กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1118 ตกจากที่สูง
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1118 ตกจากที่สูง
ทุกคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “อาหน่วน เจ้าทำอะไรของเจ้า”
“พี่หญิง พวกเจ้าเร่งมือเข้า ไปตามหมอหลวงมา รีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า”
“น้องหญิง ผู้อาวุโสอวี๋ ท่านรีบช่วยนางเร็วเข้า”
“นายท่าน……”
กู้ชูหน่วนกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ห้ามใครเข้ามาทั้งนั้น หากมีใครก้าวเข้ามา เขาจะแทงเข้าไปให้ลึกสุดหัวใจ”
เยี่ยจิ่งหานตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก “อาหน่วน ไม่ว่าเจ้าจะทำเช่นไร ข้าไม่คิดจะขัดขวางทั้งนั้น แต่เวลานี้ เจ้าทิ้งกริชในมือลงก่อนได้หรือไม่?”
กู้ชูหน่วน “เยี่ยจิ่งหาน สิ่งที่เจ้าต้องการมากที่สุดคือชีวิตของข้าไม่ใช่หรือ? เพื่อล้างแค้นความตายของผู้คนนับหมื่นของเผ่าเพลิงฟ้า หากข้าตายไปพร้อมกับเซี่ยวอวี่เซวียน ความแค้นในใจของเข้าจะหายไปหรือไม่?”
เหวินเส่าอี๋เองก็คิดไม่ถึงว่านางจะตัดสินใจทำเช่นนี้
นั่นมันคือหัวใจ นางแทงเข้าหัวใจของตนเองตามที่นางพูด
หากอีกเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น นางก็จะก้าวเข้าสู่ความตาย
“ต่อให้พวกเจ้าตายไปเป็นหมื่นครั้งก็ไม่สามารถทำให้ความแค้นในใจของข้าจางหายไปได้”
จอมมารกล่าวเตือนอย่างเยือกเย็น “เหวินเส่าอี๋ ก่อนที่เจ้าจะพูดอะไร ทางที่ดีเจ้าไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนค่อยพูดออกมา ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทำลายเผ่าเพลิงฟ้าของเจ้าอีกครั้ง”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างโศกเศร้า
“เช่นนั้นหากเพิ่มดวงวิญญาณอีกห้าดวงให้เจ้าจะเป็นเช่นไร”
กู้ชูหน่วนกล่าวออกมาพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณจากร่างกาย นำดวงวิญญาณออกมา
ก่อนหน้านี้นางไม่สามารถบังคับมันได้
แต่วันนี้ ความแข็งแกร่งของนางก้าวขึ้นมาถึงขั้นหกแล้ว การเรียกดวงวิญญาณในร่างกายออกมา เวลานี้มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เยี่ยจิ่งหานและจอมมารเองก็พยายามดึงดวงวิญญาณของนางกลับมาโดยพร้อมเพรียงกัน
เยี่ยจิ่งหาน “ก่อนที่เจ้าจะทำอะไรลงไป เจ้าลองคิดทบทวนถึงตัวเอง และลองคิดทบทวนถึงข้าบ้างได้หรือไม่”
“เยี่ยจิ่งหาน ข้าขอโทษ ข้าไม่สามารถช่วยรวบรวมดวงวิญญาณของเจ้ากลับมาได้ ไม่สามารถชุบชีวิตภรรยาของเจ้ากลับมา อี้หยุนเฟยจำเป็นต้องใช้ครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณนั้น ข้าไม่สามารถปล่อยอี้หยุนเฟยไปโดยไม่สนใจ และข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้เสี่ยวหูเตี๋ยมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานได้”
“แล้วข้าเล่า ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นตัวอะไร? เจ้าทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความแค้น แต่เจ้ากลับทนเห็นข้ามีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานได้งั้นหรือ?”
“ข้าขอโทษ”
“ข้าไม่ต้องการคำขอโทษจากเจ้า ข้าต้องการเพียงเจ้าเท่านั้น เพราะเหตุใด……เพราะเหตุใดจึงไม่สามารถดึงดวงวิญญาณกลับมาได้”
เยี่ยจิ่งหานหันไปมองจอมมาร
จอมมารก็รู้สึกตกใจไปพร้อมกับเขา
ดวงวิญญาณของอาหน่วนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนางมาโดยตลอด
เหตุใดเวลานี้ถึงได้เริ่มทำการปฏิเสธ
หากร่างกายของนางไม่สามารถหลอมรวมกับดวงวิญญาณได้
แล้วหลังจากนี้จะช่วยนางได้อย่างไร
แล้วเส้นแห่งดวงวิญญาณที่เหลืออีกหกเส้น?
“พี่หญิง เจ้าไม่สนใจข้ากับเยี่ยจิ่งหานแล้วจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าขอโทษ ข้าเป็นห่วงเจ้าและเยี่ยจิ่งหาน แต่ก็เป็นห่วงอี้หยุนเฟยและเหวินเส่าอี๋เช่นกัน หากข้ามีชีวิตอยู่ต่อไป วงจรแห่งการฆ่าก็ไม่มีวันสิ้นสุด ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าต้องมาตกอยู่ในภวังค์แห่งความเกลียดชังเพียงเพราะความแค้นในอดีต”
อี้หยุนเฟยตะโกนออกมาพร้อมร้องไห้ “ข้าไม่ต้องการแผ่นอักษรสีเหลือง ข้าไม่ต้องการแผ่นอักษรสีเหลือง เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ หากไม่มีเจ้า ข้าจะเอาแผ่นอักษรสีเหลืองมาเพื่อสิ่งใด”
“หลังจากข้าตายไป พวกเจ้าก็จะไร้ซึ่งความแค้นต่อกัน ข้าเหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่ด้วยการฆ่าฟัน มีชีวิตอยู่ในท่วงทำนองแห่งการแก้แค้นเช่นนี้อีกต่อไป”
เยี่ยจิ่งหานเดินโซซัดโซเซ ใบหน้าของเขาซีดขาว
เขานางหานางมาตั้งนาน
นางบอกว่าอยากตายก็ตาย
เช่นนั้นเขาจะทำเช่นไร
นางเห็นเขาเป็นตัวอะไร?
กู้ชูหน่วนกล่าวออกมาว่า “ฝูกวง หลังจากข้าตายไป จงแต่งตั้งใจหยางโม่เป็นจักรพรรดิ และให้อ๋องเสวี่ยดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีต่อไป”
“นายท่าน……”
“เสี่ยวหูเตี๋ย ข้าขอโทษ เจ้าเองก็คงไม่สามารถชุบชีวิตกู้ชูหน่วนกลับมาได้ แต่ ดูเหมือนข้าจะเป็นคนเดียวกับนาง เมื่อข้าตายไปก็เท่ากับนางตายไปด้วย”
“ดวงวิญญาณทั้งห้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้านำไปเถิด ข้ารู้ว่ามันยังห่างไกลจากความแค้นที่เจ้ามีต่อข้า แต่สิ่งที่ข้าทำได้มีเพียงเท่านี้”
ควับ……
ดวงวิญญาณทั้งห้าเคลื่อนย้ายไปอยู่ในมือของเหวินเส่าอี๋
พวกของเยี่ยจิ่งหานต้องการแย่งชิงมันกลับมา
แต่กู้ชูหน่วนขยับกริชที่อยู่ในมือของนาง ทำให้เลือดไหลออกมามากขึ้น
กู้ชูหน่วนเองก็ล้มลงพื้น
“อาหน่วน”
“พี่หญิง”
“น้องหญิง”
เวลานี้จะมีใครสนใจดวงวิญญาณเหล่านี้ ความสนใจของทุกคนมุ่งมาที่ความปลอดภัยของกู้ชูหน่วน
เหวินเส่าอี๋มองดวงวิญญาณทั้งห้าที่อยู่ในมือของเขาด้วยความงุนงง แม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่สามารถรู้สึกและรับรู้ได้ถึงลมปราณและความเป็นตัวตนของนางจากดวงวิญญาณเหล่านั้น
นี่เป็นดวงวิญญาณที่เขาต้องการมาโดยตลอด แต่ไม่อาจได้มันมา
เวลานี้……
ในที่สุดมันก็ตกมาอยู่ในมือของเขาแล้ว
จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าลมหายใจของกู้ชูหน่วนอ่อนแอลงเนื่องจากอาการบาดเจ็บตรงหัวใจ
เยี่ยจิ่งหานและจอมมารเคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อปกป้องหัวใจของนางไว้
เยี่ยจิ่งหานคำรามออกมาด้วยความโกรธ ภายใต้สถานการณ์ที่รีบร้อน เขาลืมเรื่องที่ไม่อาจปล่อยให้กู้ชูหน่วนฟื้นคืนความทรงจำกลับมาได้เป็นอันขาด
“อาหน่วน นี่เจ้ากำลังลงโทษข้าอยู่อย่างนั้นหรือ ลงโทษข้าที่ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าเลยในยามที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดทั้งที่อยู่ข้างกายของเจ้า”
“ชาติที่แล้ว เจ้าทุ่มเทชีวิตของเจ้าให้กับเผ่าหยก และชาตินี้ เจ้าใช้กริชแทงเข้าไปยังหัวใจของตนเองเพื่อระงับความแค้นในหัวใจของเหวินเส่าอี๋ หรือเป็นเพราะเจ้าทนทุกข์ทรมานกับการที่ต้องสูญเสียเซี่ยวอวี่เซวียนไปไม่ได้กันแน่?”
“แล้วข้าเล่า ข้าผู้นี้ถึงเป็นสามีที่แท้จริงของเจ้า สามีที่ผ่านพิธีอย่างเป็นทางการ และได้อยู่ด้วยกันในห้องเจ้าสาว”
“พัฟ……”
กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา
มองไปที่เยี่ยจิ่งหานและพวกของจอมมารที่กำลังเศร้าโศก จากนั้นก็มองมายังเลือดที่ไหลออกมาจากหัวใจของตนเอง
ความทรงจำที่พร่ามัวในใจของนางชัดเจนขึ้นทันที
นาง……
นางจำได้แล้ว
เขาคือเยี่ยจิ่งหาน
ในตอนที่นางมาที่โลกแห่งนี้แรก ๆ นางสับสนหลงทางมาแสนนาง เยี่ยจิ่งหานเป็นคนนำพานางออกมาจากความสับสนเหล่านั้น ให้ความช่วยเหลือนาง จากนั้นก็ทำการจดทะเบียน นางจึงกลายเป็นภรรยาของเขา และอยู่กับเขาในฐานะสามีภรรยามาเนิ่นนาน
ภูเขาแห่งความทรงจำท่วมท้นหลั่งไหลเข้ามา
มีทั้งความรักที่เจ็บปวด หอมหวาน และยากจะลืมเลือน
“เอือก……”
กู้ชูหน่วนนำมือขึ้นมากุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด
ความทรงจำจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในสมองของนาง ฉากที่คุ้นเคยปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฝูกวงรู้สึกร้อนรน “นายท่าน……”
สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานเปลี่ยนไป “แย่แล้ว ดูเหมือนว่าความทรงจำของนางกำลังกลับคืนมา”
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างดีใจและหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน
สิ่งที่ดีก็คือ ในที่สุดความทรงจำของนางก็กลับคืนมา
แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือ เมื่อความทรงจำของนางกลับมาแล้วมันก็เท่ากับว่านางไม่อาจอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้
ดวงตาสีฟ้าม่วงของจอมมารเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ราวกับไร้ซึ่งความลังเล เขาใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานออกมาอีกครั้ง เขาตั้งใจที่จะพลิกชะตาสวรรค์ด้วยชีวิตของเขาเองเพื่อปกป้องชีวิตและดวงวิญญาณของนางไว้
กู้ชูหน่วนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองเอาพลังมาจากไหน นางผลักเขาออกไป “ซือม่อเฟย เจ้าคิดที่จะทำเหมือนชาติที่แล้ว พลิกชะตาสวรรค์ด้วยชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องดวงวิญญาณของข้าไว้งั้นหรือ?”
“ไม่มีเวลาแล้ว”
หัวใจของจอมมารร้อนเป็นไฟ
เขาเคยพลิกชะตาสวรรค์มาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะสามารถทำสำเร็จได้หรือไม่
และ……
ชะตากรรมชีวิตของนางนั้นพิเศษเป็นอย่างมาก ในร่างกายมีดวงวิญญาณเพียงหนึ่งดวง หากไม่รีบ เขาเกรงว่าจะพลาดโอกาสสุดท้ายในการมีชีวิตอยู่ของนางไป
“ข้าไม่ยอม และมันก็ไม่จำเป็น”
ชาติที่แล้ว เพื่อปกป้องดวงวิญญาณของนาง เขายอมทำลายวรยุทธ์ของตนเองและสละความทรงจำ
หากผู้อาวุโสสูงสุดไม่สละชีวิตเพื่อปกป้องเขาด้วยวิชาลับ เช่นนั้นเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ในชาตินี้ไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดคนที่สองอยู่
“เจ้าเคยพลิกชะตาสวรรค์มาแล้วครั้งหนึ่ง สามารถมีชีวิตรอดมาได้ก็ถือเป็นโชคดีมากแล้ว แต่ ต่อให้เจ้าใช้วิชาคืนชีพบุปผาผลิบานออกมาอีกครั้งมันก็ไร้ประโยชน์”
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนกุมมือของเขาไว้ กล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน “อาม่อ อย่าทำให้พี่หญิงต้องจากโลกนี้ไปด้วยความโศกเศร้าเลย”
“พี่หญิง……”
จอมมารและเยี่ยจิ่งหานมองหน้ากัน
แม้จะพลิกชะตาสวรรค์อีกครั้ง แต่บางทีมันก็ไม่อาจช่วยชีวิตของกู้ชูหน่วนได้
แต่……
เวลานี้ได้หาดวงวิญญาณทั้งเจ็ดพบแล้ว
ห้าดวงอยู่ในมือของเหวินเส่าอี๋
หนึ่งดวงอยู่ในมือของอาหน่วน
ครึ่งดวงอยู่ในมือของอี้หยุนเฟย
และอีกครั้งดวงอยู่ในแผ่นอักษรสีเหลือง
ขอแค่หลอมรวมดวงวิญญาณทั้งเจ็ดเข้าด้วยกัน นางก็ยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดต่อไป
เพียงแต่……
หากใช้วิธีนี้ อี้หยุนเฟยก็จำเป็นต้องสละชีวิต
และ……กู้ชูหน่วน นางไม่มีวันยอมให้ใครแตะต้องอี้หยุนเฟยเป็นอันขาด
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังคิดเช่นไรอยู่ หากพวกเจ้ากล้าทำร้ายอี้หยุนเฟย ต่อให้ข้ากลายเป็นวิญญาณ ข้าก็ไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไป”