กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1125 คืนชีพ
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1125 คืนชีพ
กู้ชูหน่วนรู้สึกเวียนศีรษะเพราะอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง
เมื่อนางลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ด้านหน้าของนางก็มีชายสูงวัยสองคนยืนอยู่
พวกเขามองนางด้วยสายตาที่มีความสุขและกังวลโดยไม่กะพริบตา ราวกับหากพวกเขากะพริบตาหรือพูดอะไรออกมา นางจะหายไปในทันที
กู้ชูหน่วนกะพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่ไม่ใช่ผู้อาวุโสหกและผู้อาวุโสไป๋เฉ่าแห่งเผ่าหยกงั้นหรือ?
เหตุใดพวกเขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่?
นาง……ตายแล้วงั้นหรือ?
ภาพความเจ็บปวดอันเลวร้ายก่อนที่นางจะหมดสติไปไหลเข้ามาในสมองของนางอย่างท่วมท้น
กู้ชูหน่วนลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เจ้าหมาน้อย เหวินเส่าอี๋ เสี่ยวหยุนเฟย? เหตุใดพวกเขาจึงมาอยู่ที่นี่?”
ผู้อาวุโสหกขยี้ตา เขาไม่แทบเชื่อในสายตาตัวเอง
“ตาเฒ่าไป๋เฉ่า เจ้าหยิกข้าหน่อย นี่ข้ายังไม่ตื่นใช่ไหม”
“โอ้ย เจ้าหยิกข้าแรงไปแล้ว ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
“ไม่ได้ฝันไป อาหน่วนของข้ามีชีวิตกลับมาอีกครั้งแล้ว เสี่ยวอาหน่วนของข้า เจ้าทำให้ปู่หกอย่างข้าเป็นห่วงแทบแย่”
กู้ชูหน่วนถูกผู้อาวุโสหกกอดแน่นอยู่ในอ้อมแขน นางรู้สึกได้ถึงหัวใจของผู้อาวุโสหกที่กำลังเต้นอย่างรวดเร็ว สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของเขา
แต่ดูเหมือนนางจะถูกกอดแน่นจนเกินไปจนหายใจไม่ออก
ไป๋เฉ่าก็มีความสุขและตื่นเต้นมากเช่นกัน “หัวหน้าเผ่า ในที่สุดวันที่พวกเรารอคอยก็มาถึง ฟ้ามีตา ขอบคุณสรวงสวรรค์เป็นอย่างมาก”
กู้ชูหน่วนดันร่างของผู้อาวุโสหกออกและเว้นระยะห่างจากพวกเขา
“ข้ายังไม่ตายก็จริง แต่ข้าจะถูกเจ้ากอดแน่นจนตาย”
“ข้า……ข้าก็แค่ตื่นเต้นมากเกินไปเท่านั้นเอง อาหน่วน ข้า……”
“หยุดก่อน ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ที่นี่ที่ไหน?”
“ที่นี่คือผิงอัน”
“ตรงไหนของผิงอัน โลกมนุษย์? ยมโลก? หรือว่าดินแดนใด?”
“ตะเกียงวิญญาณของเจ้าดับลงในวันนั้น แต่ไส้ตะเกียงยังอุ่นอยู่และยังคงเป็นสีแดงเพลิง พวกข้าจึง……”
“เจ้าแค่ตอบคำถามของข้า”
“คำถามอะไร?”
ผู้อาวุโสหกมองหน้าผู้อาวุโสไป๋เฉ่าด้วยความงุนงง
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่ายิ้มและกล่าวว่า “โลกมนุษย์ ดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง หัวหน้าเผ่า เจ้าวางใจ นางยังมีชีวิตอยู่”
“เช่นนั้นพวกเจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
“ผู้อาวุโสระดับสูงและสาวกของเผ่าหยกทุกคนร่วมมือกัน ประกอบกับการร่วมมือของเยี่ยจิ่งหาน ทำให้สามารถฉีกรอยแยกแห่งห้วงมิติเข้ามาได้”
เวลานี้ไป๋เฉ่ายังคงตกอยู่ในอาการตื่นเต้น และไม่สามารถยับยั้งความสุขของเขาได้
“ค่ายกลที่คุณชายเยี่ยสร้างขึ้นมา จอมมาร คุณชายเยี่ย คุณชายเหวินและพวกข้าอีกสองคนสามารถเข้าออกระหว่างดินแดนเยี่ยอวี่กับดินแดนวิญญาณเยือกแข็งได้ตามใจชอบ บอกจากคนที่ข้ากล่าวมา ก็ไม่มีใครสามารถข้ามผ่านมันไปได้”
“แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมารอยแยกแห่งห้วงมิติอ่อนแอมาก ใครก็ตามที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าขึ้นเจ็ดก็สามารถทำลายมันได้ สามารถฉีกรอยแยกแห่งห้วงมิติได้ตลอดเวลา”
“แล้วพวกของเยี่ยจิ่งหานอยู่ที่ไหน?”
หัวใจของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความมืดมน
รอยแยกแห่งห้วงมิติจะเปิดออกได้อย่างอิสระ นางจินตนาการไม่ออกเลยว่าพวกของเยี่ยจิ่งหานต้องแลกกับอะไรไปบ้าง
ท่าทางแห่งความยินดีของผู้อาวุโสหกและไป๋เฉ่าแข็งทื่อ พวกเขาเริ่มหลบสายตา ไม่กล้ามองไปที่กู้ชูหน่วนตรง ๆ
“นี่……หัวหน้าเผ่า เจ้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา จิตวิญญาณยังไม่มั่นคง ข้าว่าเจ้าควรพักผ่อนเสียก่อน รอให้ท่านหายเป็นปกติแล้ว พวกเราค่อย……”
กู้ชูหน่วนพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ข้าต้องการรู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมด”
ดวงตาของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความเยือกเย็น น้ำเสียงของนางไม่อาจหักล้างได้ มันคือคำสั่งประเภทหนึ่งที่ไม่มีใครกล้าขัดขืน
ร่างกายของผู้อาวุโสหกและไป๋เฉ่าสั่นเทา ไม่กล้าเพิกเฉยอีกต่อไป
ไป๋เฉ่ากล่าวว่า “หัวหน้าเผ่า เรื่องนี้จะให้พูดมันก็ยาว”
“ถ้ายาวก็พูดออกมาสั้น ๆ”
“ก่อนที่คุณชายเยี่ยมายังดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง พวกข้ากลัวว่าหากเขาเข้ามาแล้วจะกลับไปไม่ได้ ดังนั้นจึงใช้วิธีลับของเผ่าหยกเพื่อติดต่อกับเขา ขอแค่เขาต้องการกลับดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง เผ่าหยกทุกคนจะให้ความร่วมมือ เขาตามหาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ จากการร่วมมือกันของทั้งสองฝ่าย ในที่สุดพวกเราก็สามารถฉีกรอยแยกแห่งห้วงมิติได้สำเร็จ”
“เหตุใดข้าจึงไม่รู้วิธีลับของเผ่าหยกที่สามารถติดต่อกับเยี่ยจิ่งหานข้ามผ่านดินแดนทั้งสองได้?”
“เรื่องนี้……”
ผู้อาวุโสหกก้มหน้าลง
ในความจริงเผ่าหยกไม่มีวิธีลับดังกล่าวอยู่
และวิธีลับนี้มันก็เลวร้ายจนเกินไป ชั่วขณะ ผู้อาวุโสหกไม่รู้ว่าควรอธิบายมันออกมาอย่างไร
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่พอใจของกู้ชูหน่วน ผู้อาวุโสหกสูดลมหายใจเข้าและรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดออกมา
“มันคือพิษโจงที่หัวหน้าเผ่าคนก่อนนำกลับมาจากทางตอนใต้ เยี่ยจิ่งหานปรารถนาที่จะใช้มัน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกข้า”
คำพูดดังกล่าวทำให้สีหน้าของกู้ชูหน่วนยิ่งมืดมน
พิษโจง?
มันคือยาพิษโจง และคือยาพิษที่ร้ายกาจที่สุดทางตอนใต้
การกินมันเข้าไปไม่เพียงแค่ทำให้อายุขัยน้อยลงเท่านั้น แต่ในทุกวัน พวกมันยังดูดซับแก่นแท้แห่งโลหิตและเนื้อกาย ทันทีที่พิษโจงเข้าสู่ร่างกาย มันจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย และสุดท้ายก็จะตายไปเพราะถูกสูบเลือดไปจนหมด
และแม้ว่าพิษโจงจะเข้าไปในร่างกายของเขาแล้ว แต่มันก็ยังไม่สูญสลาย
ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน พิษโจงมีความแปลกประหลาดเฉพาะตัว หากมีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้นมันจะสัมผัสได้ทันที
เพราะพิษโจงชนิดนี้เป็นพิษที่เลวร้ายที่สุด ดังนั้นจึงถูกทางตอนใต้ผนึกไว้และห้ามผู้ใดใช้อีกเป็นอันขาด
อยู่กับเยี่ยจิ่งหานมานานถึงเพียงนี้ แต่นางกลับไม่รู้เลยว่าในร่างกายของเยี่ยจิ่งหานมีพิษโจงแทรกซึมอยู่
ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังจะพูดออกมา ผู้อาวุโสหกก็ยกหัวข้อที่สมควรพูดออกมาอย่างสมเหตุสมผล
“พวกเราได้ตกลงกับเยี่ยจิ่งหานไว้ เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับพิษโจง นั่นก็แสดงว่าเขาได้รวบรวมดวงวิญญาณทั้งเจ็ดไว้เรียบร้อยแล้ว เวลานั้นพวกเราจะทำการร่วมมือกันฉีกรอยแยกแห่งห้วงมิติจากภายนอก นำศพของเจ้าส่งมาให้เขา เพื่อ……เพื่อชุบชีวิตเจ้าขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นขอให้เจ้าจงเข้าใจ”
“และเวลานี้เผ่าหยกของเราก็เป็นไปได้ด้วยดี ประชาชนมีชีวิตอย่างไร้ความกังวล ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดอีกต่อไป พวกเขาคิดถึงเจ้าเป็นอย่างมาก”
“เยี่ยจิ่งหานกับซือม่อเฟย พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เรื่องนี้……ก็ได้ ไม่ช้าก็เร็ว อย่างไงเจ้าก็ต้องรู้อยู่ดี เช่นนั้นข้าจะพูดกับเจ้าตามตรงแล้วกัน จอมมารตามหากระจกหงส์พบที่จุดต่ำสุดของหินหนืดที่เกิดขึ้นจากภูเขาไฟ ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดและเนื้อแทบไม่เหลือชิ้นดี และด้วยอาการบาดเจ็บที่ได้รับจากการต่อสู้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทำให้เขาหมดสติไป”
ร่างกายของกู้ชูหน่วนสั่นเทา
ภายใต้ลาวาที่ไหลเป็นระลอก เขาสามารถตามหากระจกหงส์จนพบ?
กู้ชูหน่วนไม่อาจจินตนาการได้ว่า ด้วยร่างกายมนุษย์ เขาสามารถตามหากระจกหงส์ชิ้นเล็ก ๆ ภายใต้ลาวาที่ร้อนหลายพันองศาได้อย่างไร
อย่างว่าแต่นางเลย ไม่มีใครบนโลกที่อาจจินตนาการได้ว่าสิ่งที่นี้นั้นสามารถเป็นไปได้
อาม่อ เจ้าสูญเสียไปมากถึงเพียงใด……
“ทุกคนรู้เพียงว่าต้องมีขวานผานกู่ เครื่องมือสองล้อ กระจกหงส์ และแผ่นอักษรสีเหลืองเท่านั้นจึงจะสามารถฉีกรอยแยกแห่งห้วงมิติได้ แต่สิ่งสำคัญที่ไม่มีใครรู้ก็คือ หากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใดถูกทำลาย ขอเพียงแค่ยอดฝีมือขั้นเจ็ดระดับสูงสุดยอมสละเลือดและเนื้อของเขาเข้าไปแทนที่จิตวิญญาณของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นวิธีที่สามารถทำได้เช่นกัน แต่คนที่เปิดใช้งานขวานผานกู่ คนผู้นั้นจะต้องสูญเสียเลือดเนื้อ……และไม่อาจมีชีวิตรอดต่อไปได้”
กู้ชูหน่วนคว้าคอเสื้อของผู้อาวุโสหกในทันที พูดอย่างดุร้าย “บอกข้ามา เยี่ยจิ่งหานอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขาเป็นอะไรกันแน่?”
ด้วยอารมณ์ที่รุนแรงและกะทันหันทำให้ผู้อาวุโสหกตะลึงงัน
ไป๋เฉ่ารีบกล่าวออกมาว่า “เยี่ยจิ่งหานยังไม่ตาย หัวหน้าเผ่า เจ้าอย่าใจร้อน”
“พวกเจ้าจงใจหยอกล้อข้าหรืออย่างไร เลิกไร้สาระกันได้แล้ว ข้าเพียงอยากรู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของเยี่ยจิ่งหาน”
“ตอนแรกเยี่ยจิ่งหานนั้นต้องการอย่างไม่ต้องสงสัย แต่จากการร่วมมือของยอดฝีมือจากเผ่าหยกอย่างพวกเรา ร่วมกันฉีกรอยแยกแห่งห้วงมิติ คลายความกดดันให้เยี่ยจิ่งหาน ส่วนเหวินเส่าอี๋ สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถทนต่อความดื้อรั้นของเยี่ยจิ่งหานได้ ไม่เพียงแต่ยอมปล่อยเขาไปเท่านั้น แต่ยังให้ความช่วยเหลือเยี่ยจิ่งหาน ดังนั้น……ดังนั้นเวลานี้เยี่ยจิ่งหานเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีอันตรายถึงชีวิต และยังคงหมดสติอยู่”
หัวใจที่บีบรัดของกู้ชูหน่วนคลายตัวลงทันใด
ยังไม่ตาย ยังไม่ตายก็ดีแล้ว
“เนื่องจากการแปรพักตร์ชั่วคราวของเหวินเส่าอี๋ในการต่อสู้ครั้งนั้น รอยแยกแห่งห้วงมิติจึงถูกเปิดออก ดังนั้นในค่ายกลจึงมีเหวินเส่าอี๋ จอมมาร เหวินเส่าอี๋และข้าอีกสองคน มีแค่พวกเราเท่านั้นที่สามารถเข้าออกรอยแยกแห่งห้วงมิติได้อย่างอิสระ”
“เหวินเส่าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังคงหมดสติ เผ่าเพลิงฟ้าถอนตัวออกไป เจ้าหยางโม่ก็ไม่ธรรมดา ภายใต้อาการบาดเจ็บสาหัส เขาสามารถแย่งยันต์เสือกลับไปได้ ดังนั้นเวลานี้เจ้ายังคงเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐปิง แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาของเข้าที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้ ข้าเกรงว่าคงไม่มีใครในรัฐปิงที่รู้จักเจ้า”