กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 109
เยี่ยเฟิงพูดน้อยเกินไป กู้ชูหน่วนยืดตัวบิดขี้เกียจ นางรู้สึกเบื่อเล็กน้อยและความง่วงก็เริ่มจู่โจม “ข้าของีบก่อนละ ถ้าเข้าเรียนแล้วเรียกด้วยนะ”
ว่าแล้วนางก็ปรับท่าให้สบายและผล็อยหลับไป
ทุกคนตะลึง
หลับอีกแล้วเหรอ
เหตุใดนางจึงหลับในห้องเรียนได้ทุกวัน
หรือว่าคนที่มีความสามารถเรียนรู้ในฝันอย่างนี้ทุกคน
จนกระทั่งเมื่อกู้ชูหน่วนตื่นมาอย่างงัวเงีย นางจึงพบว่าอาจารย์สวีกำลังอธิบายบทเรียนอยู่เรื่อยเจื้อย
กู้ชูหน่วนตกใจตื่นขึ้นจากความง่วง
นางสั่งให้เซี่ยวอวี่เซวียนเรียกนางตอนจะเริ่มชั้นเรียนมิใช่หรือ
เยี่ยมไปเลย ไม่รู้ว่าตาเฒ่าสวีคิดจะเล่นลูกไม้อะไรกับนางอีก
“การเรียนของผู้ดี คือฟังเข้าหู มุ่งสู่หัวใจ กระจายทั่วสรรพางค์ กลายเป็นความเคลื่อนไหว…”
กู้ชูหน่วนขยี้ตาที่สะลึมสะลือ นางยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ทันใดนั้นอาจารย์สวีก็เอ่ยขึ้นมาอย่างยินดีว่า
“คุณหนูสามตื่นแล้วรึ เช่นนั้นเชิญคุณหนูสามกล่าวต่อเถิด”
กล่าวเหรอ
กล่าวอะไร
กู้ชูหน่วนหันไปมองเซี่ยวอวี่เซวียนพลางกะพริบตา
ทว่าเซี่ยวอวี่เซวียนกลับยกหนังสือขึ้นบังหน้าโดยไม่ยอมหันมามอง
อาจารย์สวีอาจทำอะไรได้ตั้งมากมาย นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์สวีกำลังสอนเรื่องอะไรอยู่
คราวนี้กู้ชูหน่วนหันไปมองเยี่ยเฟิง พยายามส่งสายตาให้เขาอย่างต่อเนื่อง ทว่าเยี่ยเฟิงดูเหมือนจะเห็นนางเป็นเพียงอากาศธาตุ ไม่สนใจความมีอยู่ของนางเลยสักนิด
อาจารย์สวีก้าวเข้ามาหานาง เขายิ้มและเอ่ยว่า “คุณหนูสาม กระจายทั่วสรรพางค์ กลายเป็นความเคลื่อนไหว เชิญคุณหนูสามบรรยายให้พวกเขาฟังหน่อยว่าต่อไปคืออะไร”
อะไร
ให้นางท่องงั้นหรือ
นี่ใช่บท ‘ชวนให้ศึกษา’ ของสวินจื่อหรือเปล่านะ
กู้ชูหน่วนลองเอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก “จำถ้อยคำ แม้แค่ส่วนเล็ก ผู้ใดก็เป็นแบบอย่างได้… การเรียนรู้ คือฟังเข้าหู รู้ออกจากปาก ระหว่างปากและหูได้ยินทุกทิศทาง…”
ทันใดนั้นอาจารย์สวีก็กระโดดโหยงราวกับมีเรื่องมงคลยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ชี้ไปที่นางอย่างตื่นเต้น
“คนแก่อย่างข้าบอกพวกเจ้าแล้วว่าถึงคุณหนูสามจะพักผ่อน แต่สิ่งที่ข้าสอนนางฟังเข้าใจไม่มีตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว คุณหนูสามตระกูลกู้ตั้งใจเรียนยิ่งกว่าพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าต้องตั้งใจให้เหมือนนาง คนหนุ่มสาวมีอนาคตเช่นนี้ ควรค่าที่จะสอนสั่งยิ่งนัก”
กู้ชูหน่วนพูดไม่ออก
ตาเฒ่านี่จะอวดนางหรือเยาะเย้ยนางกันแน่เนี่ย
“ข้าไม่ได้โม้นะ ตั้งแต่คุณหนูสามมาที่สำนักศึกษาวังหลวงเป็นครั้งแรก ข้าก็รู้สึกได้เลยว่านางแตกต่าง มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด ลองถามดูสิว่ามีใครท่องบทกวีสู่หลีได้บ้าง ข้าเองก็นับเป็นอาจารย์คนแรกของคุณหนูสามตระกูลกู้ในสำนักศึกษาวังหลวงแห่งนี้ ดูลูกศิษย์ดีๆ ที่ข้าสอนสิ นับเป็นสิ่งที่ดีต่อเกียรติของสำนักศึกษาเป็นอย่างยิ่ง”
อาจารย์สวีกล่าวยกย่องน้ำไหลไฟดับ พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านางเอาชนะนักปราชญ์ในแต่ละรัฐได้อย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ยังอ่านบทกวีที่นางเขียนทุกบทซ้ำไปซ้ำมา
ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็เข้าใจ
อาจารย์สวีไม่ได้เยาะเย้ยนาง แต่กำลังชื่นชมนางจริงๆ
เมื่อเห็นเขาพูดพล่ามอย่างไม่รู้จบ กู้ชูหน่วนก็รีบแทรกขึ้นมา “ท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าข้ายังงีบหลับอีกได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้ซี ได้อยู่แล้ว เจ้านอนหลับฟังสิ่งที่สอนได้ดีกว่าพวกเขาเสียอีก ข้าอนุญาต”
กู้ชูหน่วนหาวหวอด
ก็บอกให้เร็วหน่อยซี่
เมื่อครู่นี้ทำนางเครียดไปหมด
“ต่อไปท่านอาจารย์ซั่งกวนจะเป็นคนสอนบทเรียนให้พวกเจ้าต่อ”
ท่านอาจารย์ซั่งกวน?
ซั่งกวนฉู่รึ
อาจารย์เหี้ยมหน้าเนื้อใจเสือผู้นั้นนะเหรอ
ช่างมัน นอนดีกว่า
“กู้ชูหน่วนนอนสัปหงกในเวลาเรียน หลังเลิกเรียนให้วาดภาพที่สอนวันนี้ห้าสิบครั้ง ไม่อนุญาตให้กลับจนกว่าจะวาดเสร็จ”
กู้ชูหน่วนสะดุ้งโหยง
“ท่านอาจารย์สวียอมให้ข้านอนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เมื่อครู่เป็นวิชาเรียนของท่านอาจารย์สวี ท่านอาจารย์สวียอมให้ท่านนอน ทว่าข้าไม่อนุญาต”
ซั่งกวนฉู่ยิ้มอย่างสุภาพงดงาม ใบหน้าดูไร้พิษภัย
กู้ชูหน่วนแทบทนไม่ไหวที่จะฉีกหน้าของเขา
เห็นได้ชัดว่าซั่งกวนฉู่จงใจกลั่นแกล้งนาง
ทุกครั้งที่สอนเขาจะบอกให้นางอยู่เรียนต่อ
กู้ชูหน่วนหยิบพู่กันขึ้นมาอย่างคับแค้น ใครจะไปรู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งสอนวาดอะไร
ทันใดนั้นมุมปากของนางก็ขดเป็นรอยยิ้ม นางยกพู่กันขึ้นมาและเริ่มสะบัดแปรงวาดภาพ