กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 351
หลังจากจ่ายเงินแล้ว ตำรากลั่นยาอายุวัฒนะจึงตกเป็นของกู้ชูหน่วน
ทุกคนต่างมองตำรากลั่นยาอายุวัฒนะที่อยู่ในมือของนางอย่างใจจดใจจ่อ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาตาร้อน
กู้ชูหน่วนกวาดตามองผู้คนที่อยู่รอบๆ หอประมูล ทันใดนั้นความอยากจะเปิดดูตำรากลั่นยาก็หมดลงทันที
นางเอนหลังและใช้ตำราหนุนไว้ต่างหมอน ตะโกนอย่างสบายใจว่า “สายตาของข้าไม่เลวเลยจริงๆ ใช้ม้วนหนังแกะโบราณมาทำเป็นหมอนหนุนเช่นนี้สบายสุดๆ ไปเลย”
“…..”
เสียของ
เสียของจริงๆ
การที่นางประมูลตำรากลั่นยาไปได้เป็นอะไรที่สูญเปล่าโดยแท้
องค์หญิงตังตังผรุสวาทออกมา “เจ้า… เหตุใดเจ้าจึงไร้ยางอายเช่นนี้”
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าใช้เงินตัวเองซื้อของที่ตัวเองอยากได้มันไร้ยางอายตรงไหน ถ้าท่านอยากได้ ท่านเสนอราคาเพิ่มก็ได้นี่ หรือว่าข้าไปบังคับไม่ให้ท่านเสนอราคาต่อ”
“ช่างเถิดเพคะองค์หญิง การประมูลของชิ้นต่อไปถ้าเราชอบ นางก็ชอบเหมือนกัน เช่นนั้นเราก็เสนอราคาสูงๆ เสียเลย อย่าให้นางทำสำเร็จเป็นพอ ตอนนี้นางจ่ายเงินไปแล้วหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง ทั้งเนื้อทั้งตัวคงเหลือเงินไม่เยอะแน่นอนเพคะ” เสี่ยวลี่ว์กอดต้นขาองค์หญิงไว้แน่น
นางคอยรับใช้องค์หญิงตังตังมานานหลายปี แม้ว่าองค์หญิงจะทรงดื้อดึงไปบ้างแต่ก็ไม่เคยโกรธเกรี้ยวอย่างเช่นในวันนี้
องค์หญิงตังตังตรัสอย่างโกรธเคือง “ต่อให้ไม่ชอบข้าก็ต้องประมูลมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงสงบใจไม่ได้แน่”
“ของประมูลชิ้นต่อไปคือคัมภีร์กวีที่สูญหายไปนานกว่าสองพันปี รวมบทกวีของเฟิงหย่าซ่งทั้งหมดหนึ่งร้อยเก้าสิบหกบท ซึ่งแต่ละบทเป็นบทกวีที่ครบถ้วนสมบูรณ์ บทกวีเหล่านี้หายสาบสูญไร้ผู้สืบทอดมานานหลายปี เป็นของที่หาได้ยากยิ่ง”
ผู้คนที่อยู่ร่วมการประมูลตกตะลึงอีกครั้งเมื่อฟังคำประกาศ
วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เหตุใดของที่หอประมูลเฟิงเซียงนำมาประมูลจึงมีแต่ของดีทั้งนั้น
คัมภีร์กวี…
มีใครในโลกหล้าที่ไม่ต้องการคัมภีร์กวีบ้าง โดยเฉพาะคัมภีร์กวีฉบับสมบูรณ์เช่นนี้
เหล่าบัณฑิตต่างกระตือรือร้น คัมภีร์กวีดึงดูดใจพวกเขาเป็นอย่างมากเพราะมันเป็นสักขีพยานที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ ทั้งยังเป็นสมบัติล้ำค่าที่เหล่าบรรพบุรุษทิ้งไว้ให้
หากคว้าคัมภีร์กวีมาได้จะทำให้ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงในอดีต นอกจากนี้ยังจะทำให้ทราบถึงการสร้างสรรค์งานวรรณกรรมของคนในสมัยโบราณอีกด้วย
บางคนตั้งข้อสงสัยว่า “คัมภีร์กวีสูญหายไปนานกว่าสองพันปี พวกท่านไปหามาจากไหน? คัมภีร์กวีเล่มนี้เป็นของจริงแน่หรือ”
“หอประมูลเฟิงเซียงขอใช้ความน่าเชื่อถือมาเป็นหลักประกัน ว่าคัมภีร์กวีเฟิงหย่าซ่งเล่มนี้เป็นของที่ถูกทิ้งไว้เมื่อสองพันปีก่อนจริงๆ พวกเราพบมันโดยบังเอิญ ซึ่งด้านในไม่ได้มีแค่เนื้อหาจากต้นฉบับ แต่ยังมีเนื้อหาที่คนรุ่นหลังถอดความเอาไว้ด้วย”
“อะไรนะ… ยังมีเนื้อหาเดิมอยู่งั้นรึ”
“ใช่ งานเขียนโบราณหายสาบสูญไปนานหลายปีและมีคนรุ่นหลังถอดความออกมา สิ่งนี้มีความหมายมากสำหรับบัณฑิตในใต้หล้า โดยเฉพาะกับเหล่านักปราชญ์ขงจื๊อ”
พระเจ้าช่วย…
ถ้าเป็นอย่างที่ว่าจริง เป็นไปได้หรือไม่ว่าหากได้คัมภีร์กวีนี้ คนที่ได้จะได้เข้าใจงานเขียนโบราณด้วย
นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนต่างกระตือรือร้น
ทว่ากู้ชูหน่วนไม่สนใจเลย
คัมภีร์กวีอะไรกัน สมัยก่อนตอนเรียนหนังสือยังท่องจำไม่พออีกหรือไง
ส่วนเรื่องงานเขียนโบราณ
บังเอิญว่านางไม่เพียงแต่อ่านออก แต่นางยังเขียนเป็นอีกด้วย
เรียกได้ว่าคัมภีร์กวีไม่มีประโยชน์สำหรับนางเลยสักนิด
องค์หญิงตังตังไม่คิดว่าของประมูลชิ้นต่อมาจะเป็นคัมภีร์กวี
คัมภีร์กวีเป็นของสำคัญก็จริง แต่นางไม่ชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นต่อให้ได้คัมภีร์กวีมาก็ไม่มีประโยชน์
ทว่ากู้ชูอวิ๋นสนใจ
ท่านอาจารย์ซั่งกวนเป็นบัณฑิตผู้มีความรู้และสนใจตำราโบราณ
ถ้าหากนำคัมภีร์กวีไปมอบให้อาจารย์ซั่งกวนได้ บางทีท่านอาจารย์ซั่งกวนอาจจะดีใจก็ได้
เยี่ยจิ่งหานไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
แววตาของซั่งกวนฉู่ซับซ้อนและเข้าใจยาก มองไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไร
ผู้คอยปรนนิบัติของอี้เฉินเฟยตาเป็นประกาย “คุณชายอี้ขอรับ เหล่านักปราชญ์ขงจื๊อพยายามรวบรวมคัมภีร์กวีมาตลอดหลายปี ติดเพียงแต่ว่ายังหาทางรวบรวมทั้งหมดไม่ได้ เวลานี้คัมภีร์กวีอยู่ตรงหน้าแล้ว เราจะ…”