กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 262
พบคนรู้ใจ ดื่มกันพันจอกยังว่าน้อย คนคุยไม่ถูกคอ ครึ่งคำก็มากเกิน
มหาราชาผู้พิทักษ์ทั้งสามของผู้นำกองธงกล้วยไม้ก้าวออกมาข้างหน้า พวกเขาบีบนวดมือของตนจนได้ยินเสียงกระดูกดังลั่น แสดงให้เห็นว่าพร้อมออกรบเต็มที่
ผู้นำกองธงกล้วยไม้เผชิญหน้ากับเยี่ยจิ่งหาน
ฝูกวงก้าวออกมาข้างหน้าเตรียมจะออกไปปะทะกับมหาราชาผู้พิทักษ์ทั้งสาม
กู้ชูหน่วนดึงฝูกวงกลับมาและตำหนิว่า “ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าเป็นอะไรของเจ้า อย่าไปแย่งพวกเขาเอาหน้าสิ”
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยนิ่งอึ้งจนพูดไม่ออก
คุณหนูสามหมายถึงอะไร
เห็นพวกเขาเป็นแรงงานตัวแถมอย่างงั้นรึ
คนที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ต้องการคือนางมิใช่หรือ
ฝูกวงกล่าวอย่างงุนงง “นายท่าน ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด ข้าคนเดียวจัดการกับทั้งสามคนได้”
“เมื่อครู่เจ้าบาดเจ็บระหว่างสู้กันไม่ใช่รึ ยืนเฉยๆ อย่าขยับตัวมาก”
เมื่อเห็นสายตาที่กู้ชูหน่วนส่งมาให้เขา ฝูกวงก็เข้าใจขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเขาก็กุมหน้าอกพลางขมวดคิ้ว “โอ๊ย ข้าเจ็บหน้าอกมาก รวบรวมกำลังภายในไม่ขึ้นเสียแล้ว”
ทุกคนพูดไม่ออก
ทักษะการแสดงเช่นนี้ พวกนางคิดว่าพวกเขาปัญญาอ่อนหรืออย่างไร
กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง “ท่านอ๋อง เมื่อครู่นี้ผู้นำกองธงกล้วยไม้บอกว่าขาของท่านเป็นง่อย ทั้งยังบอกว่าใบหน้าของท่านอัปลักษณ์ ท่านจึงไม่กล้าแม้แต่จะแสดงใบหน้าให้เห็น ข้าละโกรธแทนท่านเหลือเกิน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อข้าไม่มีวรยุทธ์อะไรเลย ทำอะไรเขาก็ไม่ได้ แต่ว่าข้าคอยส่งเสียงเป็นกำลังใจให้ท่านได้นะ ข้าจะคอยเติมกำลังใจให้ท่านเอง”
หวิว…
ทั่วบริเวณเงียบสงัด
อุณหภูมิของเยี่ยจิ่งหานลดลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขากลายเป็นสีดำเหมือนถ่าน
ผู้หญิงคนนี้…
เขาละอยากจะบีบคอนางให้ตาย
เยี่ยเฟิงหลับตาโดยไม่พูดอะไร เขาแทบไม่กล้ามองใบหน้าที่กระหายเลือดซึ่งปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งของเยี่ยจิ่งหาน
อัครมเหสีฉู่เองยังสะดุ้งกับคำพูดของกู้ชูหน่วน
นางเป็นสตรีแน่หรือ เหตุใดจึงพูดอะไรเช่นนั้นออกมา
ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยรู้สึกสิ้นหวัง
นางไม่คิดจะยอมสาบานด้วยความตายของตัวเองเลยงั้นรึ
ผู้นำกองธงกล้วยไม้หัวเราะลั่น คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเย้ยหยันและการข่ม “เทพแห่งสงครามหาพระชายาได้ดีจริงๆ”
ตูม!
เยี่ยจิ่งหานจู่โจมอย่างสะเทือนฟ้าสะท้านแผ่นดินเป็นการตอบรับคำของผู้นำกองธงกล้วยไม้
นี่เป็นการจู่โจมโดยใช้ลูกไฟ ทุกที่ที่แสงเพลิงเข้าไปใกล้ถูกเผาผลาญจนหมดสิ้น แม้แต่ก้อนหินขนาดยักษ์ยังถูกเผาจนหลอมละลาย แสดงให้เห็นถึงอานุภาพแข็งแกร่ง
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ตกตะลึงและหลีกเลี่ยงการจู่โจมที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้อย่างหวุดหวิด ทว่าเขาก็ยังถูกลูกหลงจนท่อนแขนถูกเผากลายเป็นสีดำไปครึ่งหนึ่ง
ดวงตาของกู้ชูหน่วนหรี่ลงอย่างจริงจัง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเยี่ยจิ่งหานออกโรง
และยังเป็นครั้งแรกที่เห็นใครสักคนเผาก้อนหินจนหลอมละลายโดยใช้เพียงกำลังภายใน
แข็งแกร่งมาก
เป็นกำลังภายในที่แข็งแกร่งมาก
ถ้าอีกฝ่ายเป็นนาง เกรงว่านางคงไม่มีโอกาสชนะแน่
หลังจากหายตกใจ กู้ชูหน่วนจึงปรบมือเสียงดังลั่น “ท่านอ๋องแข็งแกร่งจริงๆ จัดการพวกนั้นต่อเลยเพคะ เผามันซะ”
ทุกคน “…”
ผู้นำกองธงกล้วยไม้โกรธเกรี้ยว เขารวบรวมกำลังภายในไว้ในฝ่ามือเพราะถูกพวกเขายั่วโทสะโดยสมบูรณ์
ขณะที่กำลังคิดจะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี อยู่ๆ นักฆ่าโลหิตก็ตรงเข้ามาหาและกระซิบคำสองคำที่ข้างหูของผู้นำกองธงกล้วยไม้
ผู้นำกองธงกล้วยไม้ชะงักงันและจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างประหลาดใจ ปากก็พึมพำออกมาว่า ‘จอมมาร’
กู้ชูหน่วนรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
จะมองนางเพื่อ?
มีอะไรติดหน้านางหรือไง
คำที่เขาขยับปากพูดดูเหมือนจะเป็นคำว่าจอมมาร
เมื่อมองนักฆ่าโลหิตที่อยู่ข้างผู้นำกองธงกล้วยไม้อีกครั้ง กู้ชูหน่วนจึงหันมาถามฝูกวงอย่างสงสัย
“คนผู้นั้นคือจอมมารมิใช่หรือ”
“เรียนท่านอาจารย์ เขาคือนักฆ่าโลหิตผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของจอมมาร คนผู้นี้มีวรยุทธ์สูงส่งทั้งยังเป็นลูกน้องคนสนิทของจอมมารด้วยขอรับ”
เอ่อ…
เขาไม่ใช่จอมมารหรอกเหรอ
งั้นก่อนหน้านี้นางก็เข้าใจผิดหมดเลยงั้นสิ
ดวงตาที่เยียบเย็นของเยี่ยจิ่งหานจ้องตรงไปยังกู้ชูหน่วน มีความโกรธฉายอยู่ในดวงตาของเขา
ผู้หญิงคนนี้ตามจีบผู้ชายไปทั่วก็ว่าแย่แล้ว นึกไม่ถึงว่าแม้แต่จอมมารนางก็ไม่เว้น