กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1076 ฮวาอิ่งบาดเจ็บสาหัส
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1076 ฮวาอิ่งบาดเจ็บสาหัส
ผลกระทบจากโครงกระดูกหายไป เหวินเส่าอี๋ฟื้นคืนมาในชั่วพริบตา
คนกับพิณรวมเป็นหนึ่ง มันงดงามและเข้ากันเป็นอย่างดี
เสียงพิณพุ่งตรงออกไป แทงทะลุหัวใจของฮวาอิ่ง
เลือดไหลออกมา ดวงตาของฮวาอิ่งเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
นางคือระดับมนุษย์ผู้สง่างาม แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้เด็กเหลือขอสามคนนี้
“บูม……”
ขลุ่ยหยกสีขาวของเยี่ยจิ่งหานคมเหมือนมีด ขณะที่ฮวาอิ่งกำลังตกอยู่ในภวังค์ เขาฟันมันออกไปอีกครั้ง
หากฮวาอิ่งหลบไม่ทัน เกรงว่าหัวใจของนางคงถูกทำลายด้วยการโจมตีครั้งนี้ไปแล้ว
ถึงกระนั้น ขลุ่ยหยกสีขาวก็เจาะทะลุสะบักของนางอยู่ดี
“แครก แครก……”
ร่างของจอมมารราวกับหยก มุมปากยกขึ้น ดวงตาปีศาจสีน้ำเงินและสีม่วงของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเย่อหยิ่ง มือทั้งสองข้างของเขาโบกสะบัดอยู่กลางอากาศ ราวกับว่ากำลังบรรเลงบทเพลงที่ไพเราะที่สุดในโลก
เหล่าโครงกระดูกที่หนีไปด้วยความหวาดกลัว เวลานี้พวกมันกลับมาอีกครั้ง
และการกลับมาของพวกมันครั้งนี้ มันไม่ได้มาจัดการกับพวกเขา แต่เป็นฮวาอิ่ง
แครก แครก……
โครงกระดูกทุกตัวอ้าปากที่เปื้อนเลือด ตะเกียกตะกายเพื่อฉีกร่างของฮวาอิ่งให้เป็นชิ้น ๆ
จอมมารยิ้มออกมา “ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย หรือเจ้าไม่รู้ ว่าหากข้ายังไม่ตาย ดอกดาตูราก็ไม่มีวันร่วงโรย ดอกดาตูราไม่ร่วงโรย โครงกระดูกบนโลกใบนี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องฟังคำสั่งของข้า”
ฮวาอิ่งทำลายโครงกระดูกเหล่านั้นด้วยฝ่ามือของนาง
แม้การโจมตีทุกฝ่ามือของนางจะทำให้โครงกระดูกแหลกสลาย
แต่หลังจากที่มันแหลกสลาย พวกมันก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเหมือนกับหุ่นเชิดของนาง ไม่มีวันตาย และจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาล
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋จ้องมองไปที่จอมมาร
ดูเหมือนว่าความทรงจำของเขาจะกลับมาแล้ว
แต่ว่า……
วรยุทธ์ของเขาถูกทำลายไปแล้ว เหตุใดถึงสามารถอัญเชิญดอกดาตูราออกมาได้?
แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเคยอยู่ในระดับเดียวกัน
และผ่านการต่อสู้กันมาไม่น้อย
แต่หากต้องสู้กันจนตัวตาย
พวกเขาสองคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมมาร
วิชาการต่อสู้ของเขานั้นชั่วร้ายเกินไป
กู้ชูหน่วนตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง
นี่มันเป็นพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออย่างไร?
คนที่ไม่มีแม้แต่วรยุทธ์ เหตุใดจึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้?
มองไปเห็นฮวาอิ่งกำลังพัวพันอยู่กับเหล่าโครงกระดูก นางอยากจะสังหารจอมมารด้วยฝ่ามือของนาง
โครงกระดูกเหล่านั้นราวกับมีจิตวิญญาณ พวกมันรวมตัวกันยืนขวางหน้านางเพื่อปกป้องจอมมาร
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วนอยู่เช่นนั้น
พลังวิญญาณของฮวาอิ่งลดลงไม่น้อย
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ใช้โอกาสนี้ในการเค้นลมปราณของพวกเขาออกมา
เยี่ยจิ่งหานถามออกมาว่า “เจ้าไหวไหม? ยังทนได้อีกนานแค่ไหน?”
“ข้าไม่ไหวแล้ว หรือว่าคนขาเป๋อย่างเจ้ายังไหว?”
ใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก
เหวินเส่าอี๋กล่าวว่า “ไม่ไหวแล้วยังจะมาพูด”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกเจ้างั้นหรือ? ทำไมต้องกำลังอย่างเดียว จัดการกับยายเฒ่าแม่มดแบบนาง ต้องใช้ไม้อ่อนเอาชนะไม้แข็ง ต้องให้ความชั่วร้ายเพื่อควบคุมความชั่วร้าย”
เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมา “อย่าไปสนใจเขา เขากำลังใช้อักขระวิญญาณ ไม่จำเป็นต้องใช้พลังภายใน ในการต่อสู้”
“เยี่ยจิ่งหาน เจ้าช่วยมีมโนธรรมมากกว่านี้ได้ไหม ควบคุมโครงกระดูกเหล่านั้นจำเป็นต้องใช้พลังสมอง อีกอย่างพวกเจ้าไม่เห็นหรือไงว่าข้ากำลังควบคุมค่ายกลอักขระอยู่ด้วย?”
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋พูดไม่ออก พวกเขาพยายามซื้อเวลาเพื่อฟื้นฟูสภาพของพวกเขาให้ดีที่สุด
แม้จอมมารสามารถขัดขวางนางไว้ได้ชั่วขณะ
แต่ก็ไม่สามารถสังหารนางได้
และไม่สามารถขัดขวางนางไว้ได้ตลอดไป
“นี่ พวกเจ้าสองคนช่างไร้น้ำใจยิ่งนัก พวกเจ้าจะปล่อยให้ข้าทำเช่นนี้อยู่คนเดียวงั้นหรือ?”
“ยายแม่มดเฒ่า รีบเอายารักษาพี่หญิงออกมาได้แล้ว”
“คิดจะเอายารักษา ฮ่าฮ่าฮ่า……ไม่มีทาง หากต้องเอามันมามอบให้นาง ข้าเอาให้หมากินเสียยังดีกว่า”
“ยายแม่มดเฒ่าตัวดี เจ้าบังคับให้ข้าต้องสังหารเจ้า”
“สังหารข้า? คนโง่ที่ไร้วรยุทธ์อย่างเจ้านะหรือ?”
“โง่แล้วยังไง ขอแค่พี่หญิงชอบก็พอ มันไม่เกี่ยวกับอะไรกับเจ้า”
จอมมารท่องคาถาออกมา ดูเหมือนต้องการอัญเชิญอะไรสักอย่าง แต่ท่องอยู่นานก็ไม่มีอะไรปรากฏออกมา
“น่าแปลก? เหตุใดถึงไม่ได้ผล? หรือเป็นเพราะข้าไม่มีวรยุทธ์อีกแล้วงั้นหรือ?”
“ระวัง นางกำลังจะทำลายค่ายกลโครงกระดูกของเจ้า”
“ระวัง ค่ายกลอักขระของเจ้ากำลังถูกนางทำลายลงแล้ว”
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ตะโกนออกมา แต่ตอนนั้นมันก็สายเดินไปแล้ว
หากพวกเขาเข้ามาขวางไว้ไม่ทัน เกรงว่าจอมมารคงตายไปแล้ว
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวของนาง
ค่ายกลโครงกระดูกและค่ายกลอักขระอันแข็งแกร่ง
แม้ท้ายที่สุดพวกมันจะถูกทำลายลงด้วยเนื้อมือของฮวาอิ่ง
แต่อย่างน้อยมันก็สามารถตัดกำลังนางได้เป็นอย่างมาก
และในเวลานี้เขารู้สึกฟุ้งซ่านเพราะความล้มเหลว ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน
เจ้าบ้าซือม่อเฟย ไม่รู้จะบอกว่าเขาฉลาดหรือพึ่งพาไม่ได้กันแน่
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ กลับปล่อยให้หลุดมือไป
“ไม่มีการสนับสนุนจากค่ายกลอักขระ ต่อให้พวกเจ้าทั้งสามร่วมมือกันก็ทำอะไรข้าไม่ได้”
“ต่อให้ไม่มีค่ากลอักขระ มันก็เพียงพอที่จะสังหารเจ้า”
“ซือม่อเฟย เปิดค่ายกลสถูป”
“เดี๋ยวก่อน รอให้ข้าอัญเชิญชายผู้น่ารังเกียจออกมาได้ก่อนค่อยว่ากัน”
“บูม……”
ทั้งสามคนต่อสู้กันจนท้องฟ้ามืดและพื้นดินแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในป่าไผ่ เงาไม้ไผ่ร่ายรำและกลายเป็นใบมีดสังหารอันรุนแรง หากไม่ระวัง พวกเขาอาจตายได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการต่อสู้ของพวกเขาจะดุเดือดเพียงใด ซือม่อเฟยยังคงท่องคาถาอยู่เงียบ ๆ ซ้ำไปซ้ำมา กระทืบเท้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า พึมพำอยู่กับตัวเองด้วยใบหน้าหงุดหงิด
“เหตุใดถึงไม่ได้ผล หรือจะเป็นเพราะศพของชายผู้น่ารังเกียจคนนั้นถูกทำลายหลังจากเสียชีวิต? ไม่น่าใช่ ต่อให้ถูกทำลายก็ยังมีวิญญาณชั่วร้ายหลงเหลืออยู่ถึงจะถูก”
เห็นเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋เปิดโอกาสในการต่อสู้ให้หลายครั้ง รอแค่ให้ซือม่อเฟยเปิดใช้งานค่ายกลสถูปก็สามารถขังตายฮวาอิ่งไว้ด้านใน ใช้ประโยชน์จากวิชาอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ โจมตีและสังหารนางภายในกลสถูป
แต่ไม่รู้ว่าซือม่อเฟยกำลังทำอะไรอยู่
เขากำลังจมอยู่ในโลกของตัวเองเพื่ออัญเชิญใครคนหนึ่งออกมา
หากไม่ใช่ว่าตนเองบาดเจ็บหนักจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ กู้ชูหน่วนก็อยากจะเปิดใช้งานค่ายกลแทนซือม่อเฟย
กู้ชูหน่วนพยายามดิ้นรน “อา……อาม่อ……เร็ว……รีบเปิดค่ายกล”
“เปิดค่ายกลเร็ว…….เจ้าสุนัขน้อยขี้อ้อน……”
“อา……อาม่อ……”
นางพยายามใช้เสียงที่ดังที่สุด แต่เมื่อตะโกนออกมา เสียงนั้นกลับดังเหมือนกับเสียงยุงบิน
เสียงการต่อสู้ของพวกเยี่ยจิ่งหานดังสนั่น แน่นอนว่าไม่มีใครได้ยินเสียงของนาง
กู้ชูหน่วนโกรธ
ทางด้านของเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ก็โกรธมากเช่นกัน
เขาพึ่งพาไม่ได้เลยงั้นหรือ?
พวกเขาต่อสู้อย่างสุดชีวิต ใช้ชีวิตของตนเองเพื่อสร้างโอกาสหลายครั้ง แต่จอมมารกลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับความคิดของทุกคน ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่
“ซือม่อเฟย หากเจ้าเป็นลูกผู้ชายอยู่ เจ้าจงเปิดค่ายกลเดี๋ยวนี้” เยี่ยจิ่งหานตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ซือม่อเฟยไม่แม้แต่จะมองไปที่เยี่ยจิ่งหาน เขายังคงจดจ่ออยู่กับการอัญเชิญอะไรสักอย่าง
“รอเดี๋ยว อย่ามารบกวนข้า ข้าอยากให้นางตายอย่างทรมานมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“พลังของนางใกล้จะกลับคืนมาแล้ว เวลาไม่พอ รีบเปิดค่ายกลเร็ว”
“ข้าบอกแล้วไงว่าให้รอเดี๋ยว พวกเจ้าเลิกทำตัวน่ารำคาญได้แล้ว บ่นอยู่นั่นแหละ……”
การอัญเชิญของจอมมารล้มเหลวอีกครั้ง
เขาจึงทนไม่ไหวและสาปแช่งออกมา
“บ้าที่สุด หรือว่ายายแม่มดเฒ่านั่นจะสลายศพของชายชู้ไปแล้ว? ไม่ได้ ต้องรีบเปิดค่ายกล”
ในตอนที่จอมมารกำลังล้มเลิกที่จะอัญเชิญเหวินเฉิงเทียนและกำลังจะเปิดค่ายกลสถูป ฮวาอิ่งตะโกนส่งเสียงออกมาพร้อมกับการโจมตีอันผลิบาน
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลงต่อหน้าเขา
จอมมาร “เยี่ยจิ่งหาน เหวินเส่าอี๋ พวกเจ้าช่างอ่อนแอเหลือเกิน”
เยี่ยจิ่งหานอยากจะฆ่าเขาให้ตายอย่างสุดหัวใจ
หากรู้ว่าเขาพึ่งพาไม่ได้ตั้งแต่แรก พวกเขาจะฝากความหวังไว้กับเขาได้อย่างไร
พวกนำความอัปยศมาสู่ตนเอง
ใบหน้าของเหวินเส่าอี๋เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ปฏิเสธที่จะญาติดีกับจอมมาร
หากชีวิตนี้ยังกล้าเชื่อซือม่อเฟยอีก เขายอมเป็นหมาเสียดีกว่า