กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 285
เยี่ยจิ่งหานถือขลุ่ยหยกขาวอย่างเกียจคร้าน และเปล่งคำพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“หุบเขาพิศวิญญาณเล็ก ๆ ข้าอยากจะโจมตีก็โจมตี ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้า?”
บ้า
บ้าเกินไปแล้ว
วรยุทธของเยี่ยจิ่งหานนั้นไม่ธรรมดา แข็งแกร่งและทรงพลัง
วรยุทธของจอมมารไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา และพลังก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเผ่าเพลิงฟ้าที่คอยจับตาดูอยู่
สิ่งที่เยี่ยจิ่งหานพูด เป็นการฉีกหน้าจอมมารอย่างไม่ต้องสงสัย
หรือควรจะกล่าวว่าการที่เขาส่งกองทัพไปโจมตีหุบเขาพิศวิญญาณ ก็เท่ากับเป็นการท้าทายอำนาจของจอมมาร และเป็นการฉีกหน้าเขา
จอมมารยิ้มอย่างมีเลศนัย นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของเขามีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล
ชายหนุ่มชุดขาวยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ลมหนาวพัดเสื้อผ้าของเขาจนสะบัดพลิ้ว ราวกับว่าจะกลายเป็นเทพเซียนได้ทุกเมื่อ
ภายใต้หน้ากากผีเสื้อ นัยน์ตาขาวดำคู่หนึ่งเผยให้เห็นการหยอกล้อ ราวกับรอดูการแสดงที่สมบทบาท
แต่ประโยคถัดมาของจอมมาร ทำให้ชายหนุ่มชุดขาวดูสับสนวุ่นวาย
“ท่านทั้งสองสู้กัน จะสู้หรือไม่สู้ ข้าจะสู้แทนท่านเอง”
ทุกคน “……”
นี่คือสิ่งที่จอมมารควรกล่าวงั้นหรือ?
หากไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์คงคิดว่าเขาเป็นเพียงผู้ที่แสวงหาชื่อเสียงเกียรติยศและรักตัวกลัวตาย
ชายหนุ่มชุดขาวถอนหายใจ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คาดเดาไม่ได้ “จอมมารช่างโอบอ้อมอารียิ่งนัก หลังจากดูถูกเหยียดหยามแล้ว ยังคงสงบเยือกเย็นได้เช่นนี้ ผู้แซ่เหวินเลื่อมใส”
“พูดได้ดี ๆ” จอมมารยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เขาหยิบดอกลำโพงอันงดงามออกมาจากในอ้อมแขน และสูดดมกลิ่นหอมของมันอย่างคะนึงหา
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
เหวินเส่าอี๋ใช้วิชาน้ำแข็งผนึกหมื่นลี้ ทำให้มวลน้ำทั่วทุกสารทิศรวมตัวกลายเป็นมังกรยักษ์ มังกรยักษ์บินวนอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นก็โฉบเข้ามาหาเยี่ยจิ่งหานอย่างดุร้าย และพ่นสว่านน้ำแข็งออกมาจากปาก
เสียงคำรามของมังกรดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา และสามารถมองเห็นมังกรยักษ์ได้จากไกล ๆ พลังมหาศาลนั้นรุนแรงมากจนใครก็ตามที่อยู่ในหุบเขาพิศวิญญาณสั่นสะเทือน
ยอดฝีมือ ยอดฝีมือจริง ๆ
เพียงแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง ราวกับว่ามังกรยักษ์ครอบงำชีวิตของพวกเขา
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงกลัว และเป่าขลุ่ยหยกขาวที่อยู่ในมือ
เสียงขลุ่ยดังขึ้น ใบไผ่ในป่าไผ่ร่วงหล่นลงมาจากกิ่งไผ่อย่างโหมกระหน่ำ จากนั้นก็รวมตัวกันเป็นหงส์และกางปีกบิน
รูปร่างของหงส์ไม่ได้ด้อยไปกว่ามังกรวารี หงส์กางปีกและโผเข้าหามังกรยักษ์
“ตูม……”
มังกรวารีและหงส์ใบไผ่ปะทะกัน พื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขาสั่นคลอน ฝุ่นปลิวว่อนหินกลิ้งเกลือก ในขณะที่พวกมันกำลังต่อสู้กัน พื้นดินก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ ๆ พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นผุยผง แม้กระทั่งกระดูก
เหล่าผู้คุ้มกันถอยร่นออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า และเฝ้าดูการต่อสู้อันยอดเยี่ยมด้วยความหวาดกลัว
มีเพียงจอมมารเท่านั้นที่ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ
เขาอยู่ใกล้กับสนามรบมาก แต่ลูกหลงก็ทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่ชายเสื้อผ้า
จอมมารกวาดสายตามองมังกรและหงส์ต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนท้องฟ้า และเล่นดอกลำโพงที่อยู่ในมืออย่างเบื่อหน่าย
“รีบสู้กันหน่อย ข้ายังต้องไปหาพี่หญิง”
“……”
ผู้คุ้มกันจ้องมองไปที่จอมมารอย่างระมัดระวัง และกลัวว่าจอมมารจะหันกลับไปช่วยนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า
เมื่อมองดูการต่อสู้บนฟ้าอีกครั้ง พวกมันก็สงบลงแล้ว
วรยุทธของจอมมารไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขา หากเขาคิดจะกบฏจริง ๆ พวกเขาจะต้านทานได้อย่างไร?
“ตูม……”
มังกรวารีและหงส์ใบไผ่ปะทะกันอีกครั้ง หลังจากการปะทะครั้งนี้ มังกรวารีกลายเป็นน้ำ และหายวับไป
ใบไผ่ก็กระจัดกระจายและโปรยปรายลงมา
อย่างไรก็ตาม สงครามใหม่กำลังจะเกิดขึ้น
น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งกลายเป็นสว่านน้ำแข็ง และลอยขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็พุ่งไปที่เยี่ยจิ่งหานราวกับสายฟ้าแลบ
ก่อนที่สว่านน้ำแข็งจะไปถึงข้างหน้าเยี่ยจิ่งหาน ใบไผ่ธรรมดากลายเป็นใบมีดคมกริบ และพุ่งไปที่เหวินเส่าอี๋ในเวลาเดียวกัน
“ตูม……”
สว่านน้ำแข็งและใบไผ่ปะทะกันอีกครั้ง และเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้างอย่างต่อเนื่อง