กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1135 เยี่ยเฟิงปรากฏตัว
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1135 เยี่ยเฟิงปรากฏตัว
ในเมื่อเดินทางเข้ามาอย่างปลอดภัย พวกเขาก็ไม่อาจหยุดลิ้มรสอาหารอันโอชะได้
ทุกคนต่างคิดว่ากู้ชูหน่วนจะพูดอะไรออกมา คิดไม่ถึงว่านางจะเอาแต่กินอยู่เงียบ ๆ หลังจากกินเสร็จก็เข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน ทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านของนางเอง
ยามค่ำคืนอันมืดมิด กู้ชูหน่วนเอาแต่พลิกตัวไปมา ยากที่จะหลับฝัน นางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเยี่ยจิ่งหานและซือม่อเฟย
นางลุกขึ้นด้วยความหงุดหงิด ผลักประตูออกไป จากนั้นเดินออกไปยังศาลา
แสงจันทร์อันงดงาม ตกกระทบลงมาบนพื้นผิว ส่องประกายแวววับ
กู้ชูหน่วนนั่งพิงอยู่ตรงราวบันได จ้องมองทะเลสาบอย่างเหม่อลอย
ย้อนกลับไป ณ ดินแดนเยี่ยอวี่ นางนึกถึงทุกสถานที่ในดินแดนแห่งนั้น แต่นางไม่อยากกลับไปแม้แต่สถานที่เดียว
เผ่าหยก นั่นเป็นสถานที่ซึ่งสร้างความทรงจำอันเจ็บปวดและฝังลึกให้กับนาง ตั้งแต่นางจำความได้ เผ่าหยกคือภาระที่นางต้องแบกรับ และเป็นสถานที่ซึ่งนางไม่อยากกลับไปที่สุด
เผ่าน้ำแข็ง……เผ่าน้ำแข็งพี่น้องทั้งหนึ่งร้อยแปดคนเสียชีวิตด้วยเนื้อมือของเผ่าหยก แล้วนางจะมีหน้ากลับไปได้อย่างไร
จวนหานอ๋อง? เยี่ยจิ่งหานไม่อยู่ เช่นนั้นนางจะกลับไปเพื่ออะไร?
จวนอัครเสนาบดี?
ช่างมันเถอะ ที่นั่นไม่มีใครเป็นห่วงหรือเกี่ยวพันกับนางแม้แต่คนเดียว ต่อให้นางกลับไปก็ไร้ความหมาย
หออันดับหนึ่งในใต้หล้า……
นิกายเทพอสูร……
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างขมขื่น
นางเองก็ไม่อยากกลับไป
ร่างกายของนางมีเสื้อผ้าเข้ามาปกคลุม
เวลานั้น กู้ชูหน่วนก็ได้สติกลับคืนมา
หันกลับมา คนผู้นั้นก็คือลั่วอิ่ง
“อากาศยามค่ำคืนนั้นหนาว น้ำค้างแรง เดี๋ยวจะไม่สบาย”
กู้ชูหน่วนตะลึงงัน
ในความทรงจำของนาง ลั่วอิ่งไม่มีทางกล่าวคำพูดที่อ่อนโยนและดูห่วงใยเช่นนั้น
ต่อให้เขามีความรู้สึกดังกล่าวจริง เขาก็ทำได้เพียงเก็บมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ
ลั่วอิ่งก็ยังคงเป็นลั่วอิ่งคนเดิม เพียงแต่ด้วยตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ตื่นเต้น วิตกกังวล……และมีความสุขที่ได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา……
รวมถึง……ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
แม้แต่ลมหายใจของเขาก็เร็วกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
กู้ชูหน่วนกอดเสื้อผ้าเอาไว้ในอ้อมแขน กล่าวออกไปอย่างใจเย็น “เดินทางมานานขนาดนี้ เจ้าเองก็เหนื่อย กลับไปพักผ่อนเถิด ข้าเองก็เป็นวรยุทธ์ เจ้าไม่จำเป็นต้องมาปกป้องข้า”
กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าลั่วอิ่งตกอยู่ในอาการตกใจ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา
นางกล่าวออกมาว่า “ทำไม เจ้าเองก็นอนไม่หลับงั้นหรือ? ในเมื่อนอนไม่หลับ เช่นนั้นก็มานั่งเป็นเพื่อนข้า หลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมา เหมือนว่าพวกเรายังไม่เคยได้คุยกันดี ๆ สักครั้ง”
“ได้”
เยี่ยเฟิงนั่งลงข้างกายของนาง พร้อมกับอยู่เป็นเพื่อนนางเงียบ ๆ
สายตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนคู่นั่นยังไม่เคยละจากนางเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ดูเหมือนมีคำพูดเป็นหมื่นพันคำ
และก็ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
กู้ชูหน่วนเห็นการแสดงออกของเขา จึงกล่าวปลอบใจอย่างมีชั้นเชิง “ข้ารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับรัฐปิงมันทำร้ายเจ้าเป็นอย่างมาก แต่เรื่องพวกนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว ในใจของข้า เจ้าเป็นผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เมตตาที่สุด เรื่องแย่ ๆ พวกเราอย่าไปเก็บมันมาคิดเลยเจ้าว่าไหม?”
ดวงตาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ฉากที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลซึ่งเกิดขึ้น ณ เผ่าปีศาจในอดีตผลุดขึ้นมาในหัวของเขาราวกับน้ำทหารในมหาสมุทร
ไม่ว่าเขาจะทำเช่นไรก็ไม่อาจลืมมันได้
นั่นคือบาดแผลที่ฝังอยู่ในใจของตลอดกาล
เรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่ว่าแค่อยากลืมก็สามารถลืมมันได้
ทันใดนั้น กู้ชูหน่วนกอดเขาไว้ในอ้อมแขน ลูบหลังมือของเขาเบา ๆ
“เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าต้องการทำร้ายจิตใจของข้าให้ตายเลยงั้นหรือ? หากไม่ใช่เพราะตามหาเจ้า เรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าเองที่เป็นคนทำร้ายเจ้า”
ร่างกายของเยี่ยเฟิงสั่นเทา
กลิ่นหอมของสตรีอบอวลเข้าไปในจมูกของเขา
นี่คือกลิ่นที่เขาใฝ่หามานาน
มันเป็นกลิ่นที่เขาคิดถึง
และคิดถึงอ้อมกอดนี้
เมื่อกู้ชูหน่วนปล่อยเขาออกจากอ้อมแขน หัวใจของเขาก็กลับมาว่างเปล่า
“ลั่วอิ่ง จะดีหรือชั่วนั้นขึ้นอยู่กับตัวเจ้า มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถเดินออกมาหรือเลือกเส้นทางที่ต้องการได้ หากเจ้าไม่เริ่มที่จะปล่อยวาง คนที่ต้องเจ็บปวดก็จะเป็นเจ้า”
อะไรคือดีหรือชั่วนั้นขึ้นอยู่กับตัวเจ้า? ต่อให้ข้ายอมปล่อยวางและลืมเรื่องราวทั้งหมด ข้าก็ยังให้โลกนี้ยอมรับในการมีอยู่ของข้า