กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 370
“ขอรับ”
มีประสบการณ์ครั้งแรกแล้วทำให้กู้ชูหน่วนกลั่นยาอีกครั้งได้อย่างสบายมากขึ้นและไม่มีวี่แววที่จะเกิดระเบิดขึ้นอีก จำนวนของเม็ดยาที่เป็นรูปเป็นร่างก็มากขึ้นกว่าครั้งแรกมากมายเสียด้วย
หลังจากเสียเงินไปหนึ่งหมื่นตำลึงนางก็กลั่นยาล้างไขกระดูกได้ประมาณสองร้อยเม็ดซึ่งหนึ่งในนั้นนางได้ใส่หญ้าจื่อเยียนลงไปด้วย
ครั้งนี้นางโชคดีที่ปะทะเข้าที่จุดเส้นวรยุทธ์ เมื่อใดก็ตามขณะที่นางเกือบจะทะลุผ่านจุดเส้นวรยุทธ์นางก็จะหยิบยาล้างไขกระดูกหนึ่งกำกินลงไปเพื่อเพิ่มพลังงาน
เป็นราวกับแต่ก่อนทุกช่วงขณะที่ตีช่องว่างหนึ่งก็จะถูกขวางกั้นไว้โดยอัตโนมัติ กู้ชูหน่วนไม่เชื่อในความชั่วร้ายจึงได้ชนปะทะครั้งแล้วครั้งเล่า
และก็ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าใดจึงสามารถเปิดจุดเส้นวรยุทธ์ออกได้อย่างสมบูรณ์
“พรวด……”
ก็ยังคงมีเลือดไหลออกมาอีกคำหนึ่ง ผู้อื่นผ่านจุดเส้นวรยุทธ์นั้นรู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่างกายพร้อมกับมีกำลังทั่วร่าง แต่นางกลับดูเหมือนว่าหนีจากความตายเช่นนั้นจนเกือบจะเอาชีวิตของนางไปเสียแล้ว
ปากของกู้ชูหน่วนเปื้อนเลือดแต่กลับเผยรอยยิ้มอันเย้ายวนขึ้น
นางลองเสี่ยงโชคทั้งสัปดาห์ ในจุดตันเถียนมีประกายไฟกำลังก่อตัวใหญ่ขึ้นและร่างกายก็เบากว่าแต่ก่อนมาก
นางมีกำลังภายในแล้ว……แม้ว่ากำลังภายในจะอ่อนนัก……
จุดเส้นวรยุทธ์เปิดออกแสดงว่านางสามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้แล้ว
กู้ชูหน่วนหายใจออกยาวๆและเปิดตำรากลั่นยาออกอีกครั้ง
ยาระเหิดและเพิ่มพูนกำลังภายในได้อย่างรวดเร็วซึ่งได้ข้ามผ่านเม็ดยาขั้นที่หนึ่งแล้ว
กู้ชูหน่วนก็สนใจขึ้นมาบ้างอีกครั้ง
“ชิงเฟิง”
ชิงเฟิงทำหน้าขมขื่น “พระชายา วัสดุยาที่ท่านต้องการทั่วทั้งเมืองหลวงก็ไม่มีหมดแล้ว โยกย้ายมาจากที่อื่นเร็วที่สุดก็ต้องเป็นวันพรุ่งนี้”
“ข้าให้เจ้าไปซื้อวัสดุยาเหล่านั้นหรือ? ไป ไปซื้อวัสดุยาตามใบสั่งนี้ให้มากขึ้นมาด้วย หากว่าไม่มีวัสดุยาตามในใบสั่งก็ใช้วัสดุยาอื่นที่คล้ายคลึงกันมาเสริมเป็นวัสดุยาตามหมายเหตุด้านล่างไว้ใบสั่ง”
“พระชายา ยาในใบสั่งนี้มีราคาแพงกว่าเมื่อครู่นี้มาก ท่าน……”
“นี่เป็นเงินหนึ่งแสนตำลึง”
ชิงเฟิงกำเงินหนึ่งแสนตำลึงเอาไว้แน่นและมองไปยังประตูใหญ่ที่กู้ชูหน่วนได้ปิดเอาไว้แน่นหนา เขาต้องการกล่าวสักหนึ่งประโยค
นางต้องการยาอันใดก็บอกตามตรงก็พอแล้วซึ่งไม่ต้องใช้เงินเหล่านี้ไปซื้อวัสดุยา ไม่ว่าจะเป็นยาอันใดใช้เงินหลายหมื่นตำลึงก็สามารถหาซื้อมาได้
สำหรับการกลั่นยา เรียนรู้ด้วยตนเองโดยไร้ซึ่งอาจารย์นั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้
พระชายายังคงกลั่นต่อไป เขานั้นเกรงว่าจวนอ๋องจะถูกนางเผาเสียแล้ว
แม้ว่าจะรู้สึกคัดค้านอยู่เต็มท้องชิงเฟิงก็ยังไปซื้อยาตามคำสั่ง
เจ็ดวัน เป็นเวลาเจ็ดวันเต็ม กู้ชูหน่วนกลั่นยาอยู่ในห้องตลอดและเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นในห้อง ชิงเฟิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไปจึงพานางไปยังห้องกลั่นนาโดยตรง
ในช่วงเวลานี้นอกจากกู้ชูหน่วนจะมอบเงินให้เขาไปซื้อวัสดุยารวมทั้งกินอาหารบ้างก็ไม่ได้ก้าวออกจากประตูเลย ผู้ใดก็ไม่สามารถรู้ได้ว่านางทำเรื่องวุ่นวายอันใดอยู่ด้านในนั้น
เยี่ยจิ่งหานก็ไม่กลับมาเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว เพียงแค่มีคำสั่งให้คนดูแลนางให้ดี
เจ็ดวันต่อมาในที่สุดกู้ชูหน่วนก็ผลักประตูใหญ่ของห้องกลั่นยาออก
เสื้อผ้าสีเหลืองทั้งร่างของนางไม่รู้ว่าถูกระเบิดหรือถูกรมควันจนได้กลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้ว
ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิงและเส้นผมจำนวนไม่น้อยของนางชี้ขึ้น แต่ว่าลักษณะท่าทีของนางช่างดีอย่างน่าประหลาดใจ
และกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าลักษณะทางร่างกายของนางได้แปรเปลี่ยนราวกับมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นางในตอนนี้ทุกย่างก้าวนั้นช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็เสมือนว่ามองดูใต้หล้าอย่างเย็นชาเย่อหยิ่งและสูงส่ง
นางช่างสง่างามไร้ผู้ใดเทียบได้ บังเกิดความรู้สึกที่พิเศษและเมื่อมองไปมาก็ปรากฏความรู้สึกสง่างามวนเวียนอยู่
ชิงเฟิงตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าเป็นพระชายาคนก่อน แต่ว่าเหตุใดเขาถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ชิวเอ๋อร์ต้อนรับให้ขึ้นไปด้วยความประหม่าซึ่งคัดจมูกพร้อมกับร้องไห้สะอื้น “คุณหนู ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว บ่าวร้อนใจแทบตาย คุณหนูต่อให้ภายหน้าท่านต้องการกลั่นยาก็ให้บ่าวอยู่เป็นเพื่อนได้หรือเปล่า”
“เด็กโง่ ไม่ให้เจ้าเรียกตัวเองว่าบ่าวไม่ใช่หรือ?”
“เพคะ ชิวเอ๋อร์ร้อนใจจึงได้ลืมไปเสียแล้ว”
“วางใจได้ ภายหน้าต่อให้ข้ากลั่นยาก็จะไม่ใช้เวลานานเช่นนั้นแล้ว”
ยิ่งกว่านั้น เงินในช่องว่างตรงกลางของแหวนก็ว่างเปล่าลงและก็ไม่มีเงินที่จะซื้อวัสดุยาแล้วจึงต้องคิดหาวิธีหาเงินมาสักหน่อย
“เยี่ยจิ่งหานหล่ะ เหตุใดถึงไม่เห็นเขา?”