กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1129 ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1129 ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี
“แคก แคก……”
จากนั้นกู้ชูหน่วนก็กระแอมออกมา ทุกคนต่างหันมาทางกู้ชูหน่วนด้วยสายตาที่มีความสุข
ผู้อาวุโสหกกล่าวอย่างใจเย็นว่า “อาหน่วน เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่ ข้าเองก็อายุมากแล้ว ข้าทนกับเรื่องที่น่าตกใจเช่นนี้ไม่ได้จริง ๆ เจ้าสัญญากับข้าว่าเจ้าจะดูแลตัวเองให้ดีได้หรือไม่?”
ไป๋เฉ่ากล่าวออกมา “หัวหน้าเผ่า สวมสิ่งนี้ไว้บนร่างกายของท่าน มันจะทำให้จิตวิญญาณของท่านมั่นคง”
กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองท่าทางที่เป็นกังวลของพวกเขา สุดท้ายก็จับจ้องมาที่ฝูกวง
ใบหน้าของฝูกวงซีดขาว น้ำตาของเขาไหลออกมาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกละอายใจอย่างสุดซึ้ง……
นางพยายามลุกขึ้นมา กล่าวอย่างสงบ “ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง ฝูกวง เจ้ามานี่”
ฝูกวงคุกเข่าและคลานเข้าไปอยู่ตรงหน้ากู้ชูหน่วน “นายท่าน”
“เด็กโง่ ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ ถึงเวลาพักผ่อนก็ควรพักผ่อน ไม่จำเป็นต้องแอบเฝ้าดูแลข้าตลอดเวลา”
“ไม่……ข้าน้อยกับลั่วอิ่ง……ผลักเปลี่ยนกันมา”
กู้ชูหน่วนกุมมือของเขา กู้ชูหน่วนพยุงเขาขึ้นมาด้วยตัวเอง ดวงตาของฝูกวงค่อย ๆ กลายเป็นสีแดง
ประการแรก เป็นเพราะพวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
ประการที่สอง เป็นเพราะดวงวิญญาณของนายท่านยังไม่มั่นคง ในฐานะองครักษ์ส่วนตัวของนาง มันคือความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของเขา เขาไม่ควรปล่อยให้นายท่านให้พลังไปกับการรักษาจอมมารและเยี่ยจิ่งหาน เนื่องจากมันเป็นผลร้ายที่อาจทำให้นายท่านของเขาเสียชีวิต
แต่……
หากพวกเขาเป็นอะไรไป นายท่านก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น
ตามหานายท่านอย่างยากลำบากมาเป็นเวลาหลายปี สุดท้ายเวลานี้นายท่านก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ฝูกวงรู้สึกดีใจและรู้สึกผิดในขณะเดียวกัน น้ำตาของเขาไหลออกมา ไม่รู้ว่าเขาควรรู้สึกยินดีหรือทุกข์ใจ
“นายท่าน……”
“ลุกขึ้นเถิด ในเมื่อข้าได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ข้าก็จะปล่อยให้ตนเองเป็นอันตรายได้ง่าย ๆ พวกเจ้าทั้งหลายพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ข้ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ข้าจะตายง่าย ๆ ได้อย่างไร ข้าไม่เพียงแต่จะไม่ยอมตายเท่านั้น แต่ข้าจะใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขที่สุดที่ข้าสามารถทำได้”
ผู้อาวุโสหกยิ้มและพูดออกมา “ใช่แล้ว นั่นแหละอาหน่วนที่รักของข้า”
“แล้วเยี่ยจิ่งหานกับอาม่อ? เวลานี้อาการของพวกเขาเป็นอย่างไร?”
“นายท่าน จอมมารยังคงหลับอยู่ แต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต บาดแผลบนร่างกายของเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว ท่านอ๋องเองก็ยังคงหลับอยู่ บาดแผลด้านนอกเหลือเพียงเล็กน้อย เหลือเพียงบาดแผลด้านใน……เส้นเอ็นและเส้นลมปราณที่แตกหัก นายท่าน ท่านอยากจะไปเยี่ยมพวกเขาหน่อยหรือไม่”
ผู้อาวุโสหกตบไหลของฝูกวงอย่างเคร่งขรึม “เยี่ยมอะไรของเจ้า ไม่เห็นหรือว่าอาหน่วนต้องการพักผ่อนมากเพียงใด?”
“เรื่องนี้……ข้าขอโทษ”
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนก็ตบผู้อาวุโสหกไปหนึ่งครั้ง
ผู้อาวุโสหกตกใจแทบแย่
“เจ็บ เจ้าจะตีข้าทำไม?”
“ฝูกวงเป็นองครักษ์ของข้า นอกจากข้าใครก็ห้ามรังแกเขาทั้งนั้น รวมถึงเจ้าด้วย”
“เจ้าเด็กน้อย เหตุใดเจ้ายังปกป้องจุดอ่อนของเจ้าด้วยตัวเอง ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสของเจ้า เป็นผู้อาวุโสหกแห่งเผ่าหยก ดูแลเจ้าตั้งแต่เล็กจนใหญ่ ถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เจ้า เจ้า…..เจ้าทำร้ายข้าเพื่อปกป้องเขา ข้ารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก ในใจของเจ้า แม้แต่เจ้าเด็กตัวเหม็นอย่างฝูกวงข้ายังเทียบไม่ได้”
ฝูกวงยิ้มหวานออกมา ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกสุขใจถึงเพียงนี้
หากอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องและจอมมารหายดี เช่นนั้นก็คงพิเศษเป็นอย่างยิ่ง
ไป๋เฉ่าก้มหน้าพร้อมยิ้มออกมา หัวใจที่รัดแน่นค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
แค่หัวหน้าเผ่าไม่ฟุ้งซ่าน แค่หัวหน้าเผ่าต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วดวงวิญญาณของนางก็จะกลับมามั่นคง
“เวลานี้ดินแดนเยี่ยอวี่เป็นอย่างไรบ้าง เผ่าหยกเป็นอย่างไร แล้วก็……ฮวาฉี่หลัวแห่งเผ่าน้ำแข็ง……”
จู่ ๆ กู้ชูหน่วนก็ถามพวกเขาออกมา
เมื่อกล่าวถึงฮวาฉี่หลัวแห่งเผ่าน้ำแข็ง หัวใจของกู้ชูหน่วนก็รู้สึกเจ็บปวด
ยอดฝีมือชนเผ่าน้ำแข็ง กระโดดลงเตากลั่นยา ทั้งหมดนั้นมากกว่าร้อยชีวิต……
นี่เป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีวันเลือนหายไป
ใบหน้าของผู้อาวุโสหกกับผู้อาวุโสไป๋เฉ่าเองก็มืดลง
เสียงดังขึ้นมาในสมองของกู้ชูหน่วน ลางสังหรณ์อันเลวร้ายเริ่มเกิดขึ้น
“เป็นอะไรงั้นหรือ หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเผ่าน้ำแข็ง” นางยังจำเรื่องที่ผู้อาวุโสหกพูดกับนางได้ เวลานี้เผ่าหยกนั้นยอดเยี่ยม ผู้คนอยู่อย่างสงบสุข
ขอแค่เผ่าหยกยังอยู่ เผ่าน้ำแข็งก็ไม่น่าเป็นอะไร เผ่าเพลิงฟ้าก็ล่มสลายไปแล้ว จอมมารมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกเขา ใครจะกล้าลงมือกับเผ่าน้ำแข็ง
และใครจะมีอำนาจมากพอที่จะลงมือ?
ใบหน้าของผู้อาวุโสหกเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ไม่ได้ดูมีความสุขเหมือนก่อนหน้านี้ เขากล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“อาหน่วน จริงอยู่ว่าเกิดเรื่องขึ้นบนดินแดนเยี่ยอวี่ แต่เผ่าหยกของพวกเรา เผ่าน้ำแข็งที่ถือเป็นอันดับหนึ่งของใต้หล้า ควรกล่าวว่าด้วยอำนาจแห่งเผ่าหยกของพวกเรา ในพื้นที่การปกครองจึงไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น แต่……”
“มีบุคคลลึกลับผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมาจากดินแดนเยี่ยอวี่ วรยุทธ์ของคนผู้นั้นสูงส่งถึงขั้นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เท่าที่ได้ยินมา อย่างน้อย……วรยุทธ์ของเขาน่าจะไปถึงระดับปฐพี”
กู้ชูหน่วนอ้าปากค้าง
ระดับปฐพี……
สูงสุดของขั้นก็คือขั้นเจ็ดระดับสูงสุด
เหนือกว่าขั้นเจ็ดก็คือระดับมนุษย์
และระดับมนุษย์ ในโลกใบนี้ก็มีเพียงฮวาอิ่ง……
ฮวาอิ่งเป็นแค่ระดับมนุษย์ก็มีพลังอันแข็งแกร่งและสูงส่งถึงเพียงนี้
วันนี้มีระดับปฐพีปรากฏออกมา……
นางไม่กล้าจินตนาการว่าบุคคลลึกลับผู้นั้นมีวรยุทธ์น่ากลัวเพียงใด
แม้ว่า……
แม้ว่าเป็นนางในจุดสูงสุดร่วมมือกับซือม่อเฟยและเยี่ยจิ่งหาน มันก็ยังห่างไกลที่จะเป็นคู่มือกับคนผู้นั้น
“หลังจากจักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีฉู่เสียชีวิต รัฐฉู่ก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย เกิดสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด หนึ่งปีก่อนหน้านี้ หลังจากความขัดแย้งในรัฐฉู่สิ้นสุดลง รัฐฉู่ก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐอื่น และดูเหมือนว่าหลายรัฐจะถูกทำลายลง และตำแหน่งจักรพรรดิแห่งรัฐฉู่ก็ตกอยู่ในมือของฉู่หยวนห่าวผู้ซึ่งเป็นสาขาแยกของราชวงศ์ฉู่”
“ลูกหลานของราชวงศ์ฉู่นั้นไร้อำนาจและความสามารถ ทำได้เพียงเป็นบัณฑิตผู้อ่อนแอ ด้วยความสามารถของพวกเขาเอง ทำให้พวกเขาหมดอำนาจในการครอบครองบัลลังก์ และแก้ปัญหาเกี่ยวกับความวุ่นวายทั้งในและนอกของรัฐฉู่”
“คนของพวกเราสืบเรื่องนี้อยู่นานกว่าจะรู้ว่า หนึ่งปีก่อนหน้านั้น บุคคลลึกลับผู้นี้ปรากฏตัวออกมาจากรัฐฉู่ ปราบปรามอำนาจที่แข็งแกร่ง ปกป้องรัฐฉู่ ช่วยเหลือรัฐฉู่ที่กำลังถูกทำลาย แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็สืบไม่พบว่าคนผู้นั้นเป็นใครกันแน่”
กู้ชูหน่วนขัดคำพูดของเขา “เจ้าบอกว่าตอนแรกรัฐฉู่กำลังตกอยู่ในสภาวะล่มสลาย แต่เมื่อบุคคลลึกลับผู้นั้นปรากฏตัวออกมา พลิกกระแสน้ำด้วยความแข็งแกร่งของเขา ช่วยรัฐฉู่ไว้ และมอบบัลลังก์ให้แก่ฉู่หยวนห่าวที่เป็นสาขาแยกของรัฐฉู่?”
“ใช่”
“เช่นนั้นตอนนี้รัฐฉู่เป็นอย่างไรบ้าง?”
หากเป็นประเทศอื่นกู้ชูหน่วนคงไม่ใส่ใจ แต่รัฐฉู่……
รัฐฉู่คือบ้านเกิดของเยี่ยเฟิง
จักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีฉู่เองก็ปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี
เวลานั้นนางรับปากกับเยี่ยเฟิงว่าจะดูแลจักรพรรดิฉู่และอัครมเหสีฉู่เป็นอย่างดี แต่นางกลับทำไม่สำเร็จ จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ถูกสังหารตามลำดับ
ส่วนรัฐฉู่……
เวลานั้นเผ่าหยกได้รับผลกระทบจากคำสาปโลหิตรุนแรงเป็นอย่างมาก นางจึงทำได้เพียงดูแลเผ่าหยก และไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรกับรัฐฉู่
หากบุคคลนั้นเป็นอันตรายต่อรัฐฉู่ เท่ากับว่าเขานั้นเป็นศัตรูของนาง
ผู้อาวุโสหกกล่าวออกมาว่า “จะโทษก็ต้องโทษตรงนี้ หลังจากคนผู้นั้นมอบบัลลังก์ให้แก่ฉู่หยวนห่าว เขาก็หายตัวไป และไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน แต่ฉู่หยวนห่าวได้ทำการเปลี่ยนแปลงรัฐฉู่ครั้งใหญ่ และเวลานี้รัฐฉู่ก็ได้กลายเป็นรัฐที่แข็งแกร่งและมั่นคงที่สุดในดินแดนเยี่ยอวี่”
กู้ชูหน่วนคิดว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินนั้นผิดไป
ปีที่แล้วประสบปัญหาแทบจะยืนไม่ไหว ประเทศเกือบจะล่มสลาย
ผ่านไปแค่ปีเดียวกลับกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งและรุ่งเรืองที่สุดในดินแดนเยี่ยอวี่?
ผู้อาวุโสหกไม่ได้กำลังล้อนางเล่นอยู่ใช่ไหม
ดูเหมือนผู้อาวุโสหกจะรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “ข้าว่างขนาดนั้นเลยหรือ เหตุใดข้าจึงต้องเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเจ้าเล่นด้วย หากเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นเจ้าก็ลองถามตาเฒ่าไป๋เฉ่า”
ไป๋เฉ่าพยักหน้า “ผู้อาวุโสหกพูดถูก รัฐฉู่ทำการลดหย่อนภาษี ลดแรงงาน กษัตริย์ปกครองประชาชนด้วยความมุ่งมั่นและรักใคร่ ราชสำนักใจกว้าง กองทหารแข็งแกร่ง ประเทศเจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่ประเทศที่ถูกผู้อื่นรังแกได้ง่าย ๆ อีกต่อไป เป็นเหมือนมังกรที่พร้อมจะผงาดได้ทุกเมื่อ พร้อมจะกลืนกินทุกประเทศได้ตลอดเวลา”
“เช่นนั้นรัฐเยี่ย? รัฐเยี่ยเองก็แข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือ? หรือว่าจะสู้รัฐฉู่ไม่ได้?”