กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 363
“ห้าร้อยห้าสิบล้านตำลึง” ซั่งกวนฉู่เอ่ยตามมาติดๆ
ผู้ที่เพิ่งเสนอราคาก่อนหน้านี้คือผู้ที่โหมโรง ผู้ที่เสนอราคาขึ้นมาในเวลานี้ต่างหากคือตัวเอกของจริง
กู้ชูหน่วนรู้ว่าอี้เฉินเฟย ซั่งกวนฉู่ รวมถึงเยี่ยจิ่งหานกำลังพยายามอยู่ แต่ไม่รู้ว่าในสามผู้ยิ่งใหญ่นี้ ใครคือผู้ที่อยู่เหนือที่สุด
“หกร้อยล้าน”
“หกร้อยห้าสิบล้าน”
“เจ็ดร้อยล้าน”
ฮือฮา…
ไม่มีใครตะโกนเสนอราคาขึ้นมาอีกนอกจากอี้เฉินเฟยและซั่งกวนฉู่
ไม่ว่าจะอยากได้ไข่มุกสีครามมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็รวบรวมเงินมากขนาดนั้นไม่ได้อยู่ดี
กู้ชูหน่วนเหลือบมองเยี่ยจิ่งหาน
หมอนี่เอาแต่ดูตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ได้เสนอราคาขึ้นมาเลย เป็นไปได้ไหมว่าเขาคิดจะรอให้อี้เฉินเฟยกับซั่งกวนฉู่สู้กันให้จบก่อนค่อยเสนอราคา
เจ็ดร้อยล้านตำลึงไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เสียด้วย
เทียบเท่ากับเงินในท้องพระคลังได้แล้วมั้ง
อี้เฉินเฟยเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงจากรัฐหวา ทั้งยังเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อลำดับที่สาม นอกจากนี้ยังมีฐานะแอบแฝงที่ไม่เป็นที่รับรู้อีกมากมาย เขาจะมีเงินก็ไม่แปลก
แต่ซั่งกวนฉู่มีอะไร เขาหาเงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน
หรือควรจะพูดว่าเขาเองก็มีฐานะแอบแฝงอยู่เบื้องหลังเหมือนกัน
“เจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึง” อี้เฉินเฟยกล่าว
ซั่งกวนฉู่น่าจะกำลังลังเลอยู่จึงไม่ได้เสนอราคาขึ้นมาอยู่พักใหญ่
ทุกคนเข้าใจว่าแขกผู้มีเกียรติในห้องส่วนตัวห้องนั้นกลัวว่าจะหาเงินมาไม่ได้ จึงคิดจะยอมแพ้
ต่อให้องค์จักรพรรดิเสด็จมาเองก็อาจจะหาเงินเจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึงมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ไม่นานหลังจากนั้น ในห้องส่วนตัวที่อยู่ถัดจากซั่งกวนฉู่ก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า “แปดร้อยล้านตำลึง”
ฮือฮา…
ผู้ยิ่งใหญ่ในห้องส่วนตัวหมายเลขสามคือใครกัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะเสนอราคาขึ้นมาถึงแปดร้อยล้านตำลึง
นิ้วที่กำลังเคาะโต๊ะของอี้เฉินเฟยชะงักไปนิดหนึ่ง ทันใดนั้นจิตสังหารก็แผ่ออกมาจากตัวเขา
เผ่าเพลิงฟ้า…
เป็นพวกนั้นอีกแล้ว
ฮึ…
“แปดร้อยห้าสิบล้าน”
“เก้าร้อยล้าน”
“เก้าร้อยห้าสิบล้าน”
ห้องส่วนตัวหมายเลขสามเงียบไป เนิ่นนานกว่าจะตอบมาว่า “หนึ่งพันล้าน”
“หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน”
คนที่สงบนิ่งอย่างเสี่ยวลู่ยังอดเดาะลิ้นไม่ได้
หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน…
นี่คือราคาสูงที่สุดในประวัติการของการประมูลที่หอประมูลเฟิงเซียง
นอกจากนี้… นี่ยังเป็นเพียงแผนที่ไข่มุกมังกรคราม ไม่ใช่ไข่มุกมังกรสีครามจริงๆ หากเป็นไข่มุกมังกรสีครามละก็ การแย่งชิงจะออกมาเป็นรูปแบบใด?
ปึ่ง!
ผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลขสามตบโต๊ะอย่างแรง
ผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งต่างได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ดังมาจากในนั้น “ว่าไงนะ… เงินที่จัดสรรไว้ถูกปล้น ใครที่มันบังอาจขนาดนั้น แม้แต่เงินของพวกเราเผ่าเพลิงฟ้ามันยังกล้าขโมย”
“ดูเหมือน… ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของนิกายเทพอสูรขอรับ”
“นิกายเทพอสูรอีกแล้วรึ ไม่ใช่ว่าส่งคนไปคอยจับตาดูที่นิกายเทพอสูรแล้วหรืออย่างไร เหตุใดจึงปล่อยให้พวกมันทำสำเร็จได้”
“นิกายเทพอสูรร่วมมือกับหอเทียนหวั่ง ข้าน้อย… ข้าน้อยคาดการณ์ผิดพลาด ดังนั้นก็เลย…”
“แล้วตอนนี้ยังมีเงินที่พอจะโยกย้ายได้อีกเท่าไร”
“ไม่มีแล้วขอรับ อย่างมากก็นำมาได้เพียงหนึ่งพันล้าน การจัดสรรใหม่ ต่อให้รีบแค่ไหนก็ยังต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนขอรับ”
“บัดซบ รีบไปรวบรวมเงินมาเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องประมูลไข่มุกสีครามให้ได้”
“ขอรับๆๆ”
อี้เฉินเฟยได้ยิน เยี่ยจิ่งหานได้ยิน ซั่งกวนฉู่ก็ได้ยินเช่นกัน
ประสาทการรับรู้ของกู้ชูหน่วนดีมาก แม้ว่านางจะได้ยินไม่ชัดแต่ก็พอจะเข้าใจความหมาย
หอเทียนหวั่ง?
มันคือองค์กรแบบไหนกันนะ
เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าบนโลกนี้ช่างมีองค์กรอยู่มากมาย
เสี่ยวลู่บิดสะโพกและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แขกผู้มีเกียรติในห้องส่วนตัวหมายเลขเจ็ดเสนอราคาหนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน ยังมีใครให้มากกว่านี้อีกหรือไม่”
ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าแผนที่ไข่มุกมังกรครามจะต้องตกเป็นของแขกหมายเลขเจ็ด เยี่ยจิ่งหานก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “หนึ่งพันห้าร้อยล้าน”
ฮือฮา…