นเราพานายท่านไปด้วย ตอนนี้นายท่านเป็นถึงจักรพรรดินีและองครักษ์ที่คอยดักซุ่มคุ้มกันอยู่ที่เรือนอี้หยุนคงไม่กล้าทำอะไรนายท่านแน่นอนขอรับ”
“ไม่จำเป็น นางได้ไปที่เรือนอี้หยุนแล้ว”
“อ๋า……กี่โมงกี่ยามแล้ว นางไปที่เรือนอี้หยุนเพื่ออะไร? พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปรัฐอี้ไม่ใช่หรือขอรับ?”
“เอ่อ……เพื่ออะไรได้อีก เจ้ายังไม่รู้นิสัยของนางอีกหรือ นางชอบปีนกำแพง แถมยังชอบปีนกำแพงตอนกลางคืน”