กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 302
และเมื่อมองไปที่ประมุขวิญญาณมืดและสวีเจิ้นที่กำลังกระเสือกกระสนดิ้นรน จากใบหน้าที่ทุกข์ทรมานของเขา รวมไปถึงหู ตา จมูกและปากก็ไม่หยุดที่จะมีเลือดไหลออกมา แม้ว่านางจะโง่มากแค่ไหนก็รู้ได้ว่าเสียงขลุ่ยที่เอ้อระเหยและเศร้าสร้อยนี้ ไม่ได้เป็นบทเพลงที่ดีอะไร
วิญญาณทั้งเจ็ดแห่งหุบเขามืดเป็นถึงผู้มีฝีมือสูง
โดยเฉพาะประมุขวิญญาณมืด
เยี่ยจิ่งหานกลับใช้เพียงบทเพลงเดียวก็สามารถจัดการพวกเขาได้? เช่นนี้ต้องมีพละกำลังที่ลึกมากเช่นไร
เมื่อหันไปมอง นางเห็นสวีซานเหนียงซึ่งถูกดอกชากัดกินอยู่บนพื้นและเหลือเพียงโครงกระดูก และหนังศีรษะของนางก็ชาเล็กน้อย
สวีซานเหนียงก็ถูกฆ่าตายโดยเขาด้วยอย่างนั้นหรือ
หากเขาเป็นคนฆ่า วิธีการนี้ช่างเลือดเย็นสาดกระเซ็นอย่างมาก
“อ๊า……”
สวีเจิ้นโอดครวญด้วยความทรมาน เจ็บปวดจนโขกศีรษะกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เลือดไหลออกมาอย่างรุนแรงจากหน้าผากของเขา และเขาไม่รู้ตัวเลย แต่กลับกระแทกหนักกว่าที่เคยเรื่อยๆ
ราวกับมีเพียงการกระแทกไปเรื่อยๆ เช่นนี้ ร่างกายจึงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ประมุขวิญญาณมืดตะโกนออกมาด้วยความเป็นกังวล “เหล่าเจิ้น หยุดโขกได้แล้ว หากยังโขกต่อไปศีรษะต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน”
ไกลออกไป มีรัศมีอันทรงพลังมาจากที่ไกลและใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานแข็งทื่อ เสียงขลุ่ยเร็วขึ้น ประมุขวิญญาณมืดทนไม่ได้อีกต่อไปและเกราะป้องกันก็ได้พังทลายลง เขาไม่อาจสู้เสียงเวทมนตร์มารลวงได้ จากนั้นร่างกายของเขาก็ล้มลงไปและกระอักเลือดออกมา เขาบาดเจ็บสาหัสจนแทบหมดลมหายใจ
และสวีเจิ้นก็ระเบิดเป็นหมอกเลือดสีแดงในทันที
“เยี่ยจิ่งหาน เจ้ามีจุดอ่อนเสียแล้ว”
เสียงอันอบอุ่นและน่ารื่นรมย์นั้นดังขึ้นมาช้าๆ เสียงนั้นเหมือนเสียงของธรรมชาติ และทำให้ผู้คนต่างจมดิ่งลงไปอย่างช่วยไม่ได้
และสิ่งที่ตามเสียงนั้นมาก็คือชายชุดขาว
ชายชุดขาวมาจากฟากฟ้า สวมใส่ชุดสีขาวและท่าทางของเขาเหมือนหยก ไม่มีแม้แต่ไรฝุ่น เขาสวมหน้ากากผีเสื้อและมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของเขา แต่เขามีความสง่างามและไร้ตัวตน และเพียงชำเลืองมองก็ทำให้ผู้คนแทบทนไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
มีอีกหนึ่งคนที่สวมหน้ากาก?
โลกใบนี้เป็นอะไรไป?
แต่ละคนล้วนนิยมสวมหน้ากาก?
เช่นนั้นพรุ่งนี้นางก็จะไปหาซื้อหน้ากากมาสวมใส่บ้างสักหนึ่งอัน?
แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ ท่าทางของชายชุดขาวนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นหนึ่งในร้อยและไม่แย่ไปกว่าเยี่ยจิ่งหานเลย
“ควับ……”
ชายชุดขาวยกมือขวาขึ้น จากนั้นฉินสีขาวที่อยู่ข้างหลังก็ตกลงมาในมือของเขา เมื่อมืออันขาวเรียวของเขาดีดขึ้น การโจมตีที่ร้ายแรงนี้ก็พุ่งเข้าไปที่เยี่ยจิ่งหาน
เยี่ยจิ่งหานยิ้มอย่างเยือกเย็นและเปลี่ยนเสียงขลุ่ย ราวกับเสียงกลองงในสงคราม
เสียงบึ๊มดังขึ้น
เสียงขลุ่ยและเสียงฉินปะทะเข้าหากันและภูเขาทั้งลูกก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง
กู้ชูหน่วนเซอยู่หลายครั้งและรู้สึกยืนได้ไม่มั่นคง
เป็นวิธีฆ่าที่ร้ายกาจอย่างมาก
เสียงขลุ่ยและเสียงฉินต่างไม่ยอมลดละซึ่งกันและกัน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด
นกและสัตว์ป่าในป่าเขาต่างตกใจจนวิ่งหนี
ประมุขวิญญาณมืดบาดเจ็บสาหัสและเกือบจะเสียชีวิต เขาเห็นการสู้รบครั้งใหญ่ของเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ จากนั้นมองกู้ชูหน่วนอย่างชั่วร้ายและใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อหลบหนี
จอมมารเบะปากและรู้สึกน่าเบื่อหน่าย
เป็นการยากที่จะได้พบเจอกับพี่หญิง แต่พวกเขาสองคนกลับเข้ามาพัวพันอะไรด้วย?
และเมื่อมองไปที่ประมุขวิญญาณมืดที่แอบหลบหนี อารมณ์ที่ไม่ดีอยู่แล้ว แค่เพียงดีดนิ้วก็ทำให้ร่างกายของเขาแตกระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดสีแดงและไม่มีแม้แต่ซากศพให้เห็นต่างหน้า
จอมมารวิ่งเหยาะๆ มาที่ข้างกายของกู้ชูหน่วน ราวกับกระต่ายขาวตัวเล็กที่กำลังหวาดกลัวและร้องไห้ “พี่หญิง ทำไมท่านเพิ่งจะมา อาม่อตกใจเกือบตาย”
กู้ชูหน่วนหันไปมอง
ผู้ชายคนนี้ คือซือม่อเฟยที่รู้จักที่หุบเขาพิศวิญญาณไม่ใช่หรือ?
ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ด้วย?