กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 183
เยี่ยเฟิงเหมือนก้างปลาติดคอ “ได้”
เป็นครั้งแรกในรอบสิบแปดปีที่เขารู้ว่าการมีเพื่อนเป็นความรู้สึกที่งดงาม
ขอให้ความงดงามเช่นนี้คงอยู่ตลอดไป
กู้ชูหน่วนกลับไปที่สำนักศึกษา เหล่านักเรียนของสำนักศึกษารวมตัวกันเป็นสองสามกลุ่ม พวกเขากำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของเยี่ยเฟิง
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเยี่ยเฟิงเคยทำอะไรมาบ้าง?เขาเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในร้านเหล้า เคยแบกของให้กับผู้คนที่ท่าเรือ และเคยล้างถ้วยชามที่ร้านขายของริมถนน”
“อะไรนะ……เขาเป็นปัญญาชน จะไปทำงานที่ต่ำต้อยเช่นนั้นได้อย่างไร?เจ้าเข้าใจผิดหรือไม่?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าให้เพื่อนไปช่วยสืบหาจากคนที่เกี่ยวข้องมากมาย หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามเถ้าแก่ร้านเหล่านั้นได้”
“เขามีความสามารถเป็นเลิศไม่ใช่หรือ?หรือว่าอาศัยแค่พู่กันในมือทำเงินไม่ได้?เขาถึงต้องไปทำงานที่ต่ำต้อยเช่นนั้น”
“นี่จะนับว่าเป็นอะไรได้ เขายังเคยเป็นนักดีดฉินอยู่ที่หอไร้กังวลด้วย พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้หอไร้กังวลมีนักดีดฉินที่ยอดเยี่ยม เป็นเพราะการมาของนักดีดฉินผู้นั้น กิจการของหอไร้กังวลจึงดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน และนักดีดฉินผู้นั้นคือเยี่ยเฟิง”
“อะไรนะ……เป็นไปได้อย่างไร……เยี่ยเฟิงดูสุขุมเยือกเย็น เขาจะไปเป็นนักดีดฉินที่หอไร้กังวลได้อย่างไร เจ้าจะต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ”
“รู้หน้าไม่รู้ใจ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาจะไม่ไป”
ผู้คนในสำนักศึกษาต่างเกาะกลุ่มกันด้วยความสงสัย “จริงหรือเท็จ?เจ้าคงไม่ได้พูดจาเหลวไหลใช่หรือไม่”
“หญิงงามคนใหม่ของข้าคืออันดับหนึ่งของหอไร้กัวล เมื่อนางเห็นภาพเหมือนของเยี่ยเฟิงก็บอกกับข้าด้วยตนเอง ในตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ ข้าจึงนำภาพเหมือนนั้นไปที่หอไร้กังวล พวกเจ้าลองทายสิ คนของหอไร้กังวลต่างบอกว่าคนผู้นั้นคือเเยี่ยเฟิง เป็นนักดีดฉินของหอไร้กังวล”
หา……
ทุกคนอ้าปากค้าง
ในความเข้าใจของพวกเขา เพียงอยู่ที่หอไร้กังวลก็ล้วนแต่เป็นพวกต่ำต้อยที่คอยให้ความสำราญ
แม้ว่าฐานะของเยี่ยเฟิงจะไม่สูงส่ง แต่เขาก็เป็นนักเรียนของสำนักศึกษาหลวง จะไปสถานที่เช่นนั้นได้อย่างไร
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป หนทางการเป็นขุนนางของเยี่ยเฟิงก็คงจะจบสิ้น
คุณชายคนหนึ่งตระหนักได้ในทันทีว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าก็ว่าหอไร้กังวลไปเชิญนักดีดฉินที่ไหนมาถึงได้ดีดฉินได้ไพเราะขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นเย่เยี่ยเฟิง เยี่ยเฟิงช่างดีดฉินได้ไพเราะยิ่งนัก”
“ฝ่าบาททรงพระราชทานเครื่องประดับและเงินทองมากมายให้เป็นรางวัลแก่เขาไม่ใช่หรือ?ทำไมเขายังต้องไปดีดฉินที่หอไร้กังวลอีก?”
“ไอ๋หยา ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ มีเพียงสองอย่างเท่านั้น อย่างแรกคือเขาโลภมากไม่รู้จักพอ จึงต้องการหาเงินเพิ่ม อย่างที่สองคือเขามีตัณหา จึงอยากจะไปเที่ยวหอนางโลม”
“ไม่คิดเลยว่าเยี่ยเฟิงจะเป็นคนเช่นนี้ พวกเราทุกคนล้วนแต่ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเขาหลอกลวง”
กู้ชูหน่วนทนฟังไม่ไหวและเดินตรงไปข้างหน้าพวกเขา นางกวาดสายตามองไปที่พวกเขา และยิ้ม “ไม่คิดเลยว่าเยี่ยเฟิงจะเป็นคนเช่นนี้”
ชายผู้นั้นไม่เข้าใจและยังคงคุยโวโอ้อวด
“แน่นอนว่าเขาเป็นพวกโลภมากและบ้าตัณหา ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง และยังโหดเหี้ยม เขาเป็นคนที่ตั้งแต่หัวจรดเท้า……”
“ปัง……”
ยังพูดไม่ทันจบ ชายผู้นั้นก็ถูกต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนฟันหัก
เลือดไหลออกจากฟันของเขา ชายผู้นั้นตกตะลึงอยู่นาน ก่อนที่จะจับมุมปากและกล่าวอย่างโกรธเคือง “กู้ชูหน่วน เจ้าต่อยข้าทำไม”
กู้ชูหน่วนลูบมือที่เจ็บและยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “คนที่ต่อยคือเจ้า หากข้าได้ยินว่าใครหน้าไหนกล้าพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับเยี่ยเฟิงอีก ข้าจัดการคนผู้นั้น แต่คงไม่ใช่แค่ฟันหัก”
ผู้ที่ถูกต่อยเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลี่เหิง และหลี่เหิงก็โกรธมาก “กู้ชูหน่วน เยี่ยเฟิงให้ผลประโยชน์อะไรกับเจ้า เจ้าถึงได้ปกป้องเขาครั้งแล้วครั้งเล่า”
“ข้าเกิดมาเพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรม ทำไม เจ้าไม่พอใจหรือ”
“กู้ชูหน่วน ข้าอดทนกับเจ้ามานานแล้ว วันนี้เจ้าต่อยน้องชายของข้า หากเจ้าไม่ต่อยตัวเองสิบที ข้าจะต่อยเจ้าให้ล้มลงไปที่พื้นอย่างโหดเหี้ยม”
“เหอะ……”
กู้ชูหน่วนดูเหมือนได้ยินเรื่องตลก นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ย
“ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการผู้อื่นมาช่วยเติมสีสันให้เจ้า ใครก็ได้ มาจัดการนางให้ข้า ข้าต้องการให้นางคุกเข่าลงบนพื้นอย่างเชื่อฟัง ข้าต้องการให้นางนึกเสียใจกับสิ่งที่กระทำกับข้า”