กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1077 อัญเชิญเหวินเฉิงเทียน
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1077 อัญเชิญเหวินเฉิงเทียน
จอมมารนำมือขึ้นมาปิดหน้า “การพ่ายแพ้ของเจ้าทั้งสองช่างน่าอนาถ ร่วมสู้กับพวกเจ้าทำให้ข้ารู้สึกอับอายยิ่งนัก”
มุมปากของเยี่ยจิ่งหานกระตุก เขาพูดผ่านช่องว่างระหว่างฟันของเขาว่า “หากเจ้าเก่งจริง เจ้าก็มา”
หากไม่ใช่ว่าเขามัวยึกยัก ฮวาอิ่งคงตายไปตั้งนานแล้ว นางจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ได้อย่างไร
“เจ้ามองพลังภายในของเจ้ามาให้ข้า แล้วข้าจะจัดการนางให้ดู”
“ไม่ละอายปากบ้างหรือ”
ร่างกายของฮวาอิ่งเต็มไปด้วยบาดแผล
ซึ่งบาดแผลเหล่านั้นเกิดจากขลุ่ยหยกขาวของเยี่ยจิ่งหานและพิณของเหวินเส่าอี๋
การประสานกันระหว่างพิณและขลุ่ย การต่อสู้สองต่อหนึ่ง มันไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
แม้จะบอกว่าพวกเขาเป็นเพียงขั้นกลางระดับเจ็บ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นเหนือกว่าขั้นสูงสุดระดับเจ็ดเสียอีก
หากไม่ใช่เพราะว่านางมีวิชาลับอยู่มากมาย เกรงว่านางคงตายด้วยเนื้อมือของเด็กพวกนี้ไปตั้งนานแล้ว
รู้สึกเจ็บปวดจากร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ ฮวาอิ่งโกรธและปลดปล่อยพลังออกมาถึงขีดสุด
แต่ทั้งสามคนกลับพูดคุยกันอย่างสบายใจ และไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
นางจะต้องจบชีวิตของพวกเขาลงให้เร็วที่สุด
หากปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป เกรงว่าวันนี้นางคงได้ตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
เมื่อคิดเช่นนี้ ฮวาอิ่งก็หัวเราะออกมาดังลั่น
“ไหนหละสิ่งที่เจ้าจะนำออกมาสังหารข้า? ไหนบอกว่าจะอัญเชิญออกมา? รีบอัญเชิญออกมาให้ข้าดูเร็ว”
จอมมารพูด “สิ่งที่จะนำออกมาเพื่อสังหารเจ้า เวลานี้ข้าแค่ยังไม่อยากจะอัญเชิญออกมา เมื่อถึงเวลาสำคัญ ข้าจะอัญเชิญออกมาให้เจ้าได้เห็นเป็นแน่”
ใบหน้าของฮวาอิ่งเต็มไปด้วยความดูถูก
สิ่งที่จะใช้ในการสังหารนางงั้นหรือ ไม่มีทาง พูดออกมาไม่อายปากเลยหรือยังไง
อย่าว่านางอย่างโน้นอย่างนี้เลย
เวลานี้ คนไร้ประโยชน์อย่างเขา นอกจากควบคุมโครงกระดูกได้ ยังทำอะไรได้อีกงั้นหรือ
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากอัญเชิญมันออกมา งั้นข้าจะมอบความประทับใจอันน่าตกใจให้กับพวกเจ้าเป็นอย่างไร?”
ในขณะที่ฮวาอิ่งพูดออกมา แววตาของนางจับจ้องไปที่เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย
หัวใจของพวกเขาเต้นแรง ลางสังหรณ์เลวร้ายปรากฏขึ้นในความคิดของพวกเขา
กู้ชูหน่วนเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาพลังจากที่ไหนมา ตะโกนออกมาด้วยความอ่อนแอ
“นางได้รับบาดเจ็บสาหัส รีบฉวยโอกาสตอนที่นางกำลังรักษาจัดการกับนาง รีบฆ่านางเสียตั้งแต่ตอนนี้ หากพลาดโอกาสก็ทำได้เพียงแค่ความฝัน”
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋เองก็อยากจะสังหารนางให้เร็วที่สุด
แต่จากการต่อสู้ที่ผ่านมา พวกเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยไปกว่าฮวาอิ่ง
พวกเขาทำได้เพียงระงับความเจ็บปวดและต่อสู้ร่วมกันอีกครั้ง
“บูม……”
ก้อนเมฆกระจัดกระจาย เสียงฟ้าร้องดังสนั่น จากนั้นเมฆแห่งความชั่วร้ายก็รวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า ราวกับพวกมันจะตกลงมาทับร่างของพวกเขาจากด้านบน
เสียงพิณและขลุ่ยกลายเป็นมีด พุ่งไปทางฮวาอิ่งอย่างดุเดือด
มุมปากของฮวาอิ่งเผยให้เห็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย สั่นกระดิ่งในมือของนาง ทำให้เกิดเสียงแหลมที่ฟังแล้วแก้วหูจะแตก
จากนั้นชายวัยกลางคนที่ร่างกายของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังชั่วร้ายและลมปราณปีศาจก็ปรากฏออกมาพร้อมกับเสียงระเบิด กวัดแกว่งฟางเทียนฮว่าจี่ในมือของเขาอย่างรุนแรงด้วยพลังกำลังอันมหาศาล
“บูม……”
อาวุธเข้าปะทะกัน อาวุธในมือของเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ร่วงหล่น รู้สึกชาที่มือทั้งสองข้างของพวกเขาด้วยอาการตกใจ
ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก
พลังนี้……ต่อให้ไม่ถึงระดับมนุษย์ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในชั้นสูงสุดของระดับเจ็ด
“บูม……”
การโจมตีเพียงครั้งเดียวไม่อาจพรากชีวิตของพวกเขาไปได้
ลมปราณปีศาจพุ่งทะยานไปทั่วร่างกายของชายวัยกลางคน จากนั้นก็บิดเบี้ยวกลายเป็นการโจมตีอันรุนแรง
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ไม่กล้ารับมือกับมันโดยตรง พวกเขาทำได้เพียงใช้ความนุ่มนวลเอาชนะความแข็งแกร่ง ป้องกันการโจมตีและหลีกหนี
ฟางเทียนฮว่าจี่รวดเร็วและรุนแรง แต่ละกระบวนท่าหมายปองถึงชีวิต การโจมตีแต่ละครั้งไร้ซึ่งความสงสาร
ยิ่งไปกว่านั้น พวกโจมตีมาทางสองคนที่บาดเจ็บ ด้วยพลังแห่งความชั่วอันแรงกล้า
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ถูกโจมตีจนต้องล่าถอย
พายุทรายโบกพัดอย่างรุนแรงบนอากาศ
เมฆเคลื่อนตัวออกจากกัน
เพียงชั่วพริบตา พวกเขาสู้กันเกินกว่าร้อยกระบวนท่า
หลังจากผ่านไปแล้วร้อยกระบวนท่า เยี่ยจิ่งหานถึงเห็นอย่างชัดเจนว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
เห็นใบหน้าที่ดูคุ้นเคยของเขา หัวของเยี่ยจิ่งหานแทบจะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
เขา……
เป็นคือหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าคนก่อน เหวินเฉิงเทียน ไม่ใช่หรือ?
เหวินเฉิงเทียน
และยังเป็น
พ่อผู้ให้กำเนิดเขาด้วย……?
“พัฟ……”
คนหนึ่งเสียสติ เหวินเส่าอี๋ถูกการโจมตีของฟางเทียนฮว่าจี่ เลือดไหลออกมาจากหน้าอกของเขา
“ควับ ควับ ควับ……”
ฟางเทียนฮว่าจี่ยังคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น มันยังคงกวัดแกว่งไปที่เยี่ยจิ่งหานอย่างต่อเนื่อง
เหวินเส่าอี๋ใช้โอกาสนี้โจมตีไปยังขาของเหวินเฉิงเทียน หวังว่าจะตัดขาของเขา
แต่ร่างกายของเหวินเฉิงเทียนนั้นคงกระพัน ไม่ว่าเหวินเส่าอี๋จะโจมตีอย่างไรก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้เขาได้
และสิ่งที่น่าประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ทุกการโจมตีของเขา ชายวัยกลางคนผู้นั้นล่วงรู้เป็นอย่างดี
รู้ถึงขั้นว่าต่อไปเขาจะใช้กระบวนท่าอะไร สามารถป้องกันไว้ได้ทันและโจมตีกลับมา
เหวินเส่าอี๋กล่าวออกมา “ตราศักดิ์สิทธิ์ต้าเสวี่ย”
“กระบี่มังกรหยานหลัว”
“ฝ่ามือสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์”
“ฝ่ามือไล่อสูร ทุกกระบวนท่าล้วนเป็นกระบวนท่าของเผ่าเพลิงฟ้า และยังเป็น……เป็นกระบวนท่าของพ่อข้า เป็นไปได้อย่างไร……เหตุใดถึงปรากฏออกมาในที่แห่งนี้”
เหวินเส่าอี๋พยายามควบคุมความคิดและจิตใจของเขา แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถควบคุมมันได้
พยัคฆ์สะบั้น นิ้วปีศาจตงเทียน……พวกมันล้วนเป็นวิชาที่พ่อของเขาเป็นคนคิดค้น เขาเป็นคนเดียวในโลกที่รู้เรื่องนี้ แม้แต่ท่านปู่ของเขายังไม่รู้เสียด้วยซ้ำ
คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?
เสียงหัวเราะของฮวาอิ่งดังขึ้น “เป็นไงบ้าง รู้สึกคุ้นเคยไหม?”
“เยี่ยจิ่งหาน คนผู้นั้นเป็นใคร?”
เยี่ยจิ่งหานไม่พูดอะไร
จอมมารบ่นพึมพำ
เหวินเฉิงเทียน?
พ่อผู้ให้กำเนิดเหวินเส่าอี๋?
เขาตายไปแล้วไม่ใช่หรือ สมองของเขาก็ถูกพี่หญิงควักออกมาไม่ใช่หรือไง?
เหตุใดถึงได้ปรากฏตัวออกมาที่นี่ และยังอยู่ในการควบคุมของยายปีศาจเฒ่า?
เมื่อลองสังเกตดูให้ดีจะพบว่าดวงตาทั้งสองข้างของเหวินเฉิงเทียนนั้นไร้ซึ่งความรู้สึก ไร้ซึ่งความเจ็บปวด มีเพียงการต่อสู้เท่านั้น ราวกับเป็นหุ่นเชิดสังหารที่ถูกควบคุม ไม่มีความคิดและความรู้สึกของตนเองหลงเหลือเลยแม้แต่น้อย
มองดีที่คอของเขา จะเห็นเส้นแสงบาง ๆ สองสามเส้นวนรอบคอของเขาลงมาตามลำตัว
หัวใจของจอมมารเต้นแรง
เป็นไปได้ว่ายายเฒ่าปีศาจอาจจะใช้วิชาเวทของเผ่าเพลิงฟ้าประกอบกับวิชาต้องห้ามของเผ่าหยก จากนั้นก็ใช้วิชาท้าทายอำนาจสวรรค์รวมเข้ากับร่างกายของเขาอีกครั้ง สร้างเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดและอยู่ในการควบคุมของนาง
เยี่ยมไปเลย
เหวินเฉิงเทียนเต็มไปด้วยพลังวิญญาณอันชั่วร้าย ลมปราณปีศาจพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งขึ้นไปถึงขั้นกลางระดับเจ็ด
แม้ตัวจะตายไปแล้ว แต่ความแข็งแกร่งและวรยุทธ์ที่เคยมีของเขายังคงอยู่
มีหุ่นเชิดเช่นนี้อยู่ในครอบครอง ยายเฒ่าปีศาจคงอยู่ยงคงกระพัน
บ้าที่สุด
อยู่ยงคงกระพันบ้าอะไร
พี่หญิงของเขาต่างหากที่อยู่ยงคงกระพัน
ฮวาอิ่งพูดออกมาอย่างชั่วร้าย “เยี่ยจิ่งหานไม่กล้าบอกเจ้า เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญ คนผู้นั้นก็คือ เขาก็คือพ่อที่อายุสั้นของเจ้า และเป็นพ่อที่อายุสั้นของเยี่ยจิ่งหานเช่นกัน เพราะพวกเจ้ามีพ่อคนเดียวกัน”
จอมมารแทบจะทรุดตัวลงพื้น
พ่อคนเดียวกัน?
พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่?
เป็นลูกชายของเหวินเฉิงเทียนงั้นหรือ?
เยี่ยจิ่งหานเกลียดเหวินเฉิงเทียนอย่างสุดซึ้งไม่ใช่หรือไง เกลียดคนของเผ่าเพลิงฟ้าจนถึงกระดูกดำไม่ใช่หรือ?
ใบหน้าของเหวินเส่าอี๋หม่นหมอง
คำพูดของฮวาอิ่งยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา
เนื่องจากขาดสติ เขาเกือบจะถูกเหวินเฉิงเทียนฆ่าตาย
โชคดีที่เยี่ยจิ่งหานช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
พวกเขาจำไม่ได้ตั้งนานแล้วว่าใครช่วยชีวิตใครไว้มากกว่ากัน
เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมา “อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของนาง สงบสติอารมณ์ ฆ่านางไปด้วยกัน”
“เขา……เขาเป็นพ่อของข้าจริง ๆ ……”
“พ่อของเจ้าตายไปนานแล้ว ตายไปตั้งแต่สามปีก่อน” เหวินเส่าอี๋ได้รับข่าวการตายพ่อของเขาในวันที่แดดจ้า แต่ร่างกายของเขาราวกับถูกฟ้าผ่า
เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงงเป็นเวลานาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เยี่ยจิ่งหานทำได้เพียงต่อสู้กับเหวินเฉิงเทียนที่มีพลังอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเจ็บเพียงลำพัง
รอยยิ้มของฮวาอิ่งเฉียบคมราวกับใบมีด
“แน่นอนว่าเขาเป็นพ่อของเจ้า เขาไม่ใช่ เขาจะรู้จักทุกกระบวนท่าของเจ้าได้อย่างไร และจะรู้ท่วงท่าที่เจ้าใช้ได้เพียงคนเดียวได้อย่างไร”
“เจ้ารู้ไหมว่าตอนที่พ่อเจ้าตายนั้นน่าอนาถขนาดไหน? เจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อของเจ้า”
จอมมารทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว
“นี่ ยายปีศาจเฒ่า เจ้าสะกิดความทรงจำอันเลวร้ายของเหวินเส่าอี๋ เจ้าไม่สามารถเอาชนะพี่หญิงของข้าได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงระบายออกมา ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารู้สึกสมเพชในตัวเจ้าเสียจริง แต่มันก็แค่นั้น หากเจ้าไม่ทำตัวน่าสงสาร แล้วเจ้าจะเข้าไปเป็นเงาของคนอื่นได้อย่างไร”