กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 140
เซี่ยวอวี่เซวียนปัดมือของนางออกและหยิบเงินห้าร้อยตำลึงเงินออกมาจากแขนเสื้อ โยนมันให้นางด้วยสีหน้าที่มึนตึง
อุทธรณ์ขึ้นมาว่า “ห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน ถึงอย่างไรข้าก็เป็นพี่ใหญ่ในสำนักศึกษาวังหลวง ถ้าคนอื่นได้ยินขึ้นมาจะว่าอย่างไร”
“ไม่เรียกเสี่ยวเซวียนเซวียนก็ได้ แต่เจ้าต้องให้ข้าอีกห้าร้อยตำลึงเงิน”
เซี่ยวอวี่เซวียนล้วงเงินที่เหลือติดตัวอยู่เพียงห้าร้อยตำลึงออกมาอย่างตัดอกตัดใจ
กู้ชูหน่วนขยับตัวไปชิงมันอย่างช่ำชอง จากนั้นจึงแย้มยิ้มอย่างพอใจ
“เป็นเด็กดีมากเสี่ยวเซวียนเซวียน ต่อไปพี่หญิงจะเอ็นดูเจ้านะ”
“……”
ไม่ใช่แค่เซี่ยวอวี่เซวียนที่พูดไม่ออก แม้แต่ชิวเอ๋อร์ก็งุนงงเช่นกัน
เอ็นดู?
นางเป็นสตรีนะ เหตุใดจึงกล้าพูดอะไรเช่นนี้
เมื่อเห็นท่าทีผ่าเผยและการผิวปากเดินจากไป พวกเขาก็ขนลุกขนชันขึ้นมา
เซี่ยวอวี่เซวียนกระตุกมุมปากและตะโกนออกไปว่า “บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน”
“รู้แล้วน่า เสี่ยวเซวียนเซวียน”
ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะยั่วโมโหเขาหรืออย่างไรกัน
ชิวเอ๋อร์ปาดเหงื่อเย็นๆ และรีบวิ่งตามไป
“คุณหนู คุณหนูกระโตกกระตากไปหรือไม่เจ้าค่ะ เพิ่งเข้ามาที่สำนักศึกษาท่านก็ทำให้คุณชายเซี่ยวขุ่นเคืองใจเสียแล้ว นี่มัน…”
“ข้าง่วง หยุดพูดเถอะข้าขอร้อง”
“คุณหนู ท่านมักจะใช้ท่านหานอ๋องมาเป็นโล่ตลอด หรือว่าท่านอยากจะอภิเษกกับท่านหานอ๋องจริงๆ เจ้าคะ อย่างไรก็อย่าเลยนะเจ้าคะ ถ้าท่านอภิเษกกับเขา ท่านจะไม่ตายอย่างอนาถหรือ”
“หานอ๋องก็แค่หานอ๋องไม่ใช่หรือ หรือว่าเขามีสามหัวหกแขน เจ้าถึงได้กลัวมากขนาดนี้”
“……”
ที่มุมหนึ่งของสำนักศึกษา ซั่งกวนฉู่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวที่พลิ้วไหวประหนึ่งเทพผู้ปราศจากมลทิน มองไปทางกู้ชูหน่วนที่เดินจากไปราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ครู่ใหญ่เขาจึงกวาดตามองไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ที่มุมหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสำนักศึกษา
ท่านหานอ๋องเทพแห่งสงครามสวมอาภรณ์สีดำนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไป ทันใดนั้นดวงตาที่ดูประดุจบึงน้ำเย็นเยียบที่ลึกล้ำก็หรี่ลงอย่างฉับพลัน
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาสงบนิ่ง คิ้วคม ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากสีแดงสด ดูรูปงามสุดจะพรรณนา ทว่ากลับเต็มไปด้วยรังสีอันเย็นเยียบจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
เบื้องหลังเทพแห่งสงครามเขาคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มผู้นี้มีรูปโฉมงดงาม สวมอาภรณ์สีดำรัดรูป ขับรูปร่างที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบให้โดดเด่นขึ้นมา
“เจ้านาย ดูเหมือนนางจะแตกต่างจากที่เราสืบมานะขอรับ”
ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมือนใครคนหนึ่งมาก
สตรีที่ทำให้นายของพวกเขาต้องมีมลทินเมื่อไม่กี่วันก่อน
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นใบหน้าของชิงเฟิงก็แดงก่ำ
นิ้วอันเรียวยาวของเยี่ยจิ่งหานเคาะลงบนรถเข็นซ้ำไปซ้ำมาจนเกิดเสียงแก๊กเบาๆ ดวงตาที่มืดมนคู่นั้นยากจะหยั่งให้รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยออกมาเรียบๆ ว่า “ตรวจสอบ”
“ขอรับ กระหม่อมจะตรวจสอบเรื่องของคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้มาอย่างละเอียดขอรับ”
กู้ชูหน่วน…
ในข่าวลือกล่าวกันว่าเป็นพวกหัวขี้เลื่อยที่ไร้ค่าและขี้ขลาด
แต่กลับท่องบทกวีสู่หลีได้ ทั้งยังท่องบทศีรษะขาวเหมือนใหม่ ลาดคลุมลงมาเหมือนเก่าได้ด้วย
ทั้งยังลงไม้ลงมือกับองค์หญิงแห่งราชวงศ์ปัจจุบันเพื่อสาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง หยอกล้อกับบุตรชายคนเล็กของแม่ทัพเซี่ยวผู้ควบคุมกองทัพอันเกรียงไกรอยู่ในมือ
ถ้าสิ่งนี้เรียกว่าความขี้ขลาด แล้วสิ่งใดกันเล่าที่เรียกว่าความกล้าหาญ
เมื่อมองดวงตาที่แสนเจ้าเล่ห์หลุกหลิกของกู้ชูหน่วน เยี่ยจิ่งหานก็อดนึกถึงสตรีที่มาเจรจาผลประโยชน์กับเขาในวันนั้นไม่ได้
ดวงตาของสตรีผู้นั้นเหมือนกับกู้ชูหน่วนเป็นอย่างมาก
หรือว่า…
สตรีผู้นั้นคือกู้ชูหน่วน?
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดของสตรีผู้นั้นขึ้นมาได้
“ข้ายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือว่าข้าเหมือนเมื่อก่อนแค่ไหน”
เยี่ยจิ่งหานคิดแล้วก็ยิ่งสงสัยในตัวกู้ชูหน่วนมากกว่าเดิม
“ตรวจสอบให้ละเอียดว่าเมื่อสองวันก่อนกู้ชูหน่วนทำอะไรบ้าง”
ชิงเฟิงชะงักไปนิดหนึ่ง
หรือว่าเจ้านายจะสงสัยว่ากู้ชูหน่วนคือผู้หญิงคนนั้น
คงไม่ใช่หรอกกระมัง
ถ้าเกิดว่าใช่ เขาไม่กล้าคิดเลยว่าผู้เป็นนายจะแก้แค้นกู้ชูหน่วนด้วยวิธีใด
เขามองผู้เป็นนายของตัวเองอีกครั้ง สองมือของเขากุมกันแน่นจนเกิดเสียงครืดคราด สีหน้าอึมครึมราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างในใจ จนชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง
ตั้งแต่ที่ผู้เป็นนายถูกผู้หญิงคนนั้นมาเจรจาผลประโยชน์ด้วย อารมณ์ของเขาก็แปรปรวนขึ้นจนไม่รู้แล้วว่าผู้ที่มาปรนนิบัติรับใช้ถูกไล่ออกไปแล้วกี่คน
แต่ใบสั่งยาที่ผู้หญิงคนนั้นให้มาก็ให้ผลดีเป็นอย่างมาก
ผู้เป็นนายที่อาการแย่เพราะได้รับพิษกลับอาการดีขึ้นมากหลังจากใช้ยาที่นางแนะนำ นอกจากนี้ยังไม่เจ็บปวดทรมานดั่งเช่นเมื่อก่อนแล้วด้วย
ถ้าหากคว้าตัวผู้หญิงคนนั้นไว้ได้ บางทีอาจจะช่วยรักษาอาการพิษของผู้เป็นนายของเขาได้ก็ได้
“เจ้านาย เราจะทำลายงานแต่งครั้งนี้หรือไม่ขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเยี่ยจิ่งหานก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย ทั่วทั้งร่างเผยให้เห็นรังสีแห่งความครอบงำราวกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ผู้ปกครองโลก
“กล้าคิดร้ายกับข้า ก็ควรจะต้องสำนึกถึงความโกรธของข้าด้วย”
เอ่อ…
แล้วสรุปว่าจะทำลายงานแต่งหรือไม่เล่า?
ฝ่าบาทรนหาที่ตาย กล้าแม้กระทั่งล่วงเกินท่านอ๋องอย่างโจ่งแจ้ง
ด้วยพลานุภาพของท่านอ๋อง แค่ขยับนิ้วเพียงนิดเดียวก็ทำให้พระองค์กลิ้งลงจากบัลลังก์ได้แล้ว
คุณหนูสามแห่งตระกูลกู้เป็นสตรีอัปลักษณ์ที่รู้จักกันดีในเมืองเยี่ย การรับสั่งให้นายของเขาแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ หากไม่ตั้งใจจะทำให้ขายหน้าแล้วจะยังมีเหตุผลใดอีก
ชิงเฟิงคิดว่าเยี่ยจิ่งหานจะต้องหาทางทำลายเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ไม่คิดว่าเขาจะหันกลับไปมองทางที่กู้ชูหน่วนเดินจากไปอีกครั้ง แววตาของเขาล้ำลึกและแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ทันใดนั้นริมฝีปากที่เย็นชาก็เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ ว่า “เหตุใดจะต้องทำลายด้วยเล่า พระองค์อยากให้ข้าแต่งงาน เช่นนั้นข้าก็จะแต่ง”
เอ่อ…
จะแต่งงานจริงหรือ
แน่นั่นคือสตรีอัปลักษณ์ที่รู้จักกันดีในเมืองเยี่ยนะ
ช่วงบ่าย
ที่ริมทะเลสาบหลวงของสำนักศึกษาวังหลวง ทุกคนในชั้นเรียนกำลังนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับมีกู่ฉินคนละตัววางอยู่บนโต๊ะ
นี่คือเดือนสามที่แสงแดดสดใส สายลมอ่อนๆ พัดโชยจนต้นหลิวพลิ้วไหว เรียกได้ว่าอบอุ่นและน่าสบายมาก
กู้ชูหน่วนหามุมที่ลับตาคนนั่งลงอย่างเกียจคร้าน นับเงินหนึ่งพันตำลึงเงินที่มีอยู่ในมือ
สมุนไพรปรุงยาสามสิบสองชนิด นอกจากสมุนไพรสองชนิดสุดท้ายที่หาซื้อไม่ได้ สมุนไพรที่เหลือต่างใช้เงินซื้อได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่านางจะต้องใช้เงินถึงแปดหมื่นตำลึง
ตอนนี้ในมือของนางมีเพียงหนึ่งพันตำลึงเท่านั้น จะไปหาเงินอีกแปดหมื่นตำลึงได้ที่ไหน
หรือจะกลับไปที่จวนอัครเสนาบดีแล้วทวงเงินที่ถูกริบกลับมาดี? แต่นั่นก็คงจะได้มากสุดแค่หนึ่งหมื่นตำลึงเงินเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ยังไม่พออยู่ดี
“พรุ่งนี้เป็นวันชุมนุมแข่งขันวิชาการในรอบห้าปี ได้ยินมาว่ารัฐฉู่ รัฐหวา และรัฐจ้าวต่างส่งผู้ทรงความรู้ที่มีพรสวรรค์มาไม่น้อยเลยทีเดียว แม้แต่ปรมาจารย์หมากรุกกับเซียนกวีก็ยังมา”
“ไม่หรอกมั้ง ก็ปรมาจารย์หมากรุกปลีกวิเวกไปเป็นสิบๆ ปีแล้วไม่ใช่หรือ จู่ๆ จะมาที่รัฐเยี่ยได้อย่างไร”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะอยากมาเจอกับอาจารย์ซั่งกวนของเราหรือเปล่า ถึงอย่างไรท่านอาจารย์ซั่งกวนก็ถูกยกย่องให้เป็นถึงสี่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องการเล่นหมากรุกและกู่ฉินนั้นยิ่งดีเป็นพิเศษ”
“มิน่าเล่า แต่ปรมาจารย์หมากรุกเอาชนะจนไร้คู่ต่อสู้ไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ถ้าท่านอาจารย์ซั่งกวนของเราต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์หมากรุกจริงๆ เขาจะเอาชนะได้หรือ”
“ท่านอาจารย์ซั่งกวนของพวกเรามีฝีมือสูงส่ง มีความรู้ที่ลึกซึ้ง อาจจะไม่แพ้ปรมาจารย์หมากรุกก็ได้”
กู้ชูหน่วนเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกเขาแต่ละคน
นางขยับไปนั่งข้างๆ เซี่ยวอวี่เซวียนและกระทุ้งเข้าที่แขนของเขา “เสี่ยวเซวียนเซวียน การชุมนุมแข่งขันวิชาการคืออะไรหรือ”
เซี่ยวอวี่เซวียนกำลังคุยเล่นอยู่กับกลุ่มเพื่อน ทันทีที่ได้ยินกู้ชูหน่วนเรียกเขาว่าเสี่ยวเซวียนเซวียน สีหน้าของเขาก็หม่นลงทันที “ไม่ใช่ว่าให้เงินเจ้าไปแล้วหรือ เหตุใดจึงยังเรียกข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนอีก”
“ข้าว่าเสี่ยวเซวียนเซวียนดูเข้ากับนิสัยของเจ้ามากกว่านะ มินิ คาวาอี้”
“คาอะไรนะ…”
“ก็แค่ชมว่าเจ้าน่ารักน่ะ”
“แม่สาวอัปลักษณ์ ข้าเป็นชายชาตรีนะ นั่นมันใช่อย่างที่เจ้าพูดงั้นรึ”
“ฮ่าๆๆ… พี่ใหญ่ ท่านคงไม่ยอมรับแม่สาวอัปลักษณ์นี่เป็นพี่ใหญ่จริงๆ หรอกใช่ไหมล่ะ นางมันก็แค่พวกหัวขี้เลื่อยที่ไร้ค่าเท่านั้นเอง” พวกคุณชายจากตระกูลมั่งมีพากันหัวเราะเยาะ
เซี่ยวอวี่เซวียนไม่พอใจและถีบเขาอย่างแรง “พูดอะไรของเจ้า ยังไม่รีบเรียกนางว่าพี่ใหญ่อีก”
## 古琴 กู่ฉิน เครื่องดนตรีประเภทเดียวกับกู่เจิง