กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 386
กู้ชูหน่วนเปิดกล่องและพบหยกหนึ่งชิ้น หยกสีขาวสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แกะสลักด้วยอักษรรูนเต็มไปหมด
เป็นไปอย่างที่นางได้คาดคิดเอาไว้ อักษรรูนบนแผ่นหยกขาวนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับระฆังวิญญาณสะบั้นมาก
กู้ชูหน่วนทุบหยกขาวชิ้นนั้นตามวิธีการเดิม ในที่สุดหลังจากที่หยกขาวแตกหัก อักษรรูนที่ถูกสลักไว้ก็ปรากฏขึ้นทีละตัวในอากาศ และผสานเข้ากับระฆังวิญญาณสะบั้นโดยอัตโนมัติ
หยกทั้งสามชิ้นถูกรวมเข้ากับระฆังวิญญาณสะบั้นในชั่วพริบตา จากนั้นก็มีแสงสว่างส่องไปบนท้องฟ้า
แสงระยิบระยับนั้นปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยแสงแห่งเทวดานางฟ้า และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้ในระยะไกล
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ที่นี่มีความเคลื่อนไหวที่น่าถูกจับตามอง เกรงว่าแต่ละกองกำลังจะถูกทำให้ตื่นตระหนกเอาได้
“ชิ้ว……”
ระฆังวิญญาณสะบั้นมอดดับลงและตกลงสู่พื้นดินด้วยเสียงกระทบกันในทันที
กู้ชูหน่วนหยิบขึ้นมาและสังเกตอย่างละเอียด บนระฆังวิญญาณสะบั้นมีแผนที่หนึ่งปรากฏเอาไว้ แผนที่ที่มีความละเอียดชัดเจน เพียงแต่แผนที่นี้ดูแปลกตาและไม่คุ้นอย่างมาก ซึ่งดูไม่ออกเลยว่าเป็นสถานที่แห่งใด
เซี่ยวอวี่เซวียนนำแผนที่มาประทับไว้ที่ศีรษะ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “หรือว่าหากค้นหาตามแผนที่อันนี้จะทำให้เจอไข่มุกมังกรได้”
“รู้หรือไม่ว่าเครื่องหมายบนแผนที่คือที่ใด?”
“ไม่รู้ แต่บริเวณนี้คาดว่าน่าจะเป็นทะเลโลหิต รัฐเยี่ยมีเพียงสามที่เท่านั้นที่มีทะเลโลหิต นั่นก็คือเมืองอู๋ซวง เมืองมู่หรง และเมืองจ่างฮวน หนึ่งในนั้นคือเมืองมู่หรงมีพื้นที่ทะเลโลหิตมากที่สุด”
กู้ชูหน่วนลูบคาง เป็นไปได้หรือไม่ว่าแผนที่นี้จะบันทึกแผนที่เมืองมู่หรงเอาไว้?
นางพลิกแผนที่ไปมา และที่มุมล่างซ้ายเห็นอักขระสี่ตัวของรัฐเว่ย เมืองหลวงแห่งท้องทะเลโลหิตซึ่งถูกเขียนขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน
“เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าเคยได้ยินเมืองหลวงแห่งทะเลโลหิตหรือไม่?”
“ไม่เคย”
“ข้าเชื่อว่าแผนที่นี้ไม่ได้บันทึกแผนที่ของเมืองมู่หรงอย่างแน่นอน นี่เป็นอักษรของรัฐเว่ยเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว รัฐเว่ยตั้งอยู่ทางตอนเหนือ แต่เมืองมู่หรงตั้งอยู่ทางตอนใต้ ซึ่งเป็นระยะที่ค่อนข้างห่างไกลกันอย่างมาก”
“เจ้าหมายความว่า……แผนที่ที่ถูกบันทึกนี้น่าจะเป็นของเมืองอู๋ซวง?”
กู้ชูหน่วนพลิกแผนที่บนระฆังวิญญาณสะบั้นไปมาอยู่หลายรอบและขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก
แผนที่นี้มีอายุอย่างน้อยสองพันกว่าปี ในช่วงสองพันปีที่ผ่านมา แม้แต่ภูมิทัศน์ของภูเขาและแม่น้ำก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หากให้คนสองพันกว่าปีหลังจากนั้นไปหาแผนที่ที่คนเมื่อสองพันปีก่อนหลงเหลือไว้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องโง่เขลามากเกินไป?
กู้ชูหน่วนนำระฆังวิญญาณสะบั้นเก็บเอาไว้ “ออกไปจากที่นี่เสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งตามมาได้จากการเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ หลังจากการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกร เราไปที่เมืองอู๋ซวงกันสักครั้ง”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ส่งพวกข้าออกไปจากที่นี่”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ค่อยๆ ตอบกลับและพาพวกเขาออกไปจากส่วนลึกของภูเขาหิมะ
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาจากไป ลมหายใจอันแรงกล้าจำนวนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่พวกเขาเพิ่งปรากฏตัวเมื่อสักครู่ หากกู้ชูหน่วนจากไปช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว เกรงว่าคงจะต้องได้ประชันหน้ากัน
“ซู่……”
หลังจากออกจากภูเขาหิมะแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็วางพวกเขาลงที่บริเวณภายนอกบนภูเขา และศีรษะที่ใหญ่โตนั้นก็ถูไปที่มือเรียวยาวของกู้ชูหน่วน สองในศีรษะนั้นก็ทำการกอดรัดขาของนางและไม่หยุดที่จะออดอ้อนออเซาะ
ดูเหมือนว่ากู้ชูหน่วนจะเข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร จากนั้นจึงปฏิเสธออกไปโดยไม่แม้แต่จะคิด “ไม่ได้ เจ้าตัวใหญ่เกินไป หากข้าพาเจ้าไปด้วย เช่นนั้นก็จะถูกตกเป็นที่สังเกตเอาได้ง่าย อีกอย่างข้าก็แบกเจ้าไปไม่รอดด้วย”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กะพริบตาออดอ้อน และตั้งใจไตร่ตรองคำพูดของนาง
ทันใดนั้น ร่างของมันที่ใหญ่กว่าร้อยเมตรก็หดตัวลงเหลือเพียงแค่งูตัวเล็กๆ ไม่กี่สิบเมตร ราวกับกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะไม่ยอมพามันไปด้วย มันยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง สิบเมตร เจ็ดเมตร ห้าเมตร สามเมตร หนึ่งเมตร ครึ่งเมตร สิบห้าเซนติเมตร
กู้ชูหน่วนเห็นเข้าก็รู้สึกตกตะลึง เซี่ยวอวี่เซวียนก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน
นี่คืองูเหลือมหรือ?
เห็นได้ชัดว่านี่คือไส้เดือนขนาดเล็ก
เชอะ ไส้เดือนตัวเล็กจะมีขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หัวเราะชอบใจและเงยหน้าขึ้นเพื่อรอให้กู้ชูหน่วนชื่นชม
จากนั้นมันปีนขึ้นไปบนร่างกายของกู้ชูหน่วนโดยอัตโนมัติ และขดตัวเป็นวงกลมที่นิ้วของนาง จากนั้นจึงผล็อยหลับไปด้วยความเกียจคร้าน