กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 327
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าพวกเจ้ากล้าไปหาเรื่องเยี่ยจิ่งหานละก็ อย่าโทษว่าข้าไม่เห็นพวกเจ้าเป็นน้องชายก็แล้วกัน”
“แม่สาวอัปลักษณ์ เยี่ยจิ่งหานทำกับเจ้าถึงขนาดนั้น ทำไมเจ้ายังต้องพูดแทนเขาอีก หรือว่าเขาข่มขู่เจ้า”
“ช่างบังอาจนัก” จอมมารเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างฉับพลัน บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความรู้สึกประหนึ่งว่าบนโลกนี้ไม่มีใครมีอำนาจเหนือไปกว่าข้าอีกแล้ว
“เขาไม่ได้ข่มขู่อะไรทั้งนั้น ข้าขอร้องล่ะ พวกเจ้าช่วยทำตัวให้เป็นปกติหน่อยได้หรือไม่ อยู่กับพวกเจ้าแล้วข้ารู้สึกขายหน้าจริงๆ”
ตั้งแต่รู้จักกับเยี่ยจิ่งหานมาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าเขาจะชอบข่มขู่นางบ่อยๆ ทว่าทุกครั้งก็แค่ทำเป็นเอะอะใหญ่โตไปอย่างนั้น ความจริงเขาไม่เคยทำอะไรนางเลยสักครั้ง
เมื่อเห็นว่าพวกเขาคิดจะพูดอะไรขึ้นมาอีก กู้ชูหน่วนจึงเลิกคิ้วและมองจอมมารอย่างมีโทสะ “โดยเฉพาะเจ้า อย่าได้สร้างปัญหาให้เยี่ยจิ่งหานอีก”
“เยี่ยจิ่งหานเป็นคนไม่ดี”
“ข้าว่าเจ้านั่นแหละที่แย่ยิ่งกว่า ดูผู้นำกองธงทั้งสิบสองของเจ้าสิ แต่ละคนเป็นพวกเหลือเดนกันทั้งนั้น โดยเฉพาะผู้นำกองธงกล้วยไม้ เรียกคนอย่างนั้นว่าเหลือเดนยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
จอมมารแก้คำ “ตอนนี้เหลือผู้นำเพียงเจ็ดกองธงเท่านั้น และข้าก็ยังไม่ได้คิดจะหาคนใหม่มาแทนที่ผู้นำอีกห้ากองธงที่ข้ายกเลิกไป”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว นางไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเผ่าปีศาจของพวกเขา แต่นางไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้กับลูกน้องผู้นำกองธงของเขาเลยสักนิด
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาและเผ่าเพลิงฟ้าที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา ผู้นำกองธงกล้วยไม้คงถูกเยี่ยจิ่งหานฆ่าตายไปแล้ว
ทันใดนั้นนางก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย ที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ทรมานผู้ปรนนิบัติอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนั้น เจ้าเป็นคนบงการเขาหรือเปล่า”
จอมมารลูบเส้นผมสีดำที่เรียบลื่นราวกับน้ำตกและเอ่ยอย่างเฉื่อยชาว่า “คนของเผ่าปีศาจ ถ้าไม่โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาจะยืนหยัดได้อย่างไร”
“แล้วเจ้าบงการเขาหรือเปล่า” น้ำเสียงของกู้ชูหน่วนเยือกเย็นลงอีกครั้ง
ถ้าจอมมารตอบว่าใช้ นางจะตัดความสัมพันธ์กับเขาทันที
“ข้าไม่ชอบการต่อสู้ฆ่าฟัน และยิ่งไม่ชอบที่พวกเขาโหดเหี้ยมอำมหิต ข้ายังลังเลอยู่เลยว่าควรจะปรับปรุงบรรยากาศของเผ่าดีหรือไม่”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “มันควรจะปรับปรุงมาตั้งนานแล้ว”
“เช่นนั้นทำไมพี่หญิงไม่กลับไปเผ่าปีศาจกับข้าและช่วยข้าปรับปรุงล่ะ”
“ถ้าทำเช่นนั้นข้าจะต้องฆ่าผู้นำกองธงทั้งหมดของเจ้าเป็นแน่ โดยเฉพาะผู้นำกองธงกล้วยไม้”
“จะฆ่าผู้นำกองธงกล้วยไม้ไม่ได้ แม้ว่าเขาจะโหดเหี้ยมไปสักหน่อย แต่เขาก็ภักดีต่อข้ามาก”
ภักดี?
แต่…
จะภักดีจริงๆ น่ะเหรอ
นางไม่เคยลืมว่าผู้นำกองธงกล้วยไม้เคยพูดไว้ว่าเขาเลี้ยงดูผู้ถือธงกลุ่มหนึ่งเอาไว้ เป็นผู้ถือธงที่แม้แต่จอมมารก็ยังไม่รู้ว่ามี
จากที่นางเห็น จอมมารดูไม่ต่างอะไรจากคนโง่คนหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาไต่เต้าขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งจอมมารได้อย่างไร
“ท่านพี่ ระฆังวิญญาณสะบั้นที่ท่านมีอยู่ยังไม่สมบูรณ์” จอมมารเหลือบมองระฆังวิญญาณสะบั้นที่ปรากฏออกมาครึ่งหนึ่ง สายตาของเขาเฉยชาและน้ำเสียงก็ฟังดูเรียบเรื่อยราวกับไม่ได้สนใจระฆังวิญญาณสะบั้นเลยแม้แต่น้อย
กู้ชูหน่วนหยิบระฆังวิญญาณสะบั้นออกมาและชูขึ้นตรงหน้าเขา “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าจะหาหยกที่หักไปอีกสองชิ้นได้ที่ไหน แล้วจะประกอบพวกมันเข้าด้วยกันได้อย่างไร”
“พี่หญิงสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือ”
“เจ้ามีวิธีจริงๆ หรือ” ลมหายใจของกู้ชูหน่วนกระชั้นขึ้นเล็กน้อย
“อื้ม นี่คือหนึ่งในหยกหัก ยังมีอีกชิ้น น่าจะอยู่ที่ภูเขาสวินหลง” จอมมารสะบัดฝ่ามือที่ขาวสะอาดนิดหนึ่ง จากนั้นหยกพระจันทร์เสี้ยวชิ้นหนึ่งจึงถูกโยนให้กู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนไม่คิดว่าจอมมารจะมอบหยกให้นางอย่างง่ายดายเช่นนี้
ในหูได้ยินจอมมารเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างเกียจคร้านว่า
“ก่อนหน้านี้เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามเก็บรวบรวมไข่มุกมังกรมาโดยตลอด”
“ผู้หญิงคนไหน”
“ผู้นำนิกายเทพอสูร”
กู้ชูหน่วนจับบางอย่างได้ไม่ชัด จึงถามต่อว่า “นางเก็บสะสมไข่มุกมังกรไปเพื่ออะไร แล้วไข่มุกมังกรอยู่กับนางหรือเปล่า”
“มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางต้องการอะไร ว่ากันว่ามีความเกี่ยวข้องกับเผ่าของนาง บนโลกนี้มีไข่มุกมังกรอยู่ทั้งหมดเจ็ดลูก อย่างมากนางน่าจะสะสมได้ไม่เกินสี่ลูกเท่านั้น”